ในวันใดวันหนึ่งข้างหน้าที่เราไม่ได้เป็นผู้ชนะ คุณจะยังรักผมอยู่ไหม..
เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ได้พูดประโยคนี้ออกมาตรงๆ หรอกครับ แต่มันพอจะตีความออกมาได้ประมาณนั้น
เพียงแค่วันเดียวหลังลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2019/20 คล็อปป์ให้สัมภาษณ์กับสกายสปอร์ตส์ท่ามกลางข้อความที่หลั่งไหลทะลักล้นจากแฟนบอล
มีบางข้อความที่เขาจะต้องได้รับแน่ๆ เรารู้ว่ามันต้องมีแน่ๆ..
อยู่กับเราตลอดไปเถอะ.. เซ็นสัญญาคุมทีมตลอดชีวิตนะเจอร์เก้น.. เรารักคุณ อยู่กับเราไปนานๆ ตลอดชีวิตเลยได้ไหม
ข้อความเหล่านั้นก็คงประมาณนี้เช่นกัน และก็เชื่อว่ามันตรงกับใจของเพื่อนร่วมอุดมการณ์อีกมากมายทั่วโลก
ใครๆ ก็รักและเทิดทูนบูชา เจอร์เก้น คล็อปป์ ความสำเร็จที่เขาสร้างให้กับสโมสรนั้นยิ่งใหญ่ในระดับตลอดกาล ขึ้นไปอยู่บนหิ้งร่วมกับบรมกุนซือคนอื่นๆ แห่งแอนฟิลด์ได้อย่างไม่เคอะเขิน
กระนั้นคล็อปป์ก็ตอบกลับข้อความเหล่านั้นในแบบที่เขาเป็น
“ไม่หรอก.. ผมคงไม่เซ็นสัญญาคุมทีมตลอดชีวิตได้หรอกเพราะมันจะต้องมีช่วงเวลาที่พวกคุณไม่อยากเห็นหน้าผมอีกต่อไป”
ผมคิดว่าความหมายที่คล็อปป์ต้องการสื่อมันก็ชัดเจนอยู่ในตัวนะครับ สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป มีขึ้นแล้วก็มีลง ยิ่งสังคมวันนี้ทุกอย่างเดินเร็ว อาชีพผู้จัดการทีมเดิมพันสูงยิ่งคุณอยู่กับทีมใหญ่ความคาดหวังเยอะชีวิตของคุณก็ยิ่งต้องเดินเร็วขึ้นอีก โอกาสหกล้มย่อมมากขึ้นอีก
ค่าเฉลี่ยของการได้ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการทีมของฟุตบอลสมัยนี้สั้นกว่าสมัยก่อนแล้วมันก็คงจะสั้นลงเรื่อยๆ คนที่คุ้นเคยกับฟุตบอลยุคปัจจุบันคงไม่เห็นว่าแปลก แต่คนที่เคยผ่านช่วงเวลาของฟุตบอลยุคเก่าไม่ว่าจะเป็นยุค 60, 70, 80 หรือ 90 มานั้นสัมผัสได้ถึงความอดทนที่น้อยลงนี้จนบางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าอะไรต่อมิอะไรช่างดูฉาบฉวยเหลือเกิน
สิ่งต่างๆ ในวันนี้เกิดขึ้นเร็วและก็หมดลงเร็ว ความอดทนอดกลั้นมีน้อย ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องฟุตบอล
เพราะฉะนั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ พูดอย่างที่เข้าใจความเป็นไปของโลก วันนี้คุณรักผม แต่พรุ่งนี้คุณอาจจะตะโกนด่าผม ไล่ผมให้ออกไปจากชีวิตคุณก็ได้
มันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ มีรัก โลภ โกรธ หลง และความรู้สึกนึกคิดต่างๆ ผันแปรตามอารมณ์ซึ่งขึ้นตรงกับสถานการณ์ ณ เวลานั้นๆ ด้วย
ที่รักก็เพราะวันก่อนแกมีเรื่องให้รักนี่หว่า แต่ที่ไม่รักแล้ว ที่เกลียดแล้วก็เพราะแกทำให้ฉันเกลียดไง ก็ทำทีมเอาแต่แพ้กับเสมอไง ก็ทำทีมหมดสิทธิ์เป็นแชมป์ไง จะอะไรกันนักหนา
นั่นสิครับ ก็จะอะไรกันนักหนา คนไม่รักกันแล้วจะให้โกหกว่ารักก็ใช่ที่ ทำกันอย่างนั้นมันเจ็บยิ่งกว่า
ประเด็นในเรื่องนี้คงไม่ได้อยู่ที่ รัก หรือ ไม่รัก หรอกครับ สิ่งที่คล็อปป์พูดนั้นคือสัจธรรมต่างหาก มีลาภ ก็เสื่อมลาภ มียศ ก็เสื่อมยศ ของนอกกายเหล่านี้ไม่จีรังยั่งยืน
วันที่ผมไม่สามารถทำให้เราชนะได้แล้ว พวกคุณจะยังรักผมไหม.. ผมคิดว่าเขาไม่ได้ถามเดอะค็อปหรอก เขาแค่เตือนและสอนเรา
เตือนว่าความรู้สึกของคนก็เหมือนเรือที่ทอดสมอลอยอยู่กลางน้ำ น้ำขึ้นก็ขึ้นตาม น้ำลงก็ลงตาม โยกไหวไปตามคลื่น
สอนว่าอย่ายึดมั่นยึดติดกับความรู้สึก ณ เวลาใด เวลาหนึ่ง หรือในทางกลับกันคุณมั่นคงกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นไหมว่ามันคือความรู้สึกที่นิรันดร์ จะเป็นอย่างนั้นไปตลอดกาล
เขาเตือนและสอนไม่ใช่แค่กับแฟนบอลที่รักเขา หากคงสอนและเตือนใจตัวเองด้วย
เรื่องนี้ต้องแยกกันระหว่างสถานะของคล็อปป์ที่แอนฟิลด์กับการทำหน้าที่ผู้จัดการทีมของเขานะครับ คล็อปป์พูดถึงการเซ็นสัญญาตลอดชีวิตซึ่งต่อให้สโมสรยื่นมาให้จริงเขาก็คงไม่รับเพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้เขารู้ว่าถึงวันหนึ่งก็อาจเป็นแฟนบอลนี่แหละที่อยากให้เขาเป็นฝ่ายไป
ฟังดูโหดร้าย.. แต่มันเป็นความจริงแท้ทีเดียวล่ะ ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาไม่ว่าจะกับผู้จัดการทีมคนไหนๆ หรือทีมไหนๆ ก็สอนเราอย่างนั้น ในวันที่รักนั้นดูดดื่ม แต่ในวันที่ลืม ทุกอย่างที่เคยทำมาก็เหมือนไร้ความหมาย คนเคยเป็นที่รักบางคนถูกด่าถูกไล่เหมือนหมูหมา
ทั้งน่าสมเพชและน่าละอายใจในเวลาเดียวกัน
แต่ที่บอกว่าต้องแยกกันระหว่างสถานะของเขาในแอนฟิลด์กับการทำหน้าที่ผู้จัดการทีมก็คือในเรื่องสถานะความเป็นที่รักนั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ น่าจะคงอยู่ไปตลอดกาลเหมือนที่ เซอร์เคนนี่ ดัลกลิชเป็น หรือเหมือนที่ ราฟาเอล เบนิเตซเป็น
ในช่วงท้ายของการคุมลิเวอร์พูลความรู้สึกที่แฟนบอลมีให้ดัลกลิชกับราฟาก็ไม่ได้เต็มไปด้วยความคลั่งไคล้ชื่นชมเหมือนเดิม มีความรู้สึกแผ่ซ่านว่าดัลกลิชตกยุคไปแล้วส่วนตอนราฟานั้นแฟนบอลบางส่วนขับไล่ด้วยซ้ำ แต่หลังจากแยกทางกันแล้วสถานะความเป็นที่รักของทั้ง 2 คนอบอวลไปทุกอณู เดอะค็อปทุกชีวิตยังอ้าแขนต้อนรับทั้งคู่เสมอ ยิ่งสถานะของคิงเคนนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาคือตำนานอมตะของทุกคน
เพราะฉะนั้นต่อให้คล็อปป์อำลาทีมไปแบบไม่สวยในวันใดวันหนึ่ง ผมก็ยังเชื่อว่าเดอะค็อปทุกคนมีพื้นที่ในดวงใจสงวนเอาไว้ให้กับเขาเรียบร้อยแล้ว และจะยินดีที่สุดทุกครั้งที่ได้เห็นเขากลับมาเยือนแอนฟิลด์
สถานะความเป็นที่รักในแง่บุคคลของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ลิเวอร์พูลคงไม่มีอะไรกระทบหรือทำลายลงได้ มันถูกประทับตรา “forever – ตลอดไป” ตั้งแต่วันที่เขาพาทีมเป็นแชมป์ยุโรป แชมป์โลก และแชมป์พรีเมียร์ลีกแล้ว เว้นเสียแต่ว่าตัวเขาเองจะทำอะไรที่ทำร้ายจิตใจแฟนบอลอย่างให้อภัยไม่ได้
แต่สถานะความเป็นที่รักในแง่ผู้จัดการทีมนั้น.. มันก็เป็นอย่างที่เขาบอกนั่นแหละ ในวันใดวันหนึ่งข้างหน้าที่เราไม่ได้เป็นผู้ชนะ เราจะยังรักเขาอยู่ไหม..
แฟนบอลลิเวอร์พูลที่ไม่รักคล็อปป์ก็มี เชื่อเถิดครับว่ากระทั่งในวันที่เขาพาทีมเป็นแชมป์ยุโรปก็ยังมีคนไม่รัก หรือในวันที่เขาทำให้การรอคอยแชมป์ลีกสูงสุด 30 ปีสิ้นสุดลง มันก็ยังจะต้องมีคนไม่รัก
เหตุผลที่ไม่รักนั้นมีแน่ ก็ได้แชมป์ยุโรปแต่ไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกไง ก็ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกแต่ตกรอบบอลยุโรปไง ก็เพราะจัดตัวประมาทไง เพราะไม่คิดให้รอบคอบเรื่องกองหลังไง เพราะเปลี่ยนตัวไม่ถูกใจไง เพราะ.. เพราะ.. เพราะ..
เหตุผลในความไม่รักนั้นมีอยู่แล้ว แต่จะได้เรื่องหรือไม่ได้เรื่องนั่นเป็นอีกเรื่อง ก็กูไม่รักอะใครจะทำไม
ก็ไม่ทำไมหรอกครับ เดอะค็อปที่รัก เจอร์เก้น คล็อปป์ และอบอุ่นใจในสิ่งที่เขาอุทิศให้กับทีมก็คงจะบอกว่าไม่รักก็เรื่องของมึง ก็แค่นั้นเอง
มันคือธรรมดาโลกแท้ๆ เลย คุณห้ามคนไม่ให้นินทาไม่ได้หรอก ห้ามไฟไม่ให้มีควัน ห้ามพระอาทิตย์พระจันทร์ส่องแสง หรือดึงอายุให้หวนกลับคืนได้ก่อนถึงค่อยห้ามคนนินทาหรือไม่ชอบ
บทสัมภาษณ์ล่าสุดก่อนเกมชนะแอร์เบ ไลป์ซิก เรื่องที่ได้รับกำลังใจจากเดอะค็อปนำป้ายผ้าคุณไม่มีวันเดินเดียวดายมาติดหน้าแอนฟิลด์ คล็อปป์บอกว่าเขาอายุ 53 ปีแล้ว ผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากและเข้าใจโลกในระดับหนึ่ง เขาขอบคุณและซาบซึ้งแต่ขอให้สบายใจได้ว่าเขาไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดต้องการกำลังใจอะไรอย่างนั้น
ไม่ใช่ว่าหยิ่งหรือผยองมองข้ามสิ่งที่แฟนบอลทำให้ ตรงกันข้ามเลยเขาเข้าใจถ่องแท้และแคร์ความรู้สึกของคนที่ทำซึ่งแม้จะเป็นเพียงแฟนบอลกลุ่มเดียวแต่แทนใจเดอะค็อปอีกหลายล้านคนทั่วโลกที่อยากส่งกำลังใจไปให้ผู้จัดการทีมที่พวกเขารัก
สิ่งที่แฟนบอลตั้งใจทำให้เขา คล็อปป์รับรู้และเข้าใจที่สุด แต่ขอบอกให้ทุกคนวางใจอีกครั้งว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็เป็นความท้าทายที่เขาจะต้องพาทีมฝ่าฟันข้ามไปให้ได้
ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวล ไฟผมยังไม่หมด แล้วก็ไม่ต้องวิตกกับข่าวบ้าบอเรื่องเป็นตัวเต็งผู้จัดการทีมคนต่อไปที่จะตกจากตำแหน่งอะไรนั่นด้วย
ความหมายของเขาที่สื่อออกมาถึงแฟนบอลลิเวอร์พูลคงประมาณนั้น
บางทีคงเพราะความรักนั่นเองที่ทำให้เดอะค็อปกลัว กลัวว่าจะเสีย เจอร์เก้น คล็อปป์ ไป กลัวเขาจะท้อ กลัวเขาจะถอย กลัวเขาจะถอดใจยอมแพ้กับความบ้าบอของโลกหรือคำพูดงี่เง่าต่างๆ บนโลกโซเชียล
การให้สัมภาษณ์ยอมรับถึงโอกาสป้องกันแชมป์ที่ดูเหมือนจะหลุดลอยไปแล้วหลังเกมแพ้เลสเตอร์ ซิตี้ด้วยสีหน้าหมองและคล้ายจะมีน้ำตายิ่งทำให้หัวใจเดอะค็อปสะท้าน สงสารและเห็นใจเขาด้วยที่ผ่านมาไม่เคยเห็นเขาน้ำตารื้นออกสื่อด้วยอารมณ์สะเทือนใจอย่างนี้เลย ถ้าจะมีมันเป็นงานฉลองหรือปลาบปลื้มในผลงานของลูกทีมอย่างที่สุดมากกว่า
ผมคิดว่าเดอะค็อปเองก็คงต้องเข้าใจในเรื่องนี้ ไม่ควรจิตตกให้มากกับเรื่องด้านลบทั้งหลาย วิเคราะห์ตามหลักเหตุและผล โอกาสที่คล็อปป์จะหลุดจากตำแหน่งกุนซือที่ลิเวอร์พูลด้วยการโดนไล่ออกนั้นแทบเป็นศูนย์ เหตุผลเห็นกันชัดๆ อยู่แล้ว เขาสร้างทีมชุดนี้ที่กวาดเรียบทุกแชมป์และเพิ่งจะเผชิญกับปัญหาเรื่องผลการแข่งขันในช่วงเดือนเศษๆ ที่ผ่านมานี้เอง แถมยังเป็นปัญหาที่มีเหตุผลรองรับชัดเจน
ต่อให้เป็นฝ่ายบริหารที่ไม่เข้าใจเรื่องฟุตบอลเลยก็คงไม่กล้าไล่คล็อปป์ออกจากตำแหน่งในเวลานี้แน่ มันผิดที่ผิดทางผิดเวลาและพานจะถูกแฟนบอลรุมถล่มเอา
ถัดจากไล่ออกคือการลาออก ตรงนี้แม้จะเป็นไปได้มากกว่าแต่โอกาสก็ยังน้อยเต็มทีอยู่ดี
ลาออกเพราะยอมแพ้ ลาออกเพราะหมดไฟ ลาออกเพราะเบื่อหน่ายในสภาพแวดล้อมต่างๆ เหตุผลของการลาออกก็มีหลายข้อ แต่ว่ากันตามตรงมองไม่เห็นว่าคล็อปป์จะมีเหตุผลอะไรในการลาออก
แบกรับความกดดันไม่ไหว? เบื่อฝ่ายบริหารไม่อนุมัติเงินให้ซื้อนักเตะ? มันไม่เข้าท่าอย่างไรพิกล ดูไม่ใช่เหตุผลที่สอดคล้องกับคนอย่างคล็อปป์เลย
เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่เรารู้จักมา 6 ปีอ่อนแอขนาดนั้นหรือ ท้อยอมแพ้ง่ายๆ หรืองอแงเป็นเด็กไม่ได้ของเล่นอย่างนั้นใช่ไหม ที่ว่าเขาเบื่อฝ่ายบริหารเรื่องเงินซื้อนักเตะนี่เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนหรือว่าสื่อกับแฟนบอลบางส่วนปักใจเชื่อกันไปเอง ที่ว่าเขาแบกรับความกดดันไม่ไหวนี่เป็นเรื่องชัวร์หรือว่าเรากังวลแทนเขากันไปเองอีก
เวลาที่เรารักใครคนหนึ่งมากๆ เราก็จะเป็นห่วงเขามาก ห่วงว่าเขาจะกินดีอยู่ดีไหม ห่วงว่าเขาจะมีความสุขไหม ห่วงว่าสภาพจิตใจเขาจะถูกรังแกหรือเปล่า
ผมคิดว่าคล็อปป์เข้าใจทั้งหมด และก็ซาบซึ้งในความเป็นห่วง เขาพูดให้ทุกคนที่รักเขาได้สบายใจขึ้นแล้ว และยังตบตูดความสบายใจนั้นด้วยชัยชนะสวยๆ จากบูดาเปสต์ เกมรุกยิงได้ เกมรับคลีนชีต
เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังคงทำงานของตัวเองต่อไป มองปัญหาเป็นความท้าทาย หัวใจยังหนักแน่น จิตใจยังมั่นคง และเขายังสบายดี..
ตังกุย
Add friend ที่ @Siamsport