คู่ชิงหวั่นใจ “นักข่าวอิตาลี” แซะ “อังกฤษ” ได้จุดโทษกังขาส่งลุ้นแชมป์ยูโร 2020 (คลิป) – ไทยรัฐ

วันที่ 8 ก.ค. 64 ควันหลงฟุตบอลยูโร 2020 รอบรองชนะเลิศ เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งทีมชาติอังกฤษ เฉือนชนะ ทีมชาติเดนมาร์ก 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เข้ารอบชิงชนะเลิศในฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ใหญ่ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 55 ปี นับตั้งแต่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1966 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพเช่นกัน โดยจะไปตัดสินแชมป์กับทีมชาติอิตาลี วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคมนี้ ที่สนามเวมบลีย์ของตัวเองในกรุงลอนดอน

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง คือ จังหวะได้จุดโทษของ “สิงโตคำราม” ในนาทีที่ 102 ซึ่ง ราฮีม สเตอร์ลิง พาบอลเข้าเขตโทษ โดยมี โยอาคิม เมห์เล และ มัทธีอัส เยนเซน เข้ามาเบียดเล็กน้อย ก่อนที่กองหน้าจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะล้มลงไป ซึ่ง แดนนี มัคเคลี ผู้ตัดสินชาวเนเธอร์แลนด์ก็เป่าให้เป็นจุดโทษ

แม้ผู้เล่นเดนมาร์กจะพยายามประท้วงว่าจังหวะนี้แทบไม่มีการขัดขวางการเล่นของ สเตอร์ลิง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการพุ่งล้ม แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนคำตัดสินได้ ก่อนที่ แฮร์รี เคน จะสังหารไปติดเซฟ แคสเปอร์ ชไมเคิล แล้วตามซ้ำเข้าไปเป็นประตูชัยที่ส่ง อังกฤษ เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ แต่เป็นจุดจบบนเส้นทางลุ้นแชมป์สมัยที่ 2 ของทัพนักเตะจากแดน “โคนม” ต่อจากยูโร 1992

หลังจบเกม ทันเครดี พัลเมรี ผู้สื่อข่าวชาวอิตาลีจาก บีอิน สปอร์ตส สื่อโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ของกาตาร์ ซึ่งเคยทำงานกับ กัซเซ็ตตา เดลโล สปอร์ต สื่อกีฬาชั้นนำของบ้านเกิดได้ออกมาโพสต์ข้อความสั้นๆ บนทวิตเตอร์ส่วนตัว ว่า “It’s diving home” ซึ่งสื่อถึง “การพุ่งล้ม” ของทีมเจ้าบ้านอย่าง อังกฤษ โดยเล่นคำจาก “It’s coming home” เพลงเชียร์ประจำทีมชาติอังกฤษ

โพสต์นี้ของ ทันเครดี พัลเมรี นอกจากจะแฝงความหมายถึงการเหน็บแนมทีมชาติอังกฤษแล้ว ยังอาจสื่อถึงความกังวลลึกๆ ในใจว่าทีมชาติอิตาลีของเขาอาจเจอเหตุการณ์หรือคำตัดสินที่ไม่เป็นใจแบบเดียวกับทีมชาติเดนมาร์กก็เป็นได้ ซึ่งก็มีผู้ติดตามหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง

ก่อนหน้านี้ “It’s coming home” เพลงเชียร์ประจำทีมชาติอังกฤษ ที่สื่อความหมายถึงถ้วยแชมป์รายการใหญ่กำลังจะกลับมาอยู่ในบ้านของพวกเขาอีกครั้ง เพิ่งถูกแฟนบอลทีมชาติอิตาลีนำมาเล่นคำแบบเดียวกันว่า “It’s coming Rome” หรือ “มันจะกลับมาที่กรุงโรม (เมืองหลวงของอิตาลี) ต่างหาก” ในระหว่างการฉลองชัยชนะที่ทีมรักได้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ เพื่อลุ้นแชมป์สมัยที่ 2 ต่อจากยูโร 1968.