ย้อนรอยเส้นทางลูกหนังชีวิต “จตุรภัช สัทธรรม” แบ็กซ้าย “ทีมชาติไทย” จากเด็กวัดสู่ “ทีมชาติไทย” ชุดใหญ่
วันที่ 6 พ.ค. 64 จตุรภัช สัทธรรม แบ็กซ้ายดาวรุ่ง “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี ทีมดังแห่งศึก โตโยต้า ไทยลีก เปิดเผยช่วงชีวิตในอดีตที่เคยเป็นเด็กวัดมาก่อน กระทั่งก้าวสู่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรก ที่อยู่ระหว่างเข้าแคมป์ฝึกซ้อมเพื่อเตรียมทีมลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ทั้งนี้แบ็กซ้ายวัย 21 ปี เผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากช่วงต้นฤดูกาล เมื่อย้ายจาก ชัยนาท ฮอร์นบิล มาอยู่กับ การท่าเรือ เอฟซี ก่อนถูกปล่อยไปให้ สมุทรปราการ ซิตี้ ยืมตัวไปใช้งานทันที ทว่าไม่ได้โอกาสลงเล่นในลีกแม้แต่เกมเดียว จากนั้นถูก สิงห์เจ้าท่า ดึงตัวกลับมาเลกสอง กระทั่งมีโอกาสลงเล่นในช่วงท้ายไป 8 นัด พร้อมยิง 1 ประตู
ล่าสุด จตุรภัช สัทธรรม “ดีใจครับ ที่ได้เข้ามาชุดใหญ่ครั้งแรก รอบนี้ผมเป็นรุ่นน้องสุด ก็อาจจะมีบ้างที่เกร็งๆ ครับ (ยิ้ม) แต่โดยรวมเป็นเกียรติมากๆ ครับที่ได้เข้ามา” จตุรภัช เริ่มกล่าวกับเรา ตอนที่ผมไม่ได้เล่น ผมก็รู้สึกท้อครับ เพราะนักฟุตบอลทุกคนก็อยากลงเล่น เพื่อโชว์ผลงาน ก็พยายามซ้อมอย่างเดียวครับ พอซ้อมไปเรื่อยๆ ก็เริ่มได้รับโอกาส และพอได้รับโอกาส ผมก็พยายามเต็มที่ที่สุดเท่าที่ผมทำได้ครับ”
“ก็มีแค่ช่วงแวบเดียวครับที่คิดว่าท้อ ไม่เอาแล้ว แต่อีกมุมหนึ่ง ผมก็รู้ว่างานของเราท้อไม่ได้ และต้องสู้ต่อเพื่อหาโอกาสที่ตัวเองให้ได้ การติดทีมชาติครั้งนี้ ก็ถือว่าตอบแทนกับสิ่งที่ผมสู้มาตลอดครับ และ เซอร์ไพรส์ด้วยครับที่โค้ชนิชิโนะเรียกผมมา เพราะเอาจริงๆ ผมก็เพิ่งมีโอกาสลงเล่นช่วงหลัง ก็ต้องขอบคุณโค้ชนิชิโนะครับที่เห็นอะไรบางอย่างในตัวผม”
แบ็กซ้ายจอมบุก กล่าวต่อ “ตอนที่ชัยนาท ผมได้เล่นตลอด มีผลงาน แต่พอกระโดดมาทีมใหญ่อย่าง ท่าเรือ องค์ประกอบทีมมันก็เปลี่ยนไป ในทีมมีผู้เล่นเก่งๆ เยอะขึ้น ทำให้ช่วงแรกผมแทบไม่มีโอกาส ซึ่งตรงนี้ผมก็เข้าใจครับ และสอนให้ผมโตขึ้นกับคำว่าฟุตบอลอาชีพด้วย ในแง่การปรับตัวก็เริ่มโอเคขึ้นแล้วครับ โค้ชนิชิโนะก็ค่อยๆ ปรับร่างกายขึ้นมาเรื่อยๆ ตอนนี้ก็เริ่มซ้อมเป็นทีมมากขึ้น แต่อย่างที่บอก ก็ยังมีเกร็งๆ ครับ แต่ก็พยายามทำเต็มที่ และเป็นตัวของตัวเองให้ได้มากที่สุด”
“ความคาดหวังผมยังไม่ได้มองไปถึงที่ ยูเออี ครับ ผมคิดว่าแค่ได้มาก็ถือว่าเป็นกำไรที่สุดในชีวิต ตั้งแต่ผมเกิดมาแล้ว ส่วนหวังลึกๆ ผมคืออยากมีรายชื่อไปต่อในแคมป์ที่ 2 ก็จะทำให้โค้ชเห็นให้ได้ครับ”
นอกจากนี้ จตุรภัช ยังเผยถึงช่วงชีวิตในวัยเด็ก ที่ฐานะทางบ้านยากจน เป็นเด็กเกเร จนถูกครอบครัวส่งมาเป็น ‘เด็กวัด’ ที่วัดน้ำคอก จังหวัดระยอง “ผมไปเป็นเด็กวัด ตั้งแต่ประถม ตอนนั้นพ่อแม่ผมไม่มีเวลาเลี้ยงครับ เลยเอาไปฝากหลวงพ่อดูแล เด็กวัดส่วนใหญ่ แถวนั้นก็จะเป็นเด็กที่ติดเกม ไม่มีพ่อแม่ดูแล แกก็จะเอามาเลี้ยง ตื่นเช้ามาตี 5 ก็เดินบิณฑบาต พอเสร็จก็ไปโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนกับวัด จะติดกัน โดดข้ามไปก็เป็นโรงเรียนครับ (หัวเราะ)”
“พอตกเย็นมา ก็มาเตะบอลเล่นครับ หลวงพ่อเขาชอบฟุตบอล ก็จะเป็นคนคอยแนะ คอยสอน ชีวิตเด็กวัดก็ไม่เคยคิดจริงๆ ว่าจะมาถึงขนาดนี้ครับ ดังนั้น คำว่าทีมชาติ กับผม ตอนนั้นมันไกลกันมากๆ ครับ แทบนึกภาพไม่ออกเลยด้วยซ้ำ หรือถ้าจะวัดเป็นระยะทาง ก็วัดไม่ได้จริงๆ เพราะมันห่างไกลกันจริงๆ ครับ ที่ผ่านมาถ้าผมมีโอกาสกลับไปหาพ่อที่ระยอง ผมก็จะกลับไปหาหลวงพ่อตลอดครับ เขาดีใจกับผมมากครับ เขาเห็นผมตั้งแต่ตัวเล็กๆ เป็นเด็กวัดไร้เดียงสา จนมาถึงวันนี้ (นั่งคิดอยู่นาน) บอกความรู้สึกไม่ถูกเหมือนกันครับ”
“มันมีความสุขทุกครั้งที่กลับไป นั่งคุยกับหลวงพ่อ กินข้าวก้นบาตร และตื่นตี 5 ไปรอหลวงพ่อ ที่หน้าวัดทุกเช้า และคำสอนที่หลวงพ่อ บอกตั้งแต่เด็กๆ ที่ผมยังจำได้จนถึงวันนี้ ก็คือ ขอให้ผมเป็นเด็กดี และ ไม่เป็นภาระสังคม แค่นั้นพอ ก็ดีใจครับที่ทำให้หลวงพ่อภูมิใจ สุดท้าย ก็ฝากแฟนบอลชาวไทย ติดตามเป็นกำลังใจให้ทีมชุดนี้ และผมด้วยครับ ก็จะทำให้ดีที่สุดในทุกๆ วันที่มีโอกาสครับ”
สำหรับ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย จะเดินทางไปประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ในวันที่ 21 พฤษภาคม และมีโปรแกรมอุ่นเครื่อง 2 นัด พบกับ ทีมชาติโอมาน ในวันที่ 25 พฤษภาคม และพบกับ ทีมชาติทาจิกิสถาน วันที่ 29 พฤษภาคม ก่อนทำการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 โดยมีโปรแกรมการแข่งขันดังนี้
วันที่ 3 มิถุนายน 2564
– ทีมชาติไทย พบ อินโดนีเซีย เวลา 23.45 น. ณ สนามอัล มัคตูม
วันที่ 7 มิถุนายน 2564
– ยูเออี พบ ทีมชาติไทย เวลา 23.45 น. ณ สนามซาบีล
วันที่ 15 มิถุนายน 2564
– ทีมชาติไทย พบ มาเลเซีย เวลา 23.45 น. ณ สนามอัล มัคตูม