มาร์ก กูกูเรย่า ปราการหลังของเชลซี ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ระหว่างเขากับคริสเตียน โรเมโร่ ระหว่างเกมพรีเมียร์ ลีก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พร้อมเผยความรู้สึกหลังมีคนแนะนำให้ตัดผม
มาร์ก กูกูเรย่า กองหลังของเชลซี ให้คำมั่นว่าจะไม่ตัดผมยาวลอนสลวยของเขาเป็นอันขาด แม้ว่าจะโดนดึงโดยคริสเตียน โรเมโร่ ในเกมที่เสมอกับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 2-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา “ไม่ ไม่มีทาง นี่คือสไตล์ของผม” กองหลังชาวสเปนมูลค่า 62 ล้านปอนด์ยิ้มตอบกลับระหว่างการให้สัมภาษณ์
เมื่อวานที่ผ่านมา (พุธที่ 17 สิงหาคม 2565) โดยกูกูเรย่า กลายเป็นกองหลังที่แพงที่สุดของเชลซีเมื่อเขาย้ายมาจากไบรท์ตันเมื่อต้นเดือนนี้
แต่การเปิดตัวสำหรับเกมในบ้านของเขาได้รับการจดจำจากเหตุการณ์ในช่วงท้ายเกมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อโรเมโร่ กระชากผมกูกูเรย่าจนเจ้าตัวล้มลงไป มันเคยเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวก่อนหน้านี้ ตอนที่กูกูเรย่าเล่นให้กับเอสปันญ่อลชุดอายุไม่เกิน 12 ปี แต่คราวนี้ มันเกิดขึ้นเพียงครู่เดียวก่อนที่แฮร์รี่ เคน จะโหม่งให้สเปอร์สได้ 1 แต้ม
กลับไป และนักเตะวัย 24 ปีรายนี้ยังประหลาดใจที่ผู้ตัดสินปล่อยให้เป็นประตูอีกทั้งโรเมโร่ยังไม่โดนถูกลงโทษจากผู้ตัดสิน แอนโธนี่ เทย์เลอร์ หรือผู้ตัดสิน VAR อย่างไมค์ ดีน
“ผมคิดว่าในวิดีโอมันชัดเจนมาก” เขากล่าว “นี่อาจเป็นความผิดพลาดอย่างหนึ่งของผู้ตัดสินหรือ VAR บางครั้งผู้ตัดสินก็ตัดสินได้ดี บางครั้งก็ไม่ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” “นี่ไม่ใช่ปัญหาของผม นักเตะมีสมาธิกับเกม และบางทีเราต้องทำงานหนักเพื่อไม่ให้เสียประตูนี้ในนาทีสุดท้ายในเกมต่อๆ ไป” “ผู้ตัดสินในสนามบอกว่าพวกเขากำลังตรวจสอบใบแดง และสำหรับผมมันชัดเจนมาก นี่คือฟุตบอลและในเกมนี้มันคือข้อผิดพลาด แต่ในอีกเกม ผู้ตัดสินตัดสินได้ดี”
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฮีโร่ของกูกูเรย่าก็คือการ์เลส ปูโยล และ ดาวิด ลุยซ์ ซึ่งเป็นกองหลังอีกสองคนที่ผมยาวสลวย แต่กูกูเรย่าไม่คิดว่าการดึงผมแย่ไปกว่าการทำฟาล์วทั่วไป “มันก็เหมือนกัน คุณเตะขาผม, ดึงผมของผม แต่ผู้ตัดสินไม่เข้าใจ” เขากล่าว “มันคือความผิดพลาด” แต่เขาก็ไม่มีความขุ่นเคืองใดๆ ต่อดาวเตะอาร์เจนติน่าอย่างโร
เมโร่ “ก่อนเกม ผมได้คุยกับเขา และมันเป็นการต่อสู้ในสนาม ผมไม่มีปัญหากับเขาและเป็นเพียงการกระทำในเกมเท่านั้น มันสำคัญเพราะมันเปลี่ยนผลการแข่งขัน เราจะมีโอกาสอีกครั้งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า”
กองหลังรายนี้ยอมรับว่าเขารู้สึกประหม่าตอนเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวของเชลซีที่เต็มไปด้วยนักเตะที่เคยคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีกและแชมป์โลก เขากล่าวว่า: “ผมคิดว่าสิ่งที่อยากรู้มากที่สุดสำหรับผมก่อนที่จะมาที่นี่ก็คือเอ็นโกโล่ ก็องเต้ ผมได้อ่านมาอะไรมามากมายเกี่ยวกับเขาที่เป็นคนเงียบๆ ถ่อมตัว และนั่นคือเรื่องจริง”
โธมัส ทูเคิล ผู้จัดการทีมได้ติดตามกูกูเรย่ามาตั้งแต่สมัยอยู่ในอะคาเดมี่ของบาร์เซโลน่า แต่การย้ายมาที่เชลซีของเขาเกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ล่ม “ซัมเมอร์นี้ค่อนข้างยุ่ง มีข่าวลือมากมายเกิดขึ้น ผมคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะย้ายไปที่สโมสรใหญ่” เขากล่าว “เชลซีแสดงความสนใจตลอดช่วงซัมเมอร์ ดังนั้นผมจึงมี
ความสุขมาก” เขายอมรับว่าค่าตัวมหาศาลของเขาสร้างแรงกดดันไม่น้อย “มันเป็นเงินจำนวนมากและเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ ผมมีความสุขเพราะ (เจ้าของทีม) ท็อดด์ โบห์ลี่ และบอสสนใจในตัวผมมาก ผมต้องทำงานหนัก ปรับตัวเข้ากับทีม และพร้อมที่จะเล่นให้ดี”
กูกูเรย่า ฉายแววโดดเด่นระหว่างหนึ่งฤดูกาลของเขาที่ไบรท์ตัน “อาจเป็นปีที่ดีที่สุดในอาชีพของผม” นอกจากนี้เขายังสามารถนำเสนอความเป็นนักเตะเอนกประสงค์ให้กับเชลซีเพราะเจ้าตัวสามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งแบ็คซ้าย วิงแบ็ค และทางซ้ายของแบ็คทรี “ผมไม่เคยคิดถึงการเล่นในตำแหน่งทางซ้ายของเซ็นเตอร์แบ็ค แต่ผมจำได้ว่าเกมแรกที่ผมเล่นตรงนั้นคือเกมกับเชลซี” “ผมเคยรู้สึกกลัว เพราะผมต้องเล่นกับลูกากู มันเป็นไปไม่ได้” “ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมเล่นได้ดีมาก”
แบ็คซ้ายยังคงเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขา และกูกูเรย่ากำลังสนุกกับการแข่งขันกับเบน ชิลเวลล์ และโอกาสในการติดทีมไปเล่นฟุตบอลโลกกับทีมชาติสเปน “นี่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับอาชีพค้าแข้งของผม ผมมีโอกาสเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก ต่อสู้เพื่อตำแหน่งแชมป์ต่างๆ, ต่อสู้เพื่อคว้าแชมป์ลีก” เขากล่าว “ถ้าผมเล่นได้ดี ผมก็มีโอกาสที่จะได้เล่นกับทีมชาติมากขึ้น”
- โรเมโร่ทำกับเจมส์แบบเดียวกับแม็คไกวร์หลังเคนทำประตูตีเสมอ(มีคลิป)
- ‘นางนวล’ โอเคปล่อย ‘กูกูเรย่า’ ซบ ‘สิงห์’ ค่าตัว 52.5 ลป.
ทูเคิล เปรียบ กูกูเรย่า กับเซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ซึ่งเป็นกัปตันสโมสรที่รับใช้ทีมมาอย่างยาวนาน “เขาช่วยผมได้มาก เพราะเขาพูดภาษาสเปน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พัก, โรงเรียน และลูกๆ” กูกูเรย่า กล่าวเสริม “ผมกับครอบครัวจำได้ว่า เราไปลอนดอนและขับรถผ่านสแตมฟอร์ด บริดจ์ ผมพูดกับภรรยาว่า ‘ลองนึกภาพว่าสักวันนึงจะได้เล่นในสนามแห่งนี้'” “แล้วฤดูร้อนนี้ผมก็มีโอกาส นี่คือความฝันครับ”