LaLiga Preview : “เอล กลาซิโก้” บิ๊กแมตช์ที่พบกันถูกที่ถูกเวลา – Sanook

ฟุตบอลลาลีกา สเปน สุดสัปดาห์นี้ มีคู่ซูเปอร์บิ๊กแมตช์ที่ทั่วโลกรอคอยอย่าง “เอล กลาซิโก้” เรอัล มาดริด เปิดบ้านพบกับ บาร์เซโลน่า ในคืนวันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคมนี้ เวลา 03:00 น. ตามเวลาประเทศไทย

การพบกันของ 2 สโมสรมหาอำนาจลูกหนังสเปน เป็นมากกว่าเกมฟุตบอลธรรมดาๆ เพราะมีเรื่องความขัดแย้งทางด้านประวัติศาสตร์ และเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ของแคว้นคาตาลันกับมหานครมาดริดมาช้านาน

cแล้วถ้าดูจากฟอร์มการเล่นในระยะหลังของทั้ง 2 ทีมนั้น เรียกได้ว่าสูสีสุดๆ ต่างฝ่ายต่างทำได้ดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ยิ่งทำให้บิ๊กแมตช์แห่งศักดิ์ศรีที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์นี้ เพิ่มความดุเดือดมากขึ้นไปอีก

บาร์ซ่าที่กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง

บาร์เซโลน่า เสริมนักเตะเพิ่ม 4 คน ในช่วงตลาดซื้อขายช่วงหน้าหนาวที่ผ่านมา ทั้ง ดานี่ อัลเวส, เฟร์ราน ตอร์เรส, ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมยอง และ อดาม่า ตราโอเร่ ช่วยยกระดับทีมให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง

อัลเวส ในวัย 38 ปี กลับมาค้าแข้งในถิ่นคัมป์ นู อีกครั้งในรอบ 5 ปี หลังจากยกเลิกสัญญากับ เซา เปาโล สโมสรในลีกบ้านเกิดเมื่อปลายปีที่แล้ว และได้ลงทะเบียนเป็นนักเตะใหม่ของบาร์ซ่าในเดือนมกราคม

ส่วน ตอร์เรส อดีตดาวยิงบาเลนเซีย ยิง 5 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ โดยเฉพาะ 2 นัดหลังสุดในลาลีกา ยิง 1 ประตู ในนัดบุกชนะ เอลเช่ 2-1 และเหมาคนเดียว 2 ประตู ในนัดเปิดบ้านถล่ม โอซาซูน่า 4-0

zขณะที่ โอบาเมยอง ถือเป็นความหวังใหม่ในแนวรุกอย่างแท้จริง หลังลงสนามให้กับบาร์ซ่าไปเพียงแค่ 10 นัดรวมทุกรายการ แต่ยิงไปแล้วถึง 7 ประตู กลายเป็นขวัญใจของแฟนๆอาซุลกราน่าอย่างรวดเร็ว

ผลงานการทำประตูของดาวยิงชาวกาบองรายนี้ เริ่มต้นจากเหมาแฮตทริกในนัดที่บุกถล่ม บาเลนเซีย 4-1 และยิงใส่ แอธเลติก บิลเบา กับ โอซาซูน่า ทีมละ 1 ประตู ในเกมที่จบลงด้วยชัยชนะในบ้าน 4-0 ทั้ง 2 นัด

นอกจากนี้ โอบาเมยอง ยังทำประตูสำคัญในยูโรป้า ลีก โดยยิง 1 ประตู นัดที่บุกชนะ นาโปลี 4-2 และล่าสุดเป็นผู้ยิงประตูชัย พาทีมบุกชนะ กาลาตาซาราย 2-1 ช่วยให้บาร์ซ่าเข้ามาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย

ปิดท้ายด้วย ตราโอเร่ ปีกเลือดคาตาลัน ที่เคยเป็นอดีตนักเตะเยาวชนในศูนย์ฝึกลา มาเซีย ก็ได้พิสูจน์ตัวเองกับสโมสรในบ้านเกิดแล้ว ด้วยการแอสซิสต์ให้เพื่อนทำประตูในลาลีกา และยูโรป้า ลีก อย่างละ 2 แอสซิสต์

ราชันชุดขาวก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน

เรอัล มาดริด ก็กำลังมุ่งหน้าสู่ “เอล กลาซิโก้” ด้วยความมั่นใจเช่นเดียวกับ บาร์เซโลน่า หลังนำเป็นจ่าฝูงมาหลายสัปดาห์ แถมพลิกสถานการณ์ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อีกด้วย

aซึ่งนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในฤดูกาลนี้ ก็คงหนีไม่พ้น คาริม เบนเซม่า ศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศสวัย 34 ปี ที่ทำไปแล้ว 22 ประตู และเป็นผู้ทำแฮตทริกในนัดที่พบกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง พาทีมเข้ารอบถ้วยใหญ่ยุโรป

ขณะที่ วินิซิอุส จูเนียร์ ปีกดาวรุ่งบราซิลวัย 21 ปี ก็ช่วยประสานงานเกมรุกกับ เบนเซม่า ได้เป็นอย่างดี ยิง 17 ประตู 14 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ หนึ่งในนั้นคือการยิงประตูบาร์ซ่า ในศึกซูเปอร์ คัพ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

นักเตะอีกคนที่ถือว่าโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น คือ เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า แข้งดาวรุ่งฝรั่งเศสวัย 19 ปี เมื่อได้โอกาสลงสนาม เขาแสดงความดุดัน ด้วยการคอยช่วยวิ่งไล่แย่งบอล และเคลื่อนที่ในยามที่ไม่มีบอลอยู่ตลอดเวลา

สถิติอย่างหนึ่งที่น่าสนใจของ เรอัล มาดริด คือเป็นทีมที่ชอบยิงประตูในครึ่งหลังมากกว่าครึ่งแรก ทั้งหมด 76 ประตูที่ทำได้ในลาลีกา และแชมเปี้ยนส์ ลีกรวมกัน ราชันชุดขาวยิงประตูเฉพาะครึ่งหลังได้มากถึง 52 ประตู

ทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ ยังอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ 2 รายการในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะแชมป์ลาลีกาที่กุมชะตากรรมไว้อยู่ในกำมือตัวเอง ซึ่งพวกเขาพยายามที่จะรักษาความได้เปรียบแบบนี้ไปจนจบฤดูกาล

ชัยชนะเพื่อเป้าหมายของตัวเอง

bศึก “เอล กลาซิโก้” คืนวันอาทิตย์นี้ ทางฝั่ง เรอัล มาดริด ต้องการชัยชนะ เพื่อรักษาความได้เปรียบในการลุ้นแชมป์ต่อไป ขณะที่ บาร์เซโลน่า ก็ต้องการ 3 แต้ม เพื่อเพิ่มโอกาสในการแย่งชิงตำแหน่งท็อปโฟร์

ซาบี้ เอร์นานเดซ ได้โอกาสดวลฝีมือกับ คาร์โล อันเชล็อตติ ในฐานะกุนซือเป็นครั้งแรก ในเกมสแปนิช ซูเปอร์ คัพ รอบรองชนะเลิศ ที่ บาร์เซโลน่า แพ้ เรอัล มาดริด 2-3 หลังต่อเวลาพิเศษ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ส่วนสถิติของ อันเชล็อตติ ในการคุมทีม เรอัล มาดริด ดวลกับ บาร์เซโลน่า โดยเจอกันทั้งหมด 7 นัด รวมทุกรายการ ชนะ 4 แพ้ 3 และชนะมาแล้ว 2 นัดติดต่อกัน นับตั้งแต่กลับมาคุม “โลส บลังโกส” รอบสอง ในซีซั่นนี้

ผลงาน 8 นัดหลังสุดเฉพาะในลาลีกา ทั้ง 2 ทีม ต่างไม่แพ้ใครเลย (ชนะ 6 เสมอ 2) และชนะมาแล้ว 4 นัดติดต่อกัน ซึ่งในช่วงเวลา 8 นัดหลังที่ไร้พ่ายดังกล่าว เรอัล มาดริด ยิงได้ 18 ประตู ขณะที่ บาร์เซโลน่า ยิงได้ 22 ประตู

แต่ถ้านับเฉพาะการพบกันในลาลีกา 4 นัดหลังสุด เป็นฝั่ง เรอัล มาดริด ที่เก็บชัยชนะได้ทั้งหมด โดยสถิติชนะติดต่อกันมากที่สุดของราชันชุดขาวเคยเอาชนะในเอล กลาซิโก้ 6 นัดติดต่อกัน ในช่วงระหว่างปี 1962-1965