คู่มือ ฟุตบอลโลก 2022: ทุกอย่างที่ควรรู้ สถิติที่ต่าง ๆ และประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจจากอดีตจนถึงปัจจุบัน

หลายคนคงทราบดีแล้วว่า ฟุตบอลโลก 2022 ที่จะจัดขึ้นในประเทศกาตาร์นั้นกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะโดยตามโปรแกรมจะลงฟาดแข้งกันตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน จนถึงวันที่ 18 ธันวาคม โดยถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการจัดการแข่งขันในประเทศแถบตะวันออกกลาง นั่นทำให้การแข่งขันต้องเลือนมาแข่งในช่วงปลายปีที่เป็นฤดูหนาวเนื่องจากอากาศที่ร้อนจัดในดินแดนอาหรับนั่นเอง

บทความนี้เราได้ทำการรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับฟุตบอลโลกช่วงปลายปี รวมถึงข้อเท็จจริงและสถิติจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของฟุตบอลรายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยทัวร์นาเมนต์จะเริ่มต้นขึ้น !

ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ หรือ ฟุตบอลโลก ตามที่เราเรียกกัน เป็นรายการทัวนาเมนต์ฟุตบอลระดับนานา ๆ ชาติ ที่มีทีมฟุตบอลเข้าร่วมแข่งขันในนามของแต่ละประเทศที่เป็นสมาชิกของ ฟีฟ่า โดยจะมีการคัดเลือกชาติตัวแทนจาก 6 ทวีป ประกอบด้วย แอฟริกา เอเชีย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ โอเชียเนีย และ ยุโรป ซึ่งแต่ละปีจะมีประเทศที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันและเจ้าภาพจะได้สิทธิร่วมลงแข่งขันรอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติเช่นเดียวกับทีมแชมป์เก่าจากปีที่ผ่านมา

จุดเริ่มต้น

หลังจาก ฟีฟ่า ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1904 ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส หลังจากนั้น 26 ปีหรือในปี 1930 ประเทศสมาชิกจำนวน 13 ทีมตอบรับเข้าร่วมการแข่งขัน “ฟุตบอลโลก” ครั้งแรกโดยมีอุรุกวัยเป็นเจ้าภาพและมีทีมจากยุโรปเข้าร่วมทั้งหมด 4 ชาติ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม ยูโกสลาเวีย และ โรมาเนีย ซึ่งในปีนั้น ทัพจอมโหด เจ้าบ้านเอาชนะ อาร์เจนตินา คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ ก่อนที่ครั้งต่อมาในปี 34 และ 38 จะเพิ่มเป็น 16 ทีมและเป็น อิตาลี ที่คว้าแชมป์มาครองได้ทั้งหมด

อย่างไรก็ตามในปี 42 และ 46 ไม่มีการแข่งขันเนื่องจากอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และกลับมาทำการแข่งขันได้อีกครั้งในปี 1950 ซึ่งจากวันนี้มาจนถึงปัจจุบันมีอีกเพียง 6 ชาตินอกเหนือจากสองประเทศที่กล่าวไปที่เคยคว้าแชมป์รายการนี้ประกอบด้วย บราซิล อาร์เจนตินา ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี และ สเปน เท่านั้น

กฏการแข่งขันเบื้องต้น

การเปลี่ยนตัว

แต่ละนัดในรอบสุดท้ายทุกชาติจะสามารถส่งรายชื่อตัวสำรองได้สูงสุด 12 คน สามารถเปลี่ยนตัวได้ 3 ครั้งแต่ทั้งนี้จะเปลี่ยนได้ไม่เกิน 5 คน และหากมีการต่อเวลาพิเศษทั้งสองทีมจะได้รับโควต้าเปลี่ยนตัวเพิ่มอีกหนึ่งคนทันที

โทษแบน

ผู้เล่นที่โดนไล่ออกจากสนามจะถูกแบนในนัดต่อไปทันทีหนึ่งเกม ทั้งกรณีที่เป็นใบแดงโดยตรงหรือโดนใบเหลือง 2 ใบในหนึ่งเกม และหากนักเตะโดนใบเหลืองสะสมครบ 2 ใบแม้จะเกิดขึ้นคนละเกมก็จะถูกแบนทันทีหนึ่งนัดเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ใบเหลืองจะถูกล้างทันทีหากทีมสามารถเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้

มิโรสลาฟ โคลเซ ขึ้นนำเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมาพร้อมกับการคว้าแชมป์โลกกับทีมชาติ เยอรมนี มาครองได้สำเร็จ ด้วยผลงาน 16 ประตู โดยปัจจุบันคนที่ใกล้เคียงที่สุดที่ยังค้าแข้งอยู่ก็คือรุ่นน้องอย่าง โธมัส มึลเลอร์ ที่ยิงไปแล้ว 10 ประตูตามมาแบบห่าง ๆ นั่นเอง

  1. มิโรสลาฟ โคลเซ (เยอรมนี) – 16
  2. โรนัลโด้ (บราซิล) – 15
  3. เกิร์ด มึลเลอร์ (เยอรมนี) – 14
  4. ฌุสต์ ฟงแตน (ฝรั่งเศส) – 13
  5. เปเล (บราซิล) – 12
  6. แซนดอร์ คอคซิส (ฮังการี) – 11
  7. เยอร์เก้น คลินสมันน์ (เยอรมนี) – 11
  8. เฮลมุต ราห์น (เยอรมนี) – 10
  9. แกรี ลินิเกอร์ (อังกฤษ) – 10
  10. กาเบรียล บาติสตูต้า (อาร์เจนตินา) – 10
  11. ทีโอฟิโล คูบิญาส (เปรู) – 10
  12. โธมัส มึลเลอร์ (เยอรมนี) – 10
  13. เกอร์เซกอร์ซ เลโต้ (โปแลนด์) – 10
  14. อูเซบิโอ (โปรตุเกส) – 9
  15. คริสเตียน วิเอรี (อิตาลี) – 9

นักเตะยอดเยี่ยม…

โกลเด้น บอล คือหนึ่งในรางวัลประจำทัวร์นาเมนต์ของฟุตบอลโลกที่จะมอบให้นักเตะที่ว่ากันว่าดีที่สุดประจำปีนั้น ๆ โดยเริ่มมีการมอบรางวัลนี้ตั้งแต่ ฟุตบอลโลก 1982 ลแะนักฟุตบอลคนแรกที่ได้รับคือ เปาโล รอสซี จาก อิตาลี นั่นเอง

เช่นเดียวกับนักเตะยอดเยี่ยม แต่สำหรับรางวัลนี้จะมอบให้กับดาวรุ่งพุ่งแรงที่ทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดในทัวร์นาเมนต์ ซึ่งอันที่จริงรางวัลนี้เพิ่งจะเริ่มต้นครั้งแรกเมื่อ ฟุตบอลโลก 2006 ที่ผ่านมานี่เอง โดย ลูคัส โพดอลสกี้ จาก เยอรมนี เป็นผู้คว้ารางวัลนี้ไปครอง แต่หลังจากนั้น ฟีฟ่า ได้ทำการเปิดให้โหวตย้อนหลังยาวไปจนถึงปี 1958 และนี่คือผลการโหวตทั้งหมด

ดาวซัลโวสูงสุด…

รางวัล “โกลเด้น บูท” จะถูกมอบให้กับนักเตะที่ยิงประตูได้มากที่สุดใน ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของทุก ๆ ปี ซึ่งอันที่จริงเพิ่งจะมีการมอบรางวัลนี้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ ฟุตบอลโลก 1982 เป็นต้นมา ก่อนจะมีการจดสถิติย้อนหลังกลับไปจนถึงฟุตบอลโลกครั้งแรก

หากกรณีที่มีนักเตะมากกว่าหนึ่งคนที่ยิงประตูได้สูงที่สุดเท่ากัน จะมีหลักในการคัดเลือกให้เหลือเพียงคนเดียว โดยจะมีเกณฑ์ตามลำดับดังนี้

– ประตูที่ทำได้ตัดการยิงจุดโทษออกไป

– จำนวนแอสซิสต์

– จำนวนเวลาที่ลงสนาม (น้อยกว่า)

โกลเด้น โกลฟ คือรางวัลที่จะมอบให้กับผู้รักษาประตูที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุดใน ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ของแต่ละปี โดยเดิมทีเคยถูกเรียกว่า “เรฟ ยาชิน อวอร์ด” และเริ่มมีการมอบรางวัลตั้งแต่ 1994 ก่อนจะถูกเปลี่อนชื่อมาเป็น โกลเด้น โกลฟ เมื่อปี 2010 ที่ผ่านมา

นักเตะที่ลงสนามมากที่สุด..

สถิติ ณ ปัจจุบันยังเป็นของ โลธาร์ มัตเธอุส จาก ทีมชาติเยอรมนี ที่ทำเอาไว้สูงถึง 25 เกมด้วยกัน โดยนักเตะที่ยังค้าแข้งอยู่ในปัจจุบันและมีโอกาสเทียบสถิติได้นั่นก็คือ ลิโอเนล เมสซี ที่ลงสนามไปแล้ว 19 นัด แต่นั่นหมายความว่าเจ้าตัวต้องพา อาร์เจนตินา ไปถึงรอบชิงชนะเลิศให้ได้เท่านั้น

  1. โลธาร์ มัตเธอุส (เยอรมนี) – 25
  2. มิโรสลาฟ โคลเซ (เยอรมนี) – 24
  3. เปาโล มัลดินี (อิตาลี) – 23
  4. ดิเอโก มาราโดนา (อาร์เจนตินา) – 21
  5. อูเว ซีเลอร์ (เยอรมนี ตะวันตก) – 21

อย่างที่ทราบกันดีว่าฟุตบอลโลกจะจัดขึ้นทุก ๆ 4 ปี โดย ฟุตบอลโลก 2026 จะจัดขึ้นใน 3 ประเทศได้แก่ แคนาดา เม็กซิโก และ สหรัฐอเมริกา ส่วนในปี 2030 นั้นยังไม่มีการประกาศประเทศเจ้าภาพอย่างเป็นทางการ ณ เวลานี้

ที่มาของ กาตาร์

8 สนามที่ใช้ในการแข่งขัน อยู่ห่างจากใจกลางกรุงโดฮาไม่เกิน 21 ไมล์ ซึ่งแต่ละสนามมีการใช้พลังงานสะอาด ที่จะช่วยในระบบปรับความเย็นภายใน หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นสนามฟุตบอลที่ติดแอร์นั่นเอง

ทำความรู้จัก 8 สนามสุดอังการที่ใช้ในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022

รอบชิงชนะเลิศ…

การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศปีนี้ จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม เวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่สนาม ลูเซล ไอคอนิค สเตเดี้ยม ที่มีความจุรองรับผู้ชมได้มากกว่า 80,000 คน

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาได้มีการจับสายในรอบแบ่งกลุ่มไปเป็นที่เรียบร้อย โดย กาตาร์ ที่เป็นเจ้าภาพและเป็นทีมวางในกลุ่ม เอ จะอยู่ร่วมสายกับ เนเธอร์แลนด์ เซเนกัล และ คู่แข่งในนัดเปิดสนามอย่าง เอกวาดอร์ ขณะที่ขวัญใจมหาชนอย่าง ทีมชาติอังกฤษ จะอยู่ในกลุ่ม บี ร่วมกับ สหรัฐอเมริกา เวลส์ และ อิหร่าน

กลุ่ม เอ : กาตาร์, เอกวาดอร์, เซเนกัล, เนเธอร์แลนด์

กลุ่ม บี: อังกฤษ, อิหร่าน, สหรัฐอเมริกา, เวลส์

กลุ่ม ซี: อาร์เจนตินา, ซาอุดิอาระเบีย, เม็กซิโก, โปแลนด์

กลุ่ม ดี: ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย, เดนมาร์ก, ตูนิเซีย

กลุ่ม อี: สเปน, คอสตาริกา, เยอรมนี, ญี่ปุ่น

กลุ่ม เอฟ: เบลเยียม, แคนาดา, โมร็อกโก, โครเอเชีย

กลุ่ม จี: บราซิล, เซอร์เบีย, สวิตเซอร์แลนด์, แคเมอรูน

กลุ่ม เอช: โปรตุเกส, กานา, อุรุกวัย, เกาหลีใต้

อัพเดทโปรแกรมล่าสุดรอบแบ่งกลุ่ม วันและเวลาการแข่งขันในประเทศไทย

ผู้ตัดสินในฟุตบอลโลก 2022

เช่นเดียวกับทุก ๆ ปีที่ผู้ตัดสินจากสมาคมฟุตบอลทั่วทั่งโลกจะถูกเรียกตัวมามีส่วนร่วมในทัวร์นาเมนต์อันยิ่งใหญ่นี้ ซึ่งจากฝั่งอังกฤษ 2 ผู้ตัดสินชื่อดังอย่าง ไมเคิล โอลิเวอร์ และ แอนโธนี เทย์เลอร์ ก็ถูกเรียกไปร่วมงานด้วยเช่นกัน โดยรายชื่อทั้งหมดมีดังนี้

AFC (เอเชีย)

CAF (แอฟริกา)

CONCACAF (อเมริกาเหนือ)

CONMEBOL (อเมริกาใต้)

OFC (โอเชียเนีย)

UEFA (ยุโรป)

ผู้ตัดสิน VAR

AFC (เอเชีย)

CAF (แอฟริกา)

CONCACAF (อเมริกาเหนือ)

CONMEBOL (อเมริกาใต้)

UEFA (ยุโรป)

He’s come from the mascot-verse full of energy and is ready to bring the joy of football to everyone!

Introducing: La’eeb – the #FIFAWorldCup Qatar 2022 Official Mascot pic.twitter.com/RrEA6iS6t4

— FIFA World Cup (@FIFAWorldCup) April 1, 2022

ลูกฟุตบอลที่ใช้ใน ฟุตบอลโลก 2022

ปีนี้ ฟีฟ่า และ อดิดาส ได้ทำการเปิดตัวลูกฟุตบอลชื่อ “อัล ริห์ลา” ที่หมายความว่า “การเดินทาง” ซึ่งจะมีจุดเด่นอยู่ที่ความเร็วของลูกฟุตบอลที่มาจากการใช้กรรมวิธีพิเศษผลิตขึ้นมาจากหมึกและกาวน้ำ

Germany v England: UEFA Nations League - League Path Group 3

Germany v England: UEFA Nations League – League Path Group 3 / Robbie Jay Barratt – AMA/GettyImages

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด