ให้ ‘กรมพลศึกษา’ ตัวแทนไทยรวมชาติอาเซียนผนึกขอจัดฟุตบอลโลก ?
ตามที่ประเทศสมาชิกอาเซียน มีมติรวมกันเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ปี ค.ศ. 2034 โดยเรื่องดังกล่าว จุดประเด็นอย่างเป็นทางการในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อต้นเดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2562 รวมทั้งมีการลงนามบันทึกช่วยจำ (MOU) ระหว่างเลขาธิการอาเซียน กับ จานนี อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า) ในการสนับสนุนความปรารถนาของอาเซียน การขอเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกดังกล่าวด้วย
หลังจากผ่านมากว่า 1 ปี ล่าสุดผู้สื่อข่าวสอบถามความคืบหน้าไปยัง “พ่อบ้านโจ” นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งเลขาโจ กล่าวว่า ในการหารือร่วมกันของ คณะอนุกรรมาธิการกีฬาอาชีพและอุตสาหกรรมกีฬา ในคณะกรรมาธิการการกีฬา และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ก็มีการสอบถามถึงแนวทางข้อกำหนดการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ซึ่งก็ได้รายงานความคืบหน้า
นายพาทิศ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ การขับเคลื่อนเพื่อชาติอาเซียนร่วมกันเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2034 ยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งชาติอาเซียนมอบหมายให้ไทยเป็นผู้นำในการศึกษาข้อมูล เรื่องนี้เป็นเรื่องระดับรัฐบาล สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ยินดีสนับสนุนเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หน่วยงานของฝ่ายไทย ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหอกในการเดินหน้าขอจัดงานยักษ์ครั้งนี้คือ กรมพลศึกษา ซึ่งได้ประชุมเป็นระยะ และเชิญผู้แทนสมาคมลูกหนัง เข้าร่วมการประชุม
ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อไปยัง ดร.นิวัฒน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ อธิบดีกรมพลศึกษา ถึงความคืบหน้าล่าสุด ได้รับการเปิดเผยว่า เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นผู้เปิดประเด็นนี้ในที่ประชุมสุดยอดอสเซียน จึงได้มีการมอบหมายให้ประเทศไทยเป็นผู้ตั้งคณะทำงาน โดยมีทางมาเลเซียและอินโดนีเซีย ที่จะเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกันทำงาน โดยเริ่มต้นจากการเอ็มโอยูถึงการทำงานร่วมกันว่าใครจะปฏิบัติหน้าที่ วางแผนกันทำงานอย่างไรบ้าง
ดร.นิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมานั้นจะมีการนัดประชุมร่วมกันที่มาเลเซีย ซึ่งที่นั่นมีที่ตั้งสำนักงานของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) อยู่ เพื่อจะได้รับฟังข้อเสนอของเอเอฟซีด้วย แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถนัดประชุมได้ จึงได้แต่ร่างเอ็มโอยู และเสนอให้กับรัฐบาลของแต่ละประเทศเห็นชอบก่อน โดยที่ล่าสุดทุกประเทศได้เห็นชอบร่างเอ็มโอยูนี้แล้ว เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
อธิบดีกรมพลศึกษา กล่าวปิดท้ายว่า เมื่อทุกประเทศเห็นชอบเอ็มโอยูดังกล่าวนั้นก็ได้มีการส่งเรื่องนี้ให้กับเลขาธิการอาเซียนไปแล้ว และจะมีการวางแผนต่อในเรื่องของการจัดประชุมกันระหว่างคีย์แมนสำคัญ ทั้งประเทศไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เลขาธิการอาเซียน และเอเอฟซี แต่จากการระบาดของโควิด-19 รอบสอง อาจจะทำให้ต้องเป็นการประชุมออนไลน์กันแทน