9 ความล้มเหลวที่น่าขายขี้หน้าที่สุดในรอบคัดเลือกทัวร์นาเมนท์ใหญ่ – บทความฟุตบอลต่างประเทศ

อิตาลีกำลังกลับบ้านไปเลียแผลใจของพวกเขาหลังจากล้มเหลวในการผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกปี 2022 ที่กาตาร์ แต่พวกเขาไม่ใช่ประเทศใหญ่เพียงประเทศเดียวที่พลาดทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ต้องถามผู้มีประสบการณ์เหล่านั้นอย่างอังกฤษ, ฝรั่งเศสและอาร์เจนติน่า

          ซัมเมอร์ที่ผ่านมาอาจเป็น “Coming Rome” แต่อิตาลีแชมป์ยูโรล่าสุดจะไม่ได้ไปกาตาร์หลังจากพลาดการแข่งขันฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน ลูกทีมของโรแบร์โต้ มันชินี่ โคจรมาเจอกับนอร์ท มาซิโดเนีย ในเกมเพลย์ออฟ พวกเขาโดนทีมรองบ่อนทำช็อคในค่ำคืนอันน่าสยดสยองในกรุงปาแลร์โม่ โดยเกมทำท่าว่าจะเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่ อเล็กซานดาร์ ตรายคอฟสกี้ วัย 29 ปี กลายเป็นผู้ทำประตูชัยในช่วงนาทีสุดท้ายทำแชมป์ยุโรปตกรอบไปแบบสุดเจ็บปวด แต่อิตาลีไม่ใช่ประเทศใหญ่ประเทศแรกที่จะพลาดทัวร์นาเมนต์ใหญ่และพวกเขาจะไม่ใช่ทีมสุดท้ายอย่างแน่นอน เราจะพาผู้อ่านย้อนดู 9 ความล้มเหลวที่น่าอับอายที่สุดในรอบคัดเลือกทัวร์นาเมนท์สำคัญของโลกฟุตบอล

อิตาลี (ฟุตบอลโลกปี 2022)

          ขณะที่อิตาลีเฉลิมฉลองชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ของพวกเขาในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเหนืออังกฤษเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มันอาจจะดูเหมือนคิดไม่ถึงว่าทีมของโรแบร์โต้ มันชินี่ จะล้มเหลวในการผ่านเข้ารอบสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก แต่นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว การที่อิตาลีต้องมาเล่นเพลย์ออฟก็เพราะผลการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้ พวกเขาทำได้เพียงเสมอ 0-0 กับไอร์แลนด์เหนือและทำให้สวิตเซอร์แลนด์กลายเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม การได้ผลเสมอมากเกินไปทำให้อิตาลีต้องเสียหายหลายแสนในกลุ่ม C แต่พวกเขาก็ยังคาดว่าจะสามารถผ่านรอบเพลย์ออฟไปชิงกับโปรตุเกสได้ อย่างไรก็ตาม ตรายคอฟสกี้ และ นอร์ทมาซิโดเนีย ไม่คิดแบบนั้น และแม้ว่าพวกเขาจะยิงไปถึง 32 ครั้งแถมครองบอล 65% อิตาลีก็ไม่สามารถส่งลูกตุงตาข่ายได้จนต้องได้รับผลตอบแทนที่แสนสาหัสในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง แล้วเจอกันในปี 2026 นะหนุ่มๆ

อิตาลี (ฟุตบอลโลกปี 2018)

          อิตาลี อาจจะคุ้นชินกับการไม่ผ่านเข้ารอบบอลโลกแล้วก็เป็นได้ หลังจากตกรอบแบ่งกลุ่มในทัวร์นาเมนต์ปี 2014 ทัพอัซซูรี่ ก็ตั้งเป้าไปที่ปี 2018 เพื่อเป็นโอกาสในการสร้างสถิติใหม่ น่าเสียดายที่สิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นไปตามแผน พวกเขาอยู่ในรอบคัดเลือกกลุ่มเดียวกับสเปน อิตาลีรู้ว่ามันจะเป็นงานที่ยาก และพวกเขาก็ไม่อายที่จะจบที่

สองด้วยคะแนน 23 แต้มจาก 10 เกม นั่นทำให้ต้องเล่นเกมเพลย์ออฟกับสวีเดนทีมที่หักอกฮอลแลนด์ในรอบแบ่งกลุ่ม ยาค็อบ โยฮันส์สัน ทำให้สวีเดนได้เปรียบก่อนในเลกแรก ก่อนที่จะประตูของเขาจะกลายเป็นประโยชน์ในท้ายที่สุดเพราะในเลกสองทั้งคู่เสมอกันแบบไร้สกอร์ ทำให้อิตาลีพลาดฟุตบอลโลกครั้งแรกของพวกเขานับตั้งแต่ปี 1958 แต่อย่างน้อยอิตาลีก็สามารถแก้ตัวได้ด้วยการคว้าแชมป์ยูโร 2020 เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา

เนเธอร์แลนด์ (ฟุตบอลโลกปี 2018)

          ไม่ใช่แค่ชาวอิตาลีเท่านั้นที่อดทีมตัวเองในฟุตบอลโลกปี 2018 ชาวเนเธอร์แลนด์ก็เช่นกัน แต่ทัพอัศวินสีส้มตกรอบแบบน่าอายกว่าในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกปี 1982 และ 1986 ตอนนั้นพวกเขาอยู่ในกลุ่มที่ต้องยอมรับว่ายากเมื่อต้องเจอกับฝรั่งเศสและสวีเดน คนส่วนใหญ่คาดการณ์กันว่า ทีมที่มีนักเตะอย่างเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, เดลีย์ บลินด์ และจอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบ แต่พวกเขาก็จบด้วยการมีคะแนนเท่ากับสวีเดนที่อันดับสาม และพลาดการไปเล่นรอบเพลย์ออฟ


สหรัฐอเมริกา (ฟุตบอลโลกปี 2018)

          หากผู้ผ่านเข้ารอบคัดเลือกของโซนยุโรปส่วนใหญ่จะตกเป็นของทีมอย่างอังกฤษ เยอรมนี และอิตาลี โซนคอนคาเคฟก็ควรจะเป็นเหมือนขนมหวานสำหรับทีมชาติสหรัฐอเมริกา และปกติมันจะเป็นเช่นนั้น แต่ในปี 2017 เส้นทางของอเมริกาไปรัสเซียดูเหมือนจะไม่ง่าย แม้ว่าพวกเขาจะมีคริสเตียน พูลิซิช สตาร์ของเชลซีและคลินต์ เดมป์ซีย์ แข้งวัยเก๋าอยู่ในทีม แต่ทัพลุงแซมก็ทำได้เพียงจบอันดับที่ 5 ในรอบแบ่งกลุ่มรอบสุดท้ายเท่านั้น ตามหลังคอสตาริกา ฮอนดูรัส และปานามา ความพ่ายแพ้ต่อทีมรองบ่อนอย่างตรินิแดดและโตเบโก คือตัวกำหนดชะตากรรมของพวกเขาและช่วยย้ำเตือนว่าพวกเขาได้พลาดการแข่งขันฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1986

อังกฤษ (ยูโร 2008)

          The wally with a brolly กลายเป็นคำที่ Sportsmail ใช้พาดหัวถึงสตีฟ แม็คลาเรน ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษในขณะนั้น ประมาณว่าเขาเป็น ‘คนงี่เง่าที่กางร่ม’ เมื่อเจ้าตัวยืนกางร่มขณะฝนตกดูเกมที่ อังกฤษ แพ้ โครเอเชีย 2-3 ตกรอบคัดเลือก ศึกยูโร 2008 ที่สนามเวมบลีย์ และประโยคดังกล่าวก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้จัดการทีมผู้อาภัพรายนี้ โดยเจ้าตัวยังได้เปิดเผยเหตุผลที่แท้จริงที่เลือกกางร่มขณะคุมทัพ ‘สิงโตคำราม’ ช่วงฝนกระหน่ำจนโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ว่าที่ทำแบบนั้นเพราะไม่ต้องการสวมหมวกไหมพรมบีนนี่ เหมือนกับที่ สลาเวน บิลิช (เทรนเนอร์ทัพโครเอเชีย) ใส่ในตอนนั้นนั่นเอง

เนเธอร์แลนด์ (ฟุตบอลโลก 2002)

          ทีมที่มี รุด ฟาน นิสเตลรอย, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ, มาร์ค ฟาน บอมเมล, แพทริค ไคลเวิร์ต, แฟรงค์ เดอ บัวร์, เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, มาร์ก โอเวอร์มาร์ส, โจวานนี่ ฟาน บร็องฮอร์สต์ พลาดการแข่งขันฟุตบอลโลกอย่างไร? เนเธอร์แลนด์ ที่เข้ารอบรองชนะเลิศเมื่อ 4 ปีก่อนในฝรั่งเศส และ 2 ปีก่อนในยูโร ทำคะแนนได้ไม่แย่นักคือ 20 แต้มในรอบคัดเลือก แต่การได้แค่แต้มเดียวจากสองเกมของพวกเขากับสาธารณรัฐไอร์แลนด์นั้นกลายเป็นเรื่องหายนะเมื่อพวกเขาจบอันดับสามของกลุ่มและตกรอบคัดเลือกในที่สุด

ฝรั่งเศส (ฟุตบอลโลกปี 1994)

          ฝรั่งเศสในช่วงปลายทศวรรษ 1990 นั้นเป็นทีมที่ยากจะหยุดยั้ง หลังจากเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของยูโร 96 พวกเขาก็คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกที่บ้านเกิดในปี 1998 และคว้าแชมป์ยูโรที่จัดขึ้นเบลเยี่ยมและเนเธอร์แลนด์ในปี 2000 ก่อนหน้านั้น สิ่งต่างๆ ก็ไม่ได้สวยงามมากนัก ในช่วงเวลาก่อนซีเนดีน ซีดาน แต่ยังมีเอริค คันโตน่า อยู่ในทีมนั้น ฝรั่งเศสถูกคาดหวังให้มาแก้ตัวสำหรับการไม่ผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลก อิตาลี 90 และในการแข่งขันรอบคัดเลือกส่วนใหญ่ดูเหมือนเรื่องนั้นจะเป็นไปได้ เมื่อเหลือการแข่งขันอีกสองเกม พวกเขาก็ก้าวไปสู่การเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม และต้องการเพียงแต้มเดียวจากสองนัดสุดท้ายที่จะเจอกับอิสราเอลและบัลแกเรีย แล้วหายนะก็เกิดขึ้น พวกเขาแพ้ให้กับอิสราเอล 3-2 หลังจากเสียประตูในนาทีที่ 83 และ 90 ก่อนที่จะเสียประตูชัยให้บัลแกเรียในช่วงทดเวลาบาดเจ็บในเกมที่พวกเขาต้องการเพียงผลเสมอเท่านั้น ฝรั่งเศสจบรอบคัดเลือกด้วยการเป็นอันดับสามของกลุ่ม มี 13 คะแนน ในยุคที่ทีมชนะยังได้ 2 แต้ม พลาดการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย สองสมัยติดต่อกัน


อังกฤษ (ฟุตบอลโลกปี 1994)

          ในรอบคัดเลือกที่ผิดพลาดตั้งแต่ต้นจนจบ อังกฤษล้มเหลวในการผ่านเข้ารอบสำหรับฟุตบอลโลกปี 1994 ที่สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ความพ่ายแพ้ 2-0 ในนอร์เวย์ไปจนถึงการเสมอกับโปแลนด์ 1-1 และหลังจากประตูของดาวิด กัลติเอรี่ สำหรับซานมารีโน่ หลังจากเล่นไปเพียง 8.3 วินาที กฏของเมอร์ฟี่ที่ว่า ‘ทุกสิ่งที่สามารถผิดพลาดได้ จะผิดพลาด’ ก็เป็นจริงสำหรับทัพสิงโตคำรามที่มีเดวิด ซีแมน, พอล อินซ์, เอียน ไรท์ และลี ดิกสัน พวกเขาไม่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย และ เกรแฮม เทย์เลอร์ ต้องชดใช้ความผิดพลาดด้วยหน้าที่การงานของเขา

อาร์เจนติน่า (ฟุตบอลโลกปี 1970)

          อาร์เจนติน่าเกือบที่จะพลาดการแข่งขันฟุตบอลโลกหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่พวกเขาก็พยายามหาทางผ่านเข้ามาได้เสมอ และส่วนใหญ่แล้วต้องขอบคุณลิโอเนล เมสซี่ แต่ก่อนฟุตบอลโลกปี 1970 ไม่มีตัวช่วยที่ชื่อเมสซี่ และประเทศแห่งอเมริกาใต้ทีมนี้ก็พลาดการไปเล่นในรอบสุดท้าย แม้จะมีความวุ่นวายภายในสหพันธ์ฟุตบอลอาร์เจนติน่า, การเปลี่ยนผู้จัดการทีมสี่คนในรอบสามปี และความพ่ายแพ้ติดต่อกันในสองเกมแรกของรอบคัดเลือก อาร์เจนติน่าก็ยังคงเข้าสู่นัดสุดท้ายของพวกเขาโดยมีโอกาสที่จะผ่านเข้ารอบ แต่โอกาสนั้นก็หมดไปด้วยผลเสมอในบ้าน 2-2 กับเปรู ทัพฟ้าขาวล้มเหลวในการไปแข่งขันฟุตบอลโลกเพียงครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของพวกเขา แต่อย่างน้อยพวกเขาก็แก้ตัวได้เมื่อสามารถชูถ้วยแชมป์ฌูลส์ ริเมต์ ได้สำเร็จในปี 1978 และ 1986