จากการที่ประเทศไทยร่วมกับประเทศในกลุ่มอาเซียนจะเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2034 นั้น KBU SPORT POLL โดยศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตจึงสำรวจคิดเห็นเรื่อง “ประเทศไทยกับบอลโลก 2034” เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสะท้อนมุมมองสำหรับการขับเคลื่อนการพัฒนากีฬาของประเทศโดยเฉพาะการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2034
สำหรับการสำรวจดังกล่าวดำเนินการผ่านระบบออนไลน์และภาคสนามระหว่างวันที่ 29-31 มีนาคม 2564 โดย โพล กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ที่สนใจและติดตามข่าวสารทางการกีฬาซึ่งมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปจำนวน 1,201 คนโดยแบ่งเป็นเพศชาย 702 คนคิดเป็นร้อยละ 58.46 เพศหญิง 499 คนคิดเป็นร้อยละ 41.54 ซึ่งผลการวิเคราะห์ในประเด็นต่างๆโดยภาพรวมพบว่า
โอกาสและความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียนจะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ส่วนใหญ่ร้อยละ 32.55 มีโอกาสค่อนข้างน้อย รองลงมาร้อยละ 29.64 มีโอกาสค่อนน้อย ร้อยละ19.09 มีโอกาสมาก ร้อยละ 11.52 มีโอกาสค่อนข้างมาก และร้อยละ 7.2 ไม่แน่ใจ
หน่วยงานหลักที่เหมาะกับการประสานเตรียมการเบื้องต้น ส่วนใหญ่ร้อยละ 38.42 ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รองลงมาร้อยละ 24.86 ทุกหน่วยงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร้อยละ 18.47 การกีฬาแห่งประเทศไทย ร้อยละ14.22 กรมพลศึกษา และอื่นๆร้อยละ 4.03
ประเทศในกลุ่มอาเชียนที่คาดว่าจะมีความพร้อมสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ส่วนใหญ่ร้อยละ 28.04มาเลเซีย รองลงมาร้อยละ 24.77 อินโดนีเซีย ร้อยละ 23.90 ไทย ร้อยละ 12.73 สิงคโปร์ ร้อยละ 7.31 เวียดนาม และอื่นๆร้อยละ 3.25
ปัจจัยสนับสนุนสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ส่วนใหญ่ร้อยละ 26.18 ความพร้อมของสนามจัดการแข่งขันและสนามฝึกซ้อม รองลงมาร้อยละ 21.22 ความพร้อมที่เกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ร้อยละ 19.57 การสนับสนุนของรัฐบาลและประชาชน ร้อยละ 17.51 ความพร้อมของงบประมาณและแหล่งทุน ร้อยละ 12.08 ความปลอดภัยและจุดขายด้านการท่องเที่ยวและศิลปะวัฒนธรรม และอื่นๆร้อยละ 3.44
ประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โพล ส่วนใหญ่ร้อยละ 27.81 เกิดการกระตุ้นทางเศรษฐกิจ/รายได้จากสิทธิประโยชน์และการท่องเที่ยว รองลงมาร้อยละ 24.38 ชื่อเสียงของประเทศ ร้อยละ 17.09 การตื่นตัวและแรงจูงใจทางการกีฬาของประชาชน ร้อยละ 14.13 สนามกีฬาและสิ่งปลูกสร้าง ร้อยละ 12.61 ความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และอื่นๆร้อยละ 3.98
ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตในฐานะผู้ดำเนินการ KBU SPORT POLL กล่าวเพิ่มเติมว่าจากผลการสำรวจดังกล่าวจะเห็นได้ว่ากีฬาฟุตบอลเป็นกีฬามหาชนที่คนทั่วโลกให้ความสนใจและหากชาติใดได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันประโยชน์ที่จะตามมาย่อมตกแก่ประเทศและสังคมส่วนรวมอย่างมากมายโดยเฉพาะผลต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคมตลอดจนมิติต่างๆที่หลากหลาย
แต่เมื่อพิจารณาถึงโอกาสและความเป็นไปได้สำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันของประเทศไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียนจะเห็นได้ว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นว่ามีโอกาสค่อนข้างน้อย ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะว่าการที่ชาติใดจะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬารายการนี้จะต้องมีความพร้อมและองค์ประกอบตลอดจนปัจจัยสนับสนุนที่จะเข้ามามีส่วนร่วมที่หลากหลาย และหากส่องไปดูประเทศที่กลุ่มตัวอย่างคาดว่าจะมีความพร้อมในการจัดการแข่งขันส่วนใหญ่เทไปที่ประเทศเพื่อนบ้านมากกว่าประเทศไทย
อย่างไรก็ตามการที่ประเทศไทยโดยรัฐบาลได้หยิบยกและชูประเด็นการขอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2034 ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนถือได้ว่าเป็นการจุดประกายให้ฟีฟ่าตลอดจนนานาประเทศเห็นว่าชาติในอาเซียนต่างก็มีความพร้อมไม่น้อยไปกว่าชาติใด และเหนือสิ่งอื่นใดวันนี้ยังมีเวลาในการเตรียมการหากชาติในอาเซียนได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลตลอดจนประชาชนรวมทั้งมีการผนึกพลังกันอย่างจริงจังและต่อเนื่องโอกาสของความสำเร็จที่จะบรรลุเป้าหมายก็มีไม่น้อยเช่นเดียวกัน