สาธารณสุขอังกฤษ ชี้ การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 นัดชิงชนะเลิศ ระหว่างอังกฤษ พบกับ อิตาลี เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเปิดให้มีแฟนบอลเข้าไปในสนามน้้น ถือเป็นกิจกรรมที่เป็น “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” แพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 หลังพบมีประชาชนกว่า 2,000 คน ติดเชื้อ และมีความเป็นไปได้ว่า ผู้ติดโควิดอีกกว่า 3,000 คน จะได้รับเชื้อมาจากการแข่งขันนี้
กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ เปิดเผยว่า มีประชาชนราว 2,295 คน ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 นัดชิงชนะเลิศ ระหว่างทีมชาติอังกฤษ พบกับ ทีมชาติอิตาลี ที่สนามเวมบลีย์ ในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 11 ก.ค.64 ที่ผ่านมา และมีความเป็นไปได้ว่า ผู้ติดเชื้อโควิดอีก 3,404 ราย น่าจะได้รับเชื้อมาจากการแข่งขันนี้
สำหรับฟุตบอลยูโร 2020 รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ เป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ โดยการแข่งขันในวันนั้นมีผู้ชมประมาณ 67,000 คนในสนาม และเป็นฟุตบอลระดับนานาชาติ นัดชิงชนะเลิศรายการแรกของอังกฤษ นับตั้งแต่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ และคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อปี 1966
ด้าน เจนิเฟอร์ สมิธ รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ แถลงว่า ยูโร 2020 เป็นการแสดงให้เห็นว่า เชื้อไวรัสสามารถติดต่อกันได้ง่ายแค่ไหน เมื่อมีการใกล้ชิดติดต่อกัน และถือเป็นบทเรียนสำคัญ ในช่วงเวลาที่ อังกฤษพยายามจะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติอย่างระมัดระวังต่อไป
อย่างไรก็ตาม กิจกรรมอื่น ๆ ที่เป็นการทดสอบในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า มีการพบผู้ที่มีผลการตรวจไวรัสโควิด-19 เป็นบวกน้อยมาก และอยู่ในระดับไม่เกินมาตรฐานเฉลี่ยที่กำหนดไว้ในอังกฤษ อย่างเช่น การแข่งขัน ฟอมูล่าวัน บริติช กรังด์ปรีซ์ ที่สนามซิลเวอร์สโตน เมื่อเดือนกรกฎาคม มีผู้ชม 350,000 คน ในช่วงเวลา 3 วัน แต่พบผู้ติดเชื้อ 585 ราย
ส่วนเทนนิสแกรนด์สแลมวิมเบิลดัน ณ สนามออล อิงแลนด์ ลอน เทนนิสคลับ ในกรุงลอนดอน และมีผู้ชมประมาณ 300,000 คน ตลอดการแข่งขัน 2 สัปดาห์ พบผู้ติดเชื้อ 881 ราย
Add friend ที่ @Siamsport