ต้องยอมรับว่า มีประตูสวยๆเกิดขึ้นอย่างมากมาย หลายลูกติดอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลหลายคน แน่นอนว่า หนึ่งลูกที่ถูกพูดถึงมาทุกวันนี้ นั่นคือลูกยิงของ “โรนัลดินโญ่” อดีตเพลย์เมคเกอร์ทีมชาติบราซิล ที่ฝากเอาไว้ในศึกฟุตบอลโลก 2002 รอบสุดท้าย ที่ประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพร่วมกัน
ลูกยิงดังกล่าวของโรนัลดินโญ่ เกิดขึ้นในเกมที่ทีมชาติบราซิล เฉือนเอาชนะทีมชาติอังกฤษ 2-1 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย นอกจากการยิงของอดีตดาวเตะบาร์เซโลน่า จะกลายเป็นลูกยิงที่สวยแล้ว นี่ยังเป็นประตูชัย ช่วยส่งให้พลพรรค “เซเลเซา” ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ก่อนทะลุเข้าไปคว้าโทรฟี่แชมป์โลกมาครองอย่างยิ่งใหญ่
หากเจาะลึกลงไปที่ลูกยิง เกิดจากการซัดฟรีคิก จากระยะร่วม 40 หลา โรนัลดินโญ่ บรรจงยิงด้วยเท้าขวา ส่งลูกบอลลอยโด่ง และข้ามหัวผู้รักษาประตู “สิงโตคำราม” อย่าง “เดวิด ซีแมน” เข้าประตูไป จนแฟนบอลเกิดความสงสัยกันว่า เจ้าของฉายา “เหยินน้อย” ตั้งใจยิงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่การเปิดเข้าไปลุ้น ก่อนที่มันจะกลายเป็นประตูเท่านั้น ?
โรนัลดินโญ่ ออกย้อนความทรงจำด้วยตัวเองว่า เรื่องราวดังกล่าวถูกถกเถียง, วางแผน และเตรียมตัวมาก่อนที่เกมกับทีมชาติอังกฤษ จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
โดยก่อนเริ่มเกมการแข่งขัน เมื่อพวกเขารู้ว่าจะต้องมาเจอกับทัพ “สิงโตคำราม” นักเตะในทีมต่างพยายามจะแลกเปลี่ยน และพูดคุยกันถึงเรื่องของคู่แข่ง เพื่อเป็นการค้นหาจุดอ่อน และกลยุทธ์ในการเอาชนะ
ก่อนที่ “คาฟู” แบ็คขวา และกัปตันทีมของบราซิล ชุดนั้น ทำการมอบความเห็นบางอย่างให้กับโรนัลดินโญ่ ที่ถือว่าเป็นนักเตะคนสำคัญ ที่คอยขับเคลื่อนแนวรุกของทีม
โดยเป็นการแนะนำประสบการณ์ส่วนตัว พร้อมกับบ่งชี้ให้เห็นจุดอ่อน ของผู้รักษาประตูอย่างซีแมน ซึ่งยังมีช่องโหว่บางอย่าง ที่สามารถนำไปเล่นงานได้
คาฟู บอกว่า เขามักสังเกตเห็นหลายต่อหลายเกมว่า ซีแมน ถือเป็นนายทวารประเภทที่มีการยืนตำแหน่ง เวลาตั้งรับลูกเซตพีซ รวมไปถึงลูกยิงไกล ที่มีจุดบอดอยู่อย่างเห็นได้ชัดเจน
กล่าวคือ ซีแมน มักจะเปิดช่องว่างเอาไว้เล็กน้อย ระหว่างจุดที่ตัวเองยืนประจำการ กับเสาประตูที่อยู่ด้านหลัง ส่งผลให้ซีแมน เสียประตูในลักษณะแบบนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว
โรนัลดินโญ่ รับฟังข้อแนะนำดังกล่าวจากปากคาฟู พร้อมกับทำการบ้าน และนำกลับมาขบคิดอย่างละเอียดรอบคอบด้วยว่า หากเขามีโอกาสยืงประตูจากการยิงไกล ไม่ว่าจะเป็นฟรีคิก หรือจากจังหวะโอเพ่น เพลย์ เขาจะลองทำมันดู เผื่อซีแมน จะเปิดช่องว่างอย่างที่คาฟู ได้บอกเอาไว้
“เหยินน้อย” เพิ่มเติมว่า “คาฟู เป็นคนที่เดินมากำชับกับผมว่า ผู้รักษาประตูคนนี้ (ซีแมน) ชอบเปิดช่องว่างไว้เล็กน้อย ผมจึงพยายาม และคิดภาพในหัวก่อนเริ่มเกมว่า สามารถยิงฟรีคิกจากจุดนั้นได้“
“ผมมองว่า มันถือเป็นเรื่องที่โชคดีมาก ที่ทีมชาติบราซิล มาได้ฟรีคิกตรงจุดที่คิดเอาไว้พอดี ความจริงแล้ว ผมตั้งใจว่าจะยิงที่เสาแรก แต่ลูกบอลดันย้อยข้ามหัวผู้รักษาประตูไปเข้าที่เสาสอง”
จากบทสัมภาษณ์ และเบื้องลึกเบื้องหลังดังกล่าว เราอาจพอสรุปได้ว่า โรนัลดินโญ่ เกิดความตั้งใจที่จะยิงลูกดังกล่าว ไม่ได้เป็นลูกเปิดเข้าไปลุ้น หรือความบังเอิญอย่างที่หลายคนสงสัยกัน
แม้ว่าสุดท้ายแล้ว … ลูกบอลจะผิดจากความต้องการของเขาไปสักเล็กน้อย เพราะว่ามันดันลอยไปเสียบเสาสอง แทนที่จะเป็นที่เสาแรก
คราวนี้ ลองสลับข้ามมาฝั่งของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อลูกยิงดังกล่าวกันบ้าง โดยที่ซีแมน ออกมาย้อนความทรงจำถึงเกมนั้นว่า เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าโรนัลดินโญ่ ตั้งใจยิงหรือไม่ ? เพียงแต่การโดนยิงจากระยะประมาณ 40 หลาแบบนั้น มันถือเป็นสิ่งที่ผู้รักษาประตูอย่างเขาต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ และน้อมรับกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
พร้อมกันนี้ อดีตนายด่านของอาร์เซน่อล ยังออกมายอมรับ เหมือนกับที่คาฟู มองเช่นเดียวกันว่า จังหวะนั้นเขาขยับออกมาจากเส้นประตูมากเกินไปหน่อย เมื่อลูกยิงของโรนัลดินโญ่ ลอยโด่งมา เขาจึงกะจังหวะผิดพลาด และถอยหลังกลับไปเซฟไม่ทันการ พอหันมาอีกที ลูกบอลก็พุ่งไปนอนก้นตาข่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นี่คือเรื่องราวลูกยิงของโรนัลดินโญ่ ที่เราอาจพอกล่าวได้ว่า เกิดจากพรสวรรค์ รวมถึงการทำการบ้านมาเป็นอย่างดี โดยการศึกษาจุดอ่อนของคู่แข่ง ทำให้เขาค้นพบโอกาสในการยิงประตูที่มากขึ้น
เพราะโอกาสเพียงครั้งเดียว อาจเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขัน และอนาคตของทีมได้เลย แน่นอนว่า การเข้าไปเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 2002 ของทีมชาติบราซิล คือคำตอบที่สามารถยืนยันได้เป็นอย่างดีแล้ว