มันชินี่ – เซาธ์เกต : 2 คนผู้มาจากความผิดหวังในอดีต – สยามกีฬา

คู่ชิงชนะเลิศในศึก ยูโร 2020 ที่สนาม เวมบลีย์ วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคมนี้ เป็นการดวลกันของ 2 ชาติยักษ์ใหญ่ในโลกลูกหนังอย่าง อิตาลี กับ อังกฤษ ซึ่งนั่นทำให้แฟนบอลหลายคนตั้งตารอดูเกมนี้อย่างใจจดใจจ่อ โดยที่ทั้ง 2 ทีมต่างก็มีเกมรุกที่ดูดีจนทำประตูได้เยอะในรายการนี้ด้วย

   อย่างไรก็ตาม นอกจากเรื่องฟอร์มการเล่นหรือชื่อชั้นแล้วนั้น มันยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันจากทั้ง 2 ทีม นั่นคือเส้นทางและชีวิตทั้งในด้านสมัยที่ยังเป็นนักเตะ และในตอนที่เข้ามาคุมทีมชาติของกุนซือจากทั้ง 2 ฝ่าย

   ทางผู้ล่าแชมป์ฝั่งน้ำเงินนั้นนำมาโดย โรแบร์โต้ มันชินี่ ชายที่สมัยที่ยังเป็นนักเตะนั้นถือว่าเป็นกองหน้าที่เก่งมากคนหนึ่ง เขาสร้างชื่อได้อย่างมากสมัยที่เล่นอยู่กับ ซามพ์โดเรีย จนถึงขนาดทำประตูในลีกให้ทีมได้ 132 ลูกจากการลงเล่น 424 นัด และได้แชมป์ร่วมกับทีมหลายรายการ อย่างเช่นแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา 1 สมัย, โคปปา อิตาเลีย 4 ครั้ง, อิตาเลียน ซูเปอร์คัพ 1 หน และ ยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย

   ถึงกระนั้น แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในระดับสโมสรอย่างมาก แต่เส้นทางในการรับใช้ชาติของ มันชินี่ กลับไม่สวยหรู สมัยที่เล่นให้ทีมชาติอิตาลีรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดที่ไปถึงรอบรองชนะเลิศในศึก ยูโร รุ่นเยาว์ใปี 1984 รวมถึงเป็นรองแชมป์ในทัวร์นาเมนต์ระดับเดียวกันในอีก 2 ปีต่อมาด้วย

   ฟอร์มของ มันชินี่ ทำให้เขาได้ประเดิมสนามกับทีมชาติชุดใหญ่ตั้งแต่อายุเพียง 19 ปี ในเกมที่ อิตาลี ชนะ แคนาดา 2-0 เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 1984 ก่อนจะได้เป็นตัวจริงให้ทีมในชุดสู้ศึก ยูโร 1988 พร้อมกับทำได้ 1 ประตูในนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม 2 ที่ อิตาลี เสมอกับ เยอรมัน ตะวันตก 1-1

   หลังจากนั้นกราฟชีวิตของ มันชินี่ กับทีมชาติก็แทบจะเข้าขั้นดิ่งลงเหว แม้ว่าเขาจะมีชื่ออยู่ในทีมชาติอิตาลี ชุดที่เป็นอันดับ 3 ของศึก ฟุตบอลโลก 1990 ที่ อิตาลี เป็นเจ้าภาพ แต่เขาก็ไม่ได้ลงเล่นแม้แต่นัดเดียว และ มันชินี่ ก็เคยให้สัมภาษณ์ว่านั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเสียดายมากที่สุดมาจนถึงตอนนี้

   ว่ากันว่าสาเหตุที่ มันชืนี่ เปลี่ยนเอา ซัลวาตอเร่ ซิริกู นายทวารมือ 2 ลงไปแทน จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มประจำศึก ยูโร 2020 ที่ อิตาลี ชนะ เวลส์ 1-0 นั้น มันก็เป็นเพราะเขาไม่อยากให้ลูกทีมต้องสัมผัสกับความรู้สึกอันชอกช้ำแบบเดียวกับเขานั่นเอง

   ฝันร้ายของ มันชินี่ กับทีมชาติยังไม่หมดแค่นั้น เพราะเขาเคยทะเลาะกับ อาร์ริโก้ ซาคคี่ อย่างรุนแรงหลังจากไม่ได้รับการการันตีว่าจะได้เป็นตัวจริงในศึก ฟุตบอลโลก 1994 และหลังจากไม่สามารถขึ้นไปเป็นตัวจริงให้กับทีมชาติได้แล้วนั้น มันชินี่ ก็ฉีกตัวห่างจากการรับใช้บ้านเกิดอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะแขวนสตั๊ดไปในปี 2001

   ทั้งนี้ ตอนที่เขาเข้ามาคุมทีมชาติอิตาลีเมื่อปี 2018 นั้น หลายคนก็ยังไม่เชื่อมั่นในฝีมือของ มันชินี่ เท่าไหร่ด้วย เพราะหลังจากนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2011-12 มาครองได้แล้วนั้น เขาก็แทบไม่มีความสำเร็จไหนที่ดูยิ่งใหญ่เลย อย่างดีที่สุดคือการได้แชมป์ เตอร์กิช คัพ กับ กาลาตาซาราย ในฤดูกาล 2013-14

   ทางฝั่งผู้ล่าแชมป์จากมุมขาวนั้นก็มีฝันร้ายกับการเล่นให้ทีมชาติในระดับหนึ่งเหมือนกัน หลายคนคงยังจำกันได้ว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษคนปัจจุบัน คือคนที่ทำให้ชาวอังกฤษทั้งประเทศต้องร้องไห้ในรอบรองชนะเลิศของศึก ยูโร 1996

   “สิงโตคำราม” หมายมั่นปั้นมือที่จะเป็นแชมป์ ยูโร หนแรกบนผืนแผ่นดินของตัวเองให้ได้ ซึ่งเส้นทางของพวกเขาก็เดินหน้ามาราบรื่นพอตัวก่อนที่จะต้องมาเจอกับ เยอรมนี ในรอบรองชนะเลิศ และเกม  วันนั้นก็ต้องวัดกันจนถึงช่วงดวลจุดโทษภายหลังเสมอกัน 1-1

   เซาธ์เกต คือคนเดียวของ อังกฤษ ที่ยิงลูกจุดโทษในวันนั้นไม่เข้า และมันก็ทำให้เขาตกเป็นเป้าให้แฟนบอลอังกฤษรุมตำหนิอย่างหนักอยู่พักหนึ่ง แม้ว่าเขาจะบอกว่าไม่คิดมากกับเรื่องดังกล่าวจนถึงขั้นไปแสดงโฆษณาที่เกี่ยวโยงกับการพลาดครั้งนั้นให้กับแบรนด์อาหารระดับโลกเจ้าหนึ่ง แต่เขาก็ยังไม่สามารถลืมมันได้ง่ายๆ

   ขณะที่เส้นทางการมาคุม อังกฤษ ของ เซาธ์เกต ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่มีโชคชะตาเข้ามาเกี่ยวข้องในระดับหนึ่ง เพราะถ้าหาก แซม อัลลาร์ไดซ์ ไม่โดนแฉเรื่องเกี่ยวกับการขอรับสินบนและเรื่องอื่นๆ จนต้องลาออกจากตำแหน่งหลังจากคุมทีมไปเพียงนัดเดียวแล้วล่ะก็ ป่านนี้ เซาธ์เกต ก็อาจจะยังไม่ได้มาคุมทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ก็ได้ หลังจากตอนแรกเขาคุมทีมรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีอยู่

   ด้วยความที่ตอนแรกเข้ามาคุมทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่แบบขัดตาทัพมันก็ทำให้หลายคนไม่เชื่อมือ เซาธ์เกต แบบเดียวกับที่ มันชินี่ เจอเหมือนกัน แต่ตอนนี้เขาก็สามารถทำในสิ่้งที่ไม่เคยมีกุนซือ อังกฤษ คนไหนทำได้มาก่อน นั่นคือการพาทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของศึก ยูโร ได้สำเร็จ

   ในวันอาทิตย์นี้จะมีคนหนึ่งที่สามารถลบล้างฝันร้ายจากสมัยการเล่นให้ทีมชาติได้อย่างถาวร ขณะเดียวกันก็จะมีอีกคนที่จะต้องเพิ่มเรื่องราวอันน่าผิดหวังในระดับทีมชาติเข้าไปในประวัติของเขา และมันก็ต้องรอดูว่าระหว่าง มันชินี่ กับ เซาธ์เกต ใครที่จะได้มีความสุข

   – เด็กเกร็ดบอล –