โชต้าเหนือกว่าโรนัลโด้,หงส์ใกล้ความจริงกวาดสี่แชมป์! 5 ข้อลิเวอร์พูลเฉือนหืดฟอเรสต์ถ้วยเอฟเอ – สยามกีฬา


โชต้าเหนือกว่าโรนัลโด้,หงส์ใกล้ความจริงกวาดสี่แชมป์!  5 ข้อลิเวอร์พูลเฉือนหืดฟอเรสต์ถ้วยเอฟเอ

แฟนบอล หงส์แดง ต้องลุ้นกันจนเหงื่อตกเต็มหน้าผาก และบั้นท้ายกว่าที่ ลิเวอร์พูล จะบุกไปกำราบ ฟอเรสต์ ทีมใน แชมเปี้ยนชิพ ได้แบบเฉียดฉิว 1-0 ทะยานเข้าไปตัดเชือกถ้วย เอฟเอคัพ กับ แมนฯ ซิตี้ คู่ปรับตัวฉกาจได้สำเร็จ

    ถึงอย่างนั้น แค่สกอร์เดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ รักษาโอกาสสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์สี่รายการในซีซั่นเดียวได้ต่อไปโดยเกมที่สนาม ซิตี้ กราวน์ มีประเด็นน่าสนใจ 5 ประการดังนี้

1.ลิเวอร์พูล ปรับโผเยอะจนเกือบแย่

    แน่นอนว่าแย่ในที่นี้ไม่ใช่ว่า หงส์แดง จะเพลี่ยงพล้ำให้กับ ฟอเรสต์ หากแต่พวกเขาประสบกับปัญหาในการส่งบอลเข้าประตูกว่าจะเอาชนะทีมรองบ่อนได้ด้วยสกอร์ 1-0

    จนในที่สุด ฮีโร่ ของทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ก็ได้แก่ ดีโอโก้ โชต้า อีกตามเคย แถมดาวยิงเลือดฝอยทองคลำเป้าได้ในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะดีแท้

    จากโผ 11 ตัวแรกของทีมเยือน เจอร์เก้น คล็อปป์ เลือกพักขุนพลบางราย และมีหลายรายที่ไม่พร้อมลงสนามซึ่งทำให้ประสิทธิภาพในการล่าตาข่ายของ เครื่องจักรสีแดง ถดถอยลงไปไม่น้อย

    โดยในจำนวนนี้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ บาดเจ็บอยู่ก่อนแล้วจนลงเล่นไม่ได้ แถมก่อนเกมปรากฏว่า แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็คซ้ายจอมแอสซิสต์เช่นกันขาดหายไปโดยมีอาการป่วย แต่ไม่ชัดเจนว่ากัปตันทีมชาติ สกอตแลนด์ จะติดเชื้อโควิดเหมือนกับพ่อค้าแข้งหลายรายของหลายทีมที่ล้มป่วยในระยะนี้หรือเปล่า

    เท่านั้นไม่พอ ในแผงรุก คล็อปป์ เลือกดร็อปทั้ง ซาดิโอ มาเน่ และ โม ซาลาห์ ถึงขนาดทั้งสองไม่มีชื่อเป็นตัวสำรองซะด้วยโดยกุนซือชาวเยอรมันให้เหตุผลว่าดาวยิงทีมชาติ อียิปต์ ยังเจ็บเท้า แต่กลับเลือกส่งลงสนามเป็นตัวสำรองในเกมก่อนหน้านี้ที่บุกไปย้ำแค้น อาร์เซน่อล ในลีกด้วยสกอร์ 2-0

    ด้าน มาเน่ คล็อปป์ ยืนยันว่าต้องการให้พักเช่นกันเนื่องจากมีคิวลงเล่นเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกให้กับ เซเนกัล เช่นเดียวกับ คิง ออฟ อียิปต์ โดยสองทีมนี้จะปะทะกันเองสองนัดไป-กลับในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกช่วงปลายเดือนโดยทีม มัมมี่ จะเป็นเจ้าบ้านก่อนในวันที่ 25 มี.ค.ก่อนบุกไปเยือนแชมป์ แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ในวันที่ 29 มี.ค.

    อย่างไรก็ตาม  หงส์แดง เป็นทีมที่มีเกมรับเหนียวแน่นวางใจได้โดยพวกเขารอซื้อเวลาให้บรรดาดาวยิงสบช่องสอยตาข่ายเท่านั้น และในที่สุดรองจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก สามารถปิดจ็อบที่ ซิตี้ กราวน์ ได้อย่างลุล่วง

2.โชต้า กลบรัศมี โรนัลโด้

    จากประตูชัยของ ดีโอโก้ โชต้า ที่พา ลิเวอร์พูล เข้ารอบตัดเชือกถ้วย เอฟเอคัพ เป็นผลสำเร็จนับเป็นประตูที่ 19 ในซีซั่นนี้แล้วที่ดาวเตะโปรตุกีสตอบแทนสโมสรได้อย่างน่าประทับจิต

    ยิ่งไปกว่านั้น จากจำนวน 19 ประตู มีการยืนยันว่า โชต้า ผงาดเป็นสตาร์เลือดฝอยทองที่เช็คบิลคู่แข่งได้มากกว่าเพื่อนร่วมชาติทุกรายที่ค้าเกือกอยู่ในห้าลีกใหญ่ของทวีปยุโรป

    และแม้แต่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวซัลโวของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่เว้นที่โดนขุนพล เร้ด แมชีน ชาติเดียวกันตะบันตาข่ายแซงหน้าได้หนึ่งเม็ดแล้วเนื่องจาก “ซีอาร์เซเว่น” มีผลงานยิงได้ 18 ประตูในทุกรายการของซีซั่นนี้

3.ศึกหนักที่รออยู่

     ในที่สุด ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ ก็มีเกมให้บู๊กันเพิ่มเติมจากศึก พรีเมียร์ลีก ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ในวันที่ 10 เม.ย.จนได้เมื่อผลการจับสลากประกบคู่ฟุตบอล เอฟเอคัพ รอบตัดเชือกกำหนดให้สองยักษ์ใหญ่ต้องฟาดฟันกันเพื่อหาผู้ชนะเข้าไปชิงดำถ้วยน็อคเอาท์

    เท่าที่ผ่านมา หงส์แดง ได้โทรฟี่ไปเป็นกรรมสิทธิ์แล้วหนึ่งรายการในฐานะแชมป์ คาราบาวคัพ และยังมีลุ้นสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกของเมืองผู้ดีที่อาจซิวโทรฟี่ครบทั้งสี่ใบ ขณะที่ เรือใบสีฟ้า ยังมีลุ้นคว้า ทริปเปิ้ลแชมป์

    แต่ในที่สุด ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่แคล้วต้องผิดหวังที่จะได้แชมป์รายการที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่างแน่นอนแล้วหลังจาก ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ อดีตหัวหอกค่าย แอนฟิลด์ ได้รับเชิญจาก เอฟเอ ให้ทำหน้าที่เป็นคนจับสลากประกบคู่รอบตัดเชือกซึ่งบางที เดอะ ค็อป น่าจะเคือง “ก็อด” ตำนานดาวยิงของทีมไม่น้อยที่จับติ้วให้ปะทะกับจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก

   

    แต่สำหรับแฟนบอลเป็นกลางที่เชียร์ทีมอื่น บอกได้เลยว่าผลการจับสลากจากการล้วงบอลของ ฟาวเลอร์ ทำให้ซีซั่นนี้มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นเป็นพะเรือเกวียนว่าลงท้ายแล้ว ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ จะจบซีซั่นกันอีท่าไหน

4. โมเมนตัมจะแกว่งไปทางไหน?

    จบเกมในสุดสัปดาห์นี้ ฟุตบอลลีกจะพักเบรกกันอีกรอบเพื่อเปิดทางให้เกมทีมชาติลงสนาม

    และกว่าที่นักเตะจะกลับมารับใช้ต้นสังกัดก็ต้องรอจนถึงต้นเดือนหน้า แถมไม่มีใครตรัสรู้ได้เช่นกันว่าสโมสรจะได้รับผลกระทบมีขุนพลล้มหมอนนอนเสื่อมาจากเกมทีมชาติหรือเปล่า

    โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเช่นนี้ ทั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คงไม่แฮปปี้เท่าไหร่ที่เกมของพวกเขาหนีไม่พ้นต้องขาดความต่อเนื่อง

    ยิ่งสำหรับ หงส์แดง ซึ่งกำลังติดลมบน เก็บแต้มเป็นว่าเล่นจนหายใจรดต้นคอ เรือใบสีฟ้า ทีมจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จทั้งๆที่เคยมีคะแนนห่างกันไกลลิบโลกก็น่าจะเป็นเรื่องที่กุนซือชาวเยอรมันไม่โอเคสักเท่าไหร่

    อย่างไรก็ดี สุดท้ายแล้วโมเมนตัมจะแกว่งไปทางไหนหลังจากทั้งสองทีมต้องกลับมาลงสนามกันต่อในช่วงที่เหลือของซีซั่น เวลาเท่านั้นที่จะให้คำตอบได้

5.รู้จักนายใหญ่ เจ้าป่า

    ฐานที่ทำให้พลพรรค หงส์แดง ซี่โครงบานกันพอสมควร เราจึงน่าจะทำความรู้จักกับ สตีฟ คูเปอร์ กุนซือชาวเวลส์วัย 42 ปีของทีม น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ กันให้มากขึ้น

    ต้องบอกว่า คูเปอร์ ไม่ธรรมดาเหมือนกันเนื่องจากเคยเป็นกุนซือทีมเยาวชนของ ลิเวอร์พูล มาก่อนในปี 2008-2013 ฉะนั้นการปะทะกับ เร้ด แมชีน จึงเปรียบได้กับการห้ำหั่นกับอดีตต้นสังกัดของเขานั่นเอง

    หากแต่ผลงานที่สร้างชื่อให้กับ คูเปอร์ ลูกชายของอดีตผู้ตัดสินคนดังนาม คีธ คูเปอร์ มากที่สุดหลังจากนั้นคือการพาทีมชาติ อังกฤษ คว้าแชมป์โลกชุดยู 17 ในปี 2017 ด้วยการขยี้ สเปน ยับเยิน 5-2 โดยขุนพล สิงโตน้อย ชุดนั้นประกอบไปด้วยดาวดังในปัจจุบันทั้ง ฟิล โฟเด้น , มาร์ค เกฮี , เจดอน ซานโช่ , คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย และ ไรอัน บริวสเตอร์ เป็นอาทิ

    พร้อมกันนี้ คูเปอร์ ยังพลิกสถานการณ์ให้ เจ้าป่า ได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยนับตั้งแต่เข้ามารับงานในเดือนก.ย.แทนที่ คริส ฮิวจ์ตัน ที่โดนปลด และพาทีมไต่อันดับจนมีลุ้นคว้าโควต้าเพลย์ออฟเลื่อนชั้นไม่น้อยจากการรั้งอันดับแปดของตาราง

    ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะ ฟอเรส์ แพ้แค่เกมเดียวในทุกรายการนับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ปี 2022 เป็นต้นมาจากการลงเล่น 14 นัด และมีแค่ ฟูแล่ม ทีมเดียวในลีกที่เก็บแต้มได้มากกว่าพวกเขา

    แถมในถ้วย เอฟเอคัพ เจ้าป่า ยังสวมบท “แจ็คผู้ฆ่ายักษ์” ได้อย่างร้ายกาจโดยเอาชนะ อาร์เซน่อล 1-0 ในรอบสาม และสยบ เลสเตอร์ ในรอบสี่ด้วยสกอร์ 4-1 ก่อนเพลี่ยงพล้ำให้กับ ลิเวอร์พูล ในรอบแปดทีมแบบมีลุ้นหลายจังหวะในช่วงท้ายเกม

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร

Add friend ที่ @Siamsport

เพิ่มเพื่อน