เปิดฤดูกาลไปแล้ว เจลีก 2021

เมื่อวาน “แชมป์เก่า” ฟรอนตาเล่ โชว์ฟอร์มสมราคา สามแต้มแรก วันนี้ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ประเดิมอย่างดุดันมาก ไล่ถล่ม โยโกฮามา เอฟซี ที่ยังใช้ ชุนสึเกะ นากามูระ ถึง 5-1

    ชนาคุง…ยิงประตูแรกในฤดูกาลได้ทันที 

    นอกจากนี้ยังเป็นจุดเริ่ม pass of assist ด้วยลูกยกของจริง หลายท่านได้ชมสดๆผ่านสตรีมมิงทั้งเฟซบุ๊ก และ ช่องยูทูป สยามสปอร์ต 

    เริ่มต้นก็เรียกกระแสฮือฮาได้ไม่น้อยสำหรับบอลเจลีก ลีกอาชีพอันดับหนึ่งของทวีปเอเชีย  ซีซั่นนี้เรามีนักเตะไทยเล่นอยู่สองคนอย่างที่ทราบกัน ธีราทร บุญมาทัน กับ โยโกฮามา เอฟ มารินอส ชนาธิป สรงกระสินธ์ กับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร

    วันก่อนแข่งผมเขียนเรื่อง “เจลีก” ลงสตาร์ซอกเก้อร์ รายวันไปแล้ว วันนี้คัดมาบางส่วนที่อยากให้คอบอลช่วยกันเม้นต์แสดงทัศนะครับ

    ผมเชื่อว่าการที่มีนักเตะไทยไปเล่นเจลีก มีแต่ได้ไม่มีเสีย ได้ “ความแข็งแกร่ง” และ “พัฒนาการ” ทางฟุตบอล เห็นด้วยมั้ยครับ….หรือว่าคิดต่าง

    ไม่ควรไป ควรไปยุโรป ไปเลสเตอร์ เพราะมีเจ้าของเป็นคนไทย

    ส่วนตัวของผมคิดว่าไปเจลีก ใกล้บ้านเราคือบันไดขั้นแรก ระดับลีกของญี่ปุ่นไงก็เหนือกว่าอาเซียนครับ อันนี้ต้องยอมรับ หากเราดูพัฒนาการของเจลีก ตั้งแต่ปี 1992 

    ที่ปรับตัวจากกึ่งอาชีพกึ่งสมัครเล่นมาเป็นอาชีพเต็มตัว จนทีมชาติญี่ปุ่นไปบอลโลกเพราะลีกของเขาแข็งแกร่ง รวมทั้งพัฒนาจนสร้างนักเตะจนส่งออกไปเตะยุโรปสบายๆ

    ก่อนหน้านี้ยุค 70 บอลญี่ปุ่นกึ่งอาชีพสมัครเล่นยาสุฮิโระ โอกูเดระ มิดฟิลด์ที่ถูก ฮันเนส ไวส์ไวเลอร์ โค้ชโคโลญจน์ เห็นแวว เลือกไปเล่นกับทีม Billy Goats หรือแพะผยองในปี 1977 เป็นนักเตะแดนปลาดิบคนแรกที่เล่นในบุนเดสลีกา

    โอกูเดระ มีส่วนช่วยแพะผยองแชมป์​บุนเดสลีกาและเดเอฟเบ โพคาล ดับเบิ้ลแชมป์ในปีแรกที่ไปเยอรมัน จากนั้นย้ายไปแฮร์ธา เบอร์ลิน, เบรเมน (อยู่นานสุด) ร่วม 10 ปีที่เขาเล่นอาชีพในเยอรมัน….

    ไม่เจ๋งจริงอยู่ได้นานถึงทศวรรษ ขนาดนี้ 

    โอกูเดระ ทำให้นักเตะญี่ปุ่นจึงเป็นที่ต้องตา ต้องใจกับคนเยอรมัน ซึ่งแน่นอนเข้าใจไม่ยาก “ระเบียบวินัย” มันเข้ากันได้เลย เป๊ะมาก ซ้อมตรงเวลา, เล่นทุ่มเท ไม่มีงองแง ทุกอย่างคือหน้าที่ รับผิดชอบ เล่นตามโค้ชสั่ง ทำได้ดี พร้อมเรียนรู้และพัฒนาฝีเท้าตัวเอง…

    โอกูเดระ ปูทางให้หลาน เรื่อยมาทั้งที่ก่อนหน้านั้นยุค 80 ยังไม่มีบอลอาชีพเลย  แต่พอมี “เจ ลีก” เท่านั้นแหละครับ ไม่ขาดสาย

    ถ้าดูประวัติศาสตร์ข้อมูลนักเตะญี่ปุ่นไปเล่นในบุนเดสลีกา ไม่ได้เป็นตัวประกอบ หากแต่ยังมีส่วนร่วมในความสำเร็จถึงขั้นคว้าถาดบุนเดสลีกากันหลายคน ถ้าแบบท็อปทรี ดีสุดถึงวันนี้ (เฉพาะบุนเดสลีกาครับ)

    โอกูเดระ แชมป์บุนเดสลีกากับ โคโลญจน์ 1978

มาโกโตะ ฮาเซเบะ แชมป์บุนเดสลีกากับ โวล์ฟบวร์ก 2009

ชินจิ คางาวะ แชมป์บุนเดสลีกากับ ดอร์ทมุนด์  2011

    ฝั่งกัลโช…มี ฮิเดะ สร้างชื่อ ฮิเดโตชิ นากาตะ ได้เล่นกับหลายทีมจากเปรูจา, โรมา,ยูเวนตุส ที่ถึงขั้นคว้าสคูเดตโต และยกระดับฝีเท้าขั้นระดับโลก 

    เคสึเกะ ฮอนดะ ย้ายจากนาโกยา แกรมปัต เอส  ไปเล่นให้ “สามวี” เวนโล ในฮอลแลนด์ เพื่อสร้างกระดูกบอล จนแข็งแกร่ง แถมโด่งดังในบอลโลก 2010 ก่อนโดนซีเอสเคเอ มอสโก ดึงไปร่วมทีม น่าจะเป็นช่วงพีคของเขากับทีมนี้ จากนั้นก็ไปมิลาน, เม็กซิโก, บราซิล วันนี้เขาเป็นโค้ชทีมชาติกัมพูชาไปแล้ว

    มายะ โยชิดะ มีเอเจนต์ คนเดียวกับ ฮอนดะ ก็เดินตามรอย จาก แกรมปัต เอส ไปยัง “สามวี” เวนโล ก่อนไปเซาธ์แฮมป์ตัน  และก็เป็นหัวใจเกมรับนักบุกอยู่นานเล่นเกิน 150 นัด ถือว่าโอเคเลย จน ทาคูมิ มินามิโนะ ในปัจจุบัน….

    ไม่ว่าจะไปแบบสำเร็จหรือล้มเหลว อีกมากมายหลายคน แต่ถึงวันนี้นักเตะญี่ปุ่นไปเล่นยุโรปไม่อายใครก็แล้วกันครับ

    แล้วเรานักเตะไทยไปเจลีก….เกิดผลอะไรเชิงบวกหรือไปก็เท่านั้น

    ทุกคนรับรู้ครับ เจลีก…เป็นลีกที่สร้างนักเตะให้ก้าวไปสู่ระดับอาชีพได้ต่อเนื่องแล้ว ดังนั้นคร่าวๆ นะครับ ถ้าเรามีนักเตะไปเล่นเจ ลีก มันคือบันไดขั้นแรก เหมือนหลายคนของญี่ปุ่นไปเล่นที่ฮอลแลนด์,​เบลเยียม, ออสเตรีย เพื่อเตรียมตัวสู่ลีกใหญ่ของทวีป ไม่ว่าจะบุนเดส, สเปน, พรีเมียร์ลีก 

    ผมว่าตรงนั้นพอเป็นแนวทางได้ แต่นั่นคือว่านักเตะไทยของเราต้อง “อดทน” สุดๆ ในการสู้เพื่อไปให้ถึงจุดนั้น รวมทั้งเรื่องกำแพงอาชีพคือ work permit แต่ผมว่าเรื่องใหญ่กว่าคือ “ทัศนคติ”

    เรารับรู้กันมาตลอดว่าคนไทยเป็นโรค “ขาดสังคมไม่ได้” โรคคิดถึงบ้าน พอถึงจุดหนึ่งเรา “ถอดใจ” ไม่สู้ต่อในการเล่นบอล 

    มีบ้างที่คิดว่ามีเงินก้อนก็พอแล้ว ไม่ต้องไปท้าทายอะไรอีก  “พี่ตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เคยให้ผมทำหนังสือชีวประวัติของพี่ตุ๊กเอง แกเล่าว่าเคยเซ็นสัญญากับยอดทีมเบลเยียมอย่าง อันเดอร์เลชท์ 

    วันนี้ต้องมาเสียใจว่า “รู้งี้”…. ไปเล่นที่ยุโรปก็ดีแล้ว นั่นเมื่อก่อนพี่ตุ๊ก ผ่านเคลีก ยุค กึ่งอาชีพสมัครเล่นกับ ลัคกี โกลด์สตาร์ หรือปัจจุบัน เอฟซี โซล

    พีตุ๊กเล่าให้ผมฟังว่า…”ตอนนั้นพี่มีเงินในบัญชีเกือบสิบล้าน” (พ.ศ. 2529) คิดว่า กูรวยแล้ว” ทำไมต้องไปเหนื่อยที่ยุโรปอีก นั่นเป็นข้อลบของพวกเรานักเตะไทย

    แต่หากเราได้เรียนรู้ ผ่านกระบวนการแบบมืออาชีพ มันเหมือนเตรียมตัวให้พร้อม สร้างกระดูกเพื่อไปต่อ รวมทั้งปรับทัศนคติและถ้าสู้ได้ดี มันคือผ่านแล้ว จากนั้นถ้าคุณมีโอกาสได้ไปยุโรป ถือว่าผ่านตรงนี้ไปแล้ว น่าจะพอไหวครับ

    ส่วนอื่นๆต้องไปเจอคือโดนเหยียดเชื้อชาติ ในตอนแรกๆ เจอแน่นอน ฝรั่งไม่ยอมรับเราหรอก มันไม่ง่ายครับการไปเล่นบอลต่างบ้านต่างเมือง ต่างภาษาและวัฒนธรรม เราคิดกันว่าแค่ไปเตะบอลไม่ได้…ยากไรเลย

    จริงๆมันคือการไป “ใช้ชีวิต” หรือ “ไปมีอาชีพเตะบอล”  ที่เจอทั้งคู่แข่งร่วมทีม, ในสนาม,แฟนบอล, สังคม โห..อีกมากมาย ผมเองเขียนมาตลอดว่า…เจ ลีก นี่แหละใกล้ๆ 

    ถ้าคุณยังเล่นเจลีก ไม่ได้ คุณก็คงไปยุโรปไม่ได้

    วันนี้เรามีนักเตะไทยเหลือสองคนจากสี่ …ซึ่งทางเจ ลีก เขาคัดสรรอยู่แล้ว ไม่ใช่ใครก็ไปเตะที่ญี่ปุ่นได้ ต้องฝีมือ ต้องทีมชาติ และต้องเป็นตำแหน่งที่พวกเขาขาด ฝีเท้าใกล้ๆกันหรือเท่ากัน เขาก็ไม่เอา

    เราภูมิใจกับ ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีราทร บุญมาทัน กับการเป็นตัวหลักของสโมสรชั้นนำ 

    โดย ธีราทร คือนักเตะไทยคนแรกที่คว้าแชมป์เจลีก กับโยโกฮามา เอฟ มารินอส ทั้งอุ้มและ เจ หรือ ชนา คือบันไดอีกขั้นที่ปูทางให้น้องๆ ได้เดินตามไปลีกมาตรฐานของทวีปและของโลกอย่าง เจ ลีก

    นอกจากจะลุ้นผลงานของ อุ้มและเจ แล้ว…วันนี้ก็แอบลุ้นให้มีนักเตะไทยคนต่อๆไป ได้ฟาดแข้ง ที่เจลีก ไปตรงนี้ก่อน ไม่ต้องมองไกลถึงดาวอังคาร

    ปีสองปี อาจยังไม่ใช่ แต่อีกสิบปีข้างหน้า เราก็อาจได้นักเตะไปถึงยุโรป โดย อุ้ม และ เจ คือบันไดที่ให้น้องๆได้ก้าวเดินขึ้นไปยังจุดนั้น

Jackie