โอซากะ ร่ำไห้หลังโดนสื่อถามคำถามแทงจิตใจ – สยามกีฬา

นาโอมิ โอซากะ นักเทนนิสหญิงมือ 2 ของโลกชาวญี่ปุ่น ต้องเสียน้ำตาอีกครั้งในระหว่างการกลับมาแถลงข่าวครั้งแรกในศึกดับเบิ้ลยูทีเอทัวร์ รายการ เวสเทิร์น แอนด์ เซาเทิร์น โอเพ่น เมื่อถูกผู้สื่อข่าวตั้งคำถามที่กระทบความรู้สึกอย่างมาก

    เดอะ การ์เดี้ยน รายงานว่า  ในการแถลงข่าวเทนนิสดับเบิ้ลยูทีเอทัวร์ รายการ เวสเทิร์น แอนด์ เซาเทิร์น โอเพ่น ที่แข่งขันในสัปดาห์นี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 เดือนของนักเทนนิสวัย 23 ปี ที่ออกมาปฏิเสธจะแถลงข่าวในรายการเฟรนช์ โอเพ่น และขอถอนตัวจากรายการพร้อมจุดประเด็นเรื่องปัญหาสภาพจิตใจของนักกีฬาที่ไม่ควรถูกบังคับให้เข้าแถลงข่าวโดยไม่พร้อม ปรากฏว่าโอซากะได้ถูกตั้งคำถามจากผู้สื่อข่าวรายหนึ่งว่าเลือกที่จะใช้สื่อเฉพาะในเวลาที่เหมาะสมกับเธอหรือไม่

     นาโอมิ บอกว่า “เวลาที่พวกคุณบอกว่าฉันไม่ชอบที่จะรับมือกับพวกคุณมันหมายถึงอะไร ? ฉันอยากบอกว่าในการแถลงข่าวคือสิ่งที่ฉันรู้สึกว่ายากที่สุดแล้ว” จากนั้นเธอก็ได้หยุดพูดครู่หนึ่งในระหว่างการแถลงข่าวแบบทางไกลก่อนจะพูดต่อ “ฉันสนใจในประเด็นนี้จริงๆ”

     “สำหรับฉันแล้ว ฉันรู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะพูดแทนใครได้ ฉันก็แค่พูดแทนตัวของฉันเอง แต่ก็ตั้งแต่เด็กแล้วที่ฉันจะได้รับความสนใจจากสื่อ ซึ่งฉันคิดว่ามันเป็นเพราะพื้นเพของฉันเท่าๆ กับเรื่องผลงานในการแข่งขันของฉัน ในตอนแรกฉันเป็นนักเทนนิสธรรมดาที่มีคนมากมายสนใจในตัวฉัน

     ฉันอยากจะบอกว่ามันคงเป็นเพราะฉันมีอะไรที่แตกต่างจากคนอื่น และฉันก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ในสิ่งที่ฉันได้ทวีตหรือพูดที่ทำให้เกิดข่าวหรืออะไรทำนองนั้น แต่ฉันแค่อยากจะบอกว่า ฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าจะมีวิธีในการรักษาสมดุลอย่างไร ฉันพยายามที่จะจัดการมันในเวลาเดียวกับคุณนั่นแหละ

     หลังตอบคำถามนี้ โอซากะ ได้ร้องไห้ออกมาครู่หนึ่งและพยายามที่จะฟังคำถามต่อไป แต่สุดท้ายต้องขอตัวออกจากการแถลงข่าวสักครู่เพื่อปรับอารมณ์ตัวเอง ก่อนจะกลับมาและตอบคำถามผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมในภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่น

     ด้าน สจวร์ต ดูกวิด เอเยนต์ส่วนตัวของ โอซากะ กล่าวประณามนักข่าว ที่ถามคำถามแบบจงใจกระทบความรู้สึกของนักกีฬาว่า “การบูลลี่จากสื่อ Cincinnati Enquirer นั่นคือสิ่งที่ชัดเจนว่าทำไมความสัมพันธ์ระหว่างนักกีฬากับสื่อถึงได้เลวร้ายในตอนนี้ ทุกคนที่อยู่ใน Zoom คงจะเห็นด้วยว่าน้ำเสียงของเขาที่ใช้นั้นผิด และสิ่งเดียวที่เขาต้องการก็คือการข่มขู่ เป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจอะไรเช่นนี้”