ขอให้สมหวัง

เช่นเดียวกับประเทศไทยที่เคยเป็นเจ้าภาพจัดเกมกีฬาใหญ่อย่าง “ซีเกมส์รวมถึงเอเชียนเกมส์” มาแล้ว แม้จะยังก้าวไปไม่ถึงโอลิมปิกเกมส์แต่ก็ถือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติที่ได้มีโอกาสจัดงานใหญ่แบบนี้

ขณะที่สมาคมซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลนักกีฬาหรือเปรียบเสมือนพ่อแม่ที่คอยปลุกปั้นให้ลูกๆของตัวเองกล้าแกร่งเพื่อเป็นกำลังหลักให้กับประเทศชาติ ต่างก็ใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ระดับโลกสักครั้งเพื่อเป็นเกียรติประวัติกับองค์กรรวมถึงชื่อเสียงของประเทศชาติ

ยิ่งเป็นสมาคมกีฬาที่ได้รับความนิยมด้วยแล้ว การได้เป็นเจ้าภาพในเกมระดับโลกถือเป็นที่สุดของที่สุดเหมือนกับสมาคมลูกหนังไทยภายใต้การ บริหารงานของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่กำลังขายฝัน “พาบอลไทยไปบอลโลก”

จะว่าไปแล้วโครงการ “บอลไทยไปบอลโลก” ไม่ใช่ของแปลกใหม่ เพราะคิดกันมานานหลายปีแล้วตั้งแต่ผู้บริหารสมาคมลูกหนังยุคก่อน เพียงแต่เรายังก้าวไปไม่ถึงเป้าหมายสักที

แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป้าหมายที่วางไว้ไม่ใช่ของง่าย แต่เปรียบเสมือน “เข็นครกขึ้นเขา”

ทุกประเทศที่สมหวังไปแล้วต่างก็ต้องผ่านจุดที่ยากลำบากมาก่อนทั้งนั้น เพียงแต่ว่าเราจะใช้ระยะเวลานานแค่ไหน

ทั้งนี้ ก็ต้องดูองค์ประกอบขององค์กรนั้นๆ ด้วยว่ามีโอกาสหรือความหวังมากน้อยแค่ไหน มีการบริหารงานที่เด่นชัดหรือมีความตั้งใจอย่างไรผลงานของลูกๆในสมาคมดีมากน้อยแค่ไหน

ถ้าพูดในเรื่องนี้กับสมาคมฟุตบอลไทยในยุค “บิ๊กอ๊อด” บอกเลยสอบตกร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะผลงานของสมาคมลูกหนังในยุคนี้ห่วยแตกสิ้นดี แทบสะกดคำว่าชนะไม่เป็นเลย

เอาแค่ในระดับอาเซียนอย่าง “ซีเกมส์” ที่หลายคนคิดว่าเป็นของตายเรายังล้มเหลวไร้เหรียญทองทั้งทีมชายและทีมหญิง ที่สำคัญลีกสูงสุดในประเทศที่นับเป็นฐานรากสำคัญของทีมชาติก็ย่ำแย่กว่าที่เคยเป็น

เอาแบบที่เด่นชัดอย่างเรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่เคยมีมูลค่ามหาศาลเป็นพันล้านตอนนี้ไม่รู้เหลือเท่าไหร่กันแน่ เพราะยังไม่เห็นผู้บริหารออกมาเปิดเผยตัวเลขให้เห็นกันเลย

เอ! หรือจะเหลือเพียงแค่หลักล้านตามที่หลายคนร่ำลือกันในโลกโซเชียลไม่ใช่จะมาดูแคลนสมาคมฟุตบอลไทยในฐานะคนไทยคนหนึ่งก็อยากที่จะเห็นบอลไทยไปบอลโลกเช่นกัน

ต้องยอมรับผลงานของทีมชาติไทยถือเป็นดัชนีชี้วัดได้เป็นอย่างดีว่าอนาคตของสมาคมลูกหนังจะเป็นเช่นไร ก้าวไปถึงเป้าหมายสูงสุดตามที่ฝันไว้หรือไม่

ไม่อยากจะเปรียบเทียบกับสมาคมอื่น แต่ไม่พูดก็ไม่ได้ เอาแค่สมาคมลูกยางที่มี “สมพร ใช้บางยาง” เป็นนายก กลับทำผลงานได้อย่างกึกก้องเป็นที่ประจักษ์ จนทำให้บรรดาแฟนคลับเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ

ผิดกับสมาคมลูกหนังในยุคปัจจุบันที่ดูแฟนคลับลดลงตลอด ส่วนหนึ่งเพราะผลงานไม่ดี เอาแค่ลีกในประเทศที่เมื่อก่อนคนดูแห่จองบัตรล่วงหน้า โดยเฉพาะคู่บิ๊กแมตช์ไม่เช่นนั้นหมดโอกาสเข้าชม แต่ตอนนี้ทุกอย่างตรงกันข้าม

อย่ามาอ้างเรื่องโควิด เพราะทุกสมาคมกีฬาต่างก็ประสบปัญหาเดียวกัน เพียงแต่ว่าผู้บริหารจะคิดหรือพลิกแพลงอย่างไรเพื่อให้สมาคมอยู่รอดและผลงานไม่ดร็อป

อีกสมาคมกีฬาที่ชัดเจน “จักรยาน” ของ “เสธ.หมึก” พล.อ.เดชา เหมกระศรี นับเป็นสมาคมตัวอย่างที่ปัญหาโควิดทำอะไรไม่ได้เลย “เสธ.หมึก” คิดทุกอย่างเพื่อกีฬาจักรยานไม่ถูกลืมเลือนพยายามคิดวิธีแปลกๆให้บรรดาแฟนคลับได้ออกกำลังกายในช่วงที่มีการแพร่ระบาดจนได้รับให้เป็น “สมาคมต้นแบบ”

เอาเถอะครับเมื่อ “บิ๊กอ๊อด” พยายามคิดขึ้นมาแล้วและพยายามสานต่อโครงการก็ถือเป็นเรื่องดี คงต้องฝากกำลังใจและลองดูสักตั้ง

ก็ได้แต่หวังให้ทุกอย่างที่คิดหรือขายฝันสำเร็จเป็นจริงตามที่ตั้งใจไว้

โอมเพี้ยงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.

ตองเจ