จากภาพแห่งความชื่นมื่นในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 35 แบบเต็มคณะ ที่อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2562
นอกจากบรรดาผู้นำชาติสมาชิกจะได้หารืองานด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องกับประชาคมชาวอาเซียน ร่วมกันแล้ว
ในโอกาสนี้ยังได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกช่วยจำ (เอ็มโอยู) ระหว่าง จานนี อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) กับ ดาโต๊ะ ปาดูกา ลิม จ็อก ฮอย เลขาธิการอาเซียน เพื่อส่งเสริมฟุตบอลในภูมิภาคอาเซียน
ตลอดจนสนับสนุนความปรารถนาร่วมกันของอาเซียน ที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลก ในปี 2034
บรรยากาศในวันนั้น ประธานฟีฟ่าได้มีการมอบเสื้อฟุตบอลให้แก่ผู้นำแต่ละชาติเป็นที่ระลึกโดยเป็นเสื้อกีฬาสีน้ำเงินสกรีนชื่อผู้นำแต่ละประเทศและมีหมายเลขด้านหลัง
“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ได้เสื้อหมายเลข 9 เช่นเดียวกับผู้นำอีกหลายประเทศ
แต่ถึงตอนนี้ที่เวลาล่วงเลยผ่านมากว่า 1ปี 4 เดือน เชื่อว่าใครหลายคนอาจจะลืมภาพดังกล่าวไปหมดแล้ว พร้อมๆกับลืมแนวคิดที่อาเซียนจะผนึกกำลังเสนอตัวจัดฟุตบอลโลกไปแล้วด้วยซ้ำ
ทว่า ในความเป็นจริงแนวทางดังกล่าวยังคงมีอยู่!!!
เมื่อ นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้เปิดเผยว่าตอนนี้การขับเคลื่อนของชาติอาเซียนในการเสนอตัวจัดฟุตบอลโลก ปี 2034 ยังคงดำเนินต่อไป
ชาติอาเซียนได้มอบหมายให้ไทยเป็นผู้นำในการศึกษาข้อมูล เรื่องนี้เป็นเรื่องระดับรัฐบาล สมาคมกีฬาฟุตบอลฯยินดีให้การสนับสนุน โดยหน่วยงานของฝ่ายไทยที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำในการเดินหน้าเสนอตัวครั้งนี้คือ กรมพลศึกษา ซึ่งได้มีการประชุมเป็นระยะ และเชิญผู้แทนสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เข้าร่วมการประชุมต่อเนื่อง
แน่นอนว่า เรื่องเดินหน้าต่อก็เรื่องหนึ่ง แต่การดำเนินงานคงมีหลายคนสงสัยเป็นแน่แท้ว่าทำไม ต้องเป็นกรมพลศึกษา ที่ต้องมาเป็นหลักในเรื่องนี้ เพราะในแง่พันธกิจ กรมพลศึกษาจะดูงานด้านกีฬาขั้นพื้นฐาน และกีฬามวลชนเป็นหลัก
ส่วนการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) อีก
หน่วยงานกีฬา ภายใต้การดูแลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดูด้านกีฬาเป็นเลิศและกีฬาอาชีพ
ผ่านการทำงานเสนอตัวจัดมหกรรมกีฬาใหญ่ๆมาไม่น้อย จะเข้าทางกว่าหรือไม่
ในเรื่องนี้ ดร.นิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ อธิบดีกรมพลศึกษา ชี้แจงแถลงไขให้ ฮอตสปอร์ต ได้ทราบว่า ทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในชาติที่พร้อมจะร่วมเสนอตัวจัดฟุตบอลโลก 2034 ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในการประชุมอาเซียน ที่จัดที่ประเทศไทย
การประชุมสุดยอดอาเซียนจึงได้มอบหมายให้ประเทศไทยเป็นผู้ตั้งคณะทำงาน โดยมีทางมาเลเซีย และอินโดนีเซียที่จะเป็นเจ้าภาพหลัก ร่วมกันทำงาน
ทั้งนี้ ตามโครงสร้างการทำงานของการประชุมสุดยอดอาเซียน จะแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ระดับผู้นำ ระดับรัฐมนตรี และระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส
โดยก่อนหน้านี้ทางกรมพลศึกษาได้รับมอบหมาย จาก นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เดินเรื่องดังกล่าวต่อไป
มีการประชุมร่วมกันในขั้นแรกในระดับ
เจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนมาตลอด ซึ่งในระดับนี้ ชาติต่างๆก็เห็นชอบที่จะเป็นเจ้าภาพร่วมกัน ซึ่งเดิมทีจะต้องประชุมร่วมกันต่อเนื่อง แต่จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้หารือผ่านระดับออนไลน์ได้เท่านั้น
มีการแบ่งงานให้แต่ละประเทศไปร่างเอ็มโอยู ของชาติตนเองมาว่าต้องการอะไร มีรายละเอียดอย่างไร ซึ่งแต่ละชาติได้เห็นชอบร่างเอ็มโอยูกัน
มาแล้ว ตั้งแต่เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งจากนี้เอ็มโอยูทั้งหมด จะนำมาบูรณาการร่วมกัน ให้เป็นเอกภาพ ว่าแนวทางที่เหมาะสมจะเป็นเช่นไร
ก่อนที่จะนำเสนอแนวทางไปยังระดับรัฐมนตรี และระดับผู้นำตามลำดับ เพื่อให้ดำเนินการในขั้นตอนเสนอตัวต่อไป
ต่อข้อถามว่า การทำงานจากนี้ไปมีกรอบเวลาหรือไม่ ดร.นิวัตน์กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การหารือกันอย่างพร้อมหน้าร่วมกัน ทำได้ยาก แต่เราจะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุด
ส่วนประเด็นที่หลายคนอาจสงสัย ทำไมต้องเป็นกรมพลศึกษาที่ดูแลในเรื่องนี้ อธิบดีกรมพล-ศึกษาระบุว่า อย่างที่เรียนไป กรมพลศึกษาได้รับมอบหมายจากปลัดกระทรวงให้มาดูแลรับผิดชอบในเรื่องนี้ ซึ่งเราก็พร้อมจะเดินหน้าทำงาน
โดยคณะทำงานของไทย ก็จะมีผู้แทน กกท. ที่มีประสบการณ์ในการเสนอตัวจัดกีฬาระดับนานาชาติ รวมถึงสมาคมกีฬาฟุตบอลฯรวมอยู่ด้วย
เรียกได้ว่า ทั้งหมดอยู่ที่กระทรวงจะมอบหมายให้หน่วยงานไหนเป็นเจ้าภาพเป็นแม่งาน
เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องพันธกิจอะไรที่เราคุ้นชิน คุ้นเคย ความถนัดของหน่วยงานที่เราคาดว่าน่าจะดีกว่า คงต้องตัดออกไป
การเสนอตัวจัดบอลโลกกับกรมพลศึกษา ที่ถูกให้รับหน้าที่เป็นหัวหอก อาจจะดูแปลกๆ ไปหน่อย แต่เมื่อนายสั่งมา
ก็คงเป็นอย่างอื่นไม่ได้!!!
ทั้งหมดนี้คือความคืบหน้าของอาเซียนกับการเสนอตัวจัดฟุตบอลโลก 2034 เกมที่ทุกชาติทั่วโลก ต้องการเป็นเจ้าภาพสักครั้ง ซึ่งบางประเทศจ้างเอกชน มาช่วยทำงานอย่างจริงจังด้วยซ้ำไป เพื่อให้ได้มา แต่ของเราดำเนินการภายใต้ระบบราชการแบบไทยๆ
จะได้จัดหรือไม่ อย่างไร คงไม่ต้องรอให้ถึงมือฟีฟ่าตัดสิน
เราๆท่านๆนี่แหละ ลองประเมินดูกันเองได้…
กัญจน์ ศิริวุฒิ เรื่อง