ฟานกัล-มูรินโญ่ทำลายชีวิตผม! ย้อนดู”ยานาไซ”ก่อนพาโซเซียดาดดวลแมนยู

ครั้งหนึ่ง “อัดนาน ยานาไซ” ดาวรุ่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยถูกคาดหมายว่ามีโอกาสจะก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับท็อปของวงการลูกหนัง เขาโชว์ฟอร์มเกินหน้าเกินตารุ่นพี่ในทีมเมื่อถูกดันขึ้นมาทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัว อย่างไรก็ตามชะตาของเขากลับพลิกผันจนต้องออกจากทัพ “ผีแดง” แบบไม่สวยเท่าไหร่นัก และในคืนวันพฤหัสบดีนี้เขาจะได้กลับมาเผชิญหน้ากับอดีตต้นสังกัดที่รักของเขา

    ย้อนกลับไปเมื่อเดือนธันวาคมปี 2019 นิคกี้ บัตต์ เคยให้สัมภาษณ์กับทางสื่อชื่อดัง อีเอสพีเอ็น ว่า อัดนาน ยานาไซ เป็นนักเตะที่ “น่าผิดหวังมากที่สุด” ในบรรดานักเตะที่มาจากอะคาเดมี่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

    “นับตั้งแต่ ไรอัน กิกซ์ ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นนักเตะที่เก่งขนาดนี้ เขาน่าเหลือเชื่อ ในสายตาผมเขาควรจะต้องเป็นนักเตะซูเปอร์สตาร์ระดับโลกแล้ว” นิคกี้ บัตต์ กล่าว

    เป็นเวลามากกว่า 3 ปีครึ่งแล้วนับตั้งแต่ ยานาไซ ย้ายออกมาจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ไปอยู่กับ เรอัล โซเซียดาด และเขาก็เตรียมจะพบกับอดีตตันสังกัดของเขาใน ยูโรปา ลีก วันพฤหัสบดีนี้ เขาได้ตอบกลับถึงสิ่งที่ นิคกี้ บัตต์ พูดถึงเขา

    “สิ่งที่ บัตต์ พูดเป็นความจริง แต่ติดอยู่อย่างเดียวนั่นคือผมไม่ได้เจอโค้ชที่ใช่ในการผลักดันผมให้ไประดับนั้น” 

    ช่วงเวลาที่ ยานา ไซ เฉิดฉายชึ้นมาช่างเหมาะเจาะกับตอนที่ “ผีแดง” กำลังพบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากหลังจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ลงจากบัลลังก์ในปี 2013 

    ยานาไซ เพิ่งจะอายุครบ 18 ปีตอนที่มีชื่อในม้านั่งสำรองครั้งแรกในเกมสุดท้ายของป๋าเฟอร์กี้ (เสมอ เวสต์บรอมวิช 5-5 เดือนพฤษภาคม 2013) และเขาก็ถูกส่งต่อไม้ต่อไปให้กับ เดวิด มอยส์ ในฤดูกาลถัดมา โดยลงเล่นมากถึง 35 นัดในซีซั่นนั้น 

    เขายิงสองประตูในการออกสตาร์ตัวจริงครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกพร้อมช่วยทีมเอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-1 ในเดือนตุลาคมปี 2013 และเขาได้รับการต่อสัญญาเพียง 2 สัปดาห์ถัดมา ฟอร์มที่โดดเด่นทำให้เขาได้รับการคาดหมายว่าจะมีชื่อติดทัพทีมชาติ เบลเยี่ยม ไปลุยฟุตบอลโลกปี 2014

    แม้จะเป็นช่วงเวลาขาขึ้นของเขา แต่เจ้าหนูคนนี้คงเร็วเกินไปที่จะต้องรับภาระแบกทีมประกอบกับที่ฟอร์มโดยรวมของ แมนฯ​ ยูไนเต็ด ย่ำแย่เหลือเกิน สุดท้าย เดวิด มอยส์ โดนปลดในเดือน เมษายน ปี 2014 โดย หลุยส์ ฟาน กัล มารับหน้าที่คุมทัพต่อในช่วงซัมเมอร์ ขณะที่ ยานาไซ ได้รับเสื้อหมายเลข 11 เป็นการตอบแทนผลงานที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในยุคของนายใหญ่ดัตช์ เขาแทบไม่ได้มีโอกาสใส่เสื้อนี้เลย

    ยานาไซ เป็นส่วนสำคัญในทีมของเดวิด มอยส์  แต่สำหรับ ฟาน กัล แล้วเขาออกสตาร์ทตัวจริงเพียงแค่ 7 นัดในลีก ความจริงเขาได้ลงเล่นทีมชุด ยู-23 มากกว่าทีมชุดใหญ่เสียอีก และคำวิจารณ์ก็ทำให้เขาแย่ลงไปอีก

    ขณะที่ฤดูกาลถัดมาในเดือนสิงหาคมปี 2015 เขาได้รับโอกาสลงเล่นตัวจริงในเกมที่สองของซีซั่นพร้อมยิงประตูชัยใส่ แอสตัน วิลล่า แต่ตอนสิ้นเดือนเขาต้องย้ายออกไปยืมตัวกับ ดอร์ทมุนด์ 

    ทว่ากับ “เสือเหลือง” แล้วเจ้าตัวก็ไม่ได้ไปไกลกว่าเดิมสักเท่าไหร่ เขาลงเล่นแค่ 12 นัดในครึ่งฤดูกาลแรกและถูกยกเลิกสัญญายืมตัว โดย โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือดอร์ทมุนด์ในตอนนั้นออกมาเผยว่า ยานาไซ มีปัญหาในการปรับตัวโดยเฉพาะเรื่องทัศนคติ เขามักจะเปรียบเทียบหลายอย่างระหว่าง ดอร์ทมุนด์ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เสมอ รวมถึงขาดความมุ่งมั่นเพื่อพัฒนาตัวเองด้วย    

    นิคกี้ บัตต์ กล่าวถึง ยานาไซ ว่า “พรสวรรค์จะทำให้คุณผ่านประตูนี้แต่สิ่งที่ช่วยให้คุณอยู่ที่นี่ได้คือคาแรกเตอร์และความมุ่งมั่น” ตอนนี้ปีกตัวรุกชาวเบลเยี่ยมเติบโตขึ้นมาอายุ 26 ปีแล้ว และเขามีมุมมองความคิดเกี่ยวกับว่าทำไมการค้าแข้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงจบลงอย่างรวดเร็ว

    “เมื่อ ฟาน กัล เข้ามา ผมได้ลงเล่นแค่นัดเดียวจาก 6 เกม มันเป็นช่วงเวลที่ยากลำบาก แต่กับ เดวิด มอยส์ ผมได้โอกาลงสนามโชว์ฝีมือตัวเอง ผมคิดว่าผมได้เล่นประมาณ 30 หรือ 35 นัด แต่ต่อมาผมมีโอกาสลงสนามแค่นัดเดียวและอีก 5 นัดอยู่ในม้านั่งสำรองซึ่งถ้ามองจากคุณภาพของผมแล้ว ผมไม่เข้าใจจริงๆ”

    “สิ่งเดียวที่โค้ชจะใช้กับผมคือการบอกว่าผมซ้อมไม่ดี แต่ผมรู้ตัวผมเองว่าผมซ้อมได้ดี นี่ไม่ใช่ข้ออ้างของผม ผมฝึกซ้อมอย่างหนักมาตลอดนับตั้งแต่เริ่มเล่นฟุตบอล” 

    “หลายคนพูดเกี่ยวกับตัวผมว่า ผมทำอย่างนี้ซิ ผมทำอย่างนั้นซิ มันยากนะเมื่อคุณอายุแค่ 18 ปีและโดนวิจารณ์แบบนั้น โดยเฉพาะเมื่อคุณถูกวิจารณ์โดยไม่ลงเล่นเลยด้วย ผมจะเข้าใจมันถ้าผมได้ลงเล่น 10 หรือ 8 เกมแล้วโชว์ฟอร์มแย่แต่มันไม่เป็นแบบนั้น บางครั้งผู้คนภายในไม่เข้าใจสิ่งนี้”

    “ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด สิ่งที่น่าผิดหวังมากที่สุดคือผมไม่ได้ลงเล่น ถึงตรงนั้นผมเพียงต้องการออกจากสโมสร มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก”

    ท้ายที่สุด หลุยส์ ฟาน กัล โดนปลดในปี 2016 แต่ความหวังของเขาที่จะได้กลับมายึดตำแหน่งเดิมภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็จบลงเมื่อเขาโดนปล่อยยืมให้กับ ซันเดอร์แลนด์ เพื่อไปหวนร่วมงานกับ เดวิด มอยส์

    “ผมต้องต้องการออกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะต้องการลงเล่น ตอนผมไป ซันเดอร์แลนด์ พวกเราทุกคนรู้ว่ามันไม่ใช่ทีมสำหรับผม ไม่ใช่ทีมที่ผมจะสนุกกับการเล่นฟุตบอลแต่ผมไปที่นั่นเพื่อต้องการลงเล่นมากกว่านี้”

    ยานาไซ โชว์ฟอร์มไม่ออกพร้อมกับการตกชั้นของ ซันเดอร์แลนด์ และการลงจากตำแหน่งของ เดวิด มอยส์ ต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2017 เพียง 3 ปีให้หลังจากที่เคยเป็นตัวหลักให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยานาไซ ก็ย้ายไปร่วมทัพ เรอัล โซเซียดาด ด้วยค่าตัว 11 ล้านยูโร

    “สโมสรและโค้ชช่วยให้ผมแฮปปี้กับที่นี่ เมื่อชีวิติคุณมีความสุข คุณก็จะมีความสุขในสนามด้วย ที่นี่ผมได้รับโอกาสมากกว่าตอนที่อยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ยิ่งผมได้ลงสนามมาก ยิ่งทำให้ผมได้โชว์ความสามารถ”

    “ที่ แมนฯ​ ยูไนเต็ด ผมไม่ได้รับโอกาสสักเท่าไหร่โดยเฉพาะเมื่อ ฟาน กัล และ มูรินโญ่ เข้ามา เมื่อพวกเขาเหล่านี้เข้ามามันทำให้ผมลำบากขึ้นเพราะว่าผมเป็นดาวรุ่ง ผมเพิ่งอายุ 18 หรือ 19 ปีเองและผมทำได้แค่ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ผมมีท่านเซอร์ที่คอยเชื่อมั่นในตัวผม ถ้าเขาอยู่คุมทีมต่อนานกว่านี้ ผมคงได้เล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด นานกว่านี้ด้วย”

    ตอนนี้ ยานาไซ อายุ 26 ปี และกลายเป็นส่วนหนึ่งในทีมชุดหลักของ โซเซียดาด ตลอด 3 ปีครึ่งที่ผ่านมาแม้จะไม่ได้การันตีตัวจริงทุกนัดก็ตาม โดยเจ้าตัวยิง 16 ประตูและทำ 16 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 109 นัด ด้วยฟอร์มเช่นนี้ก็ทำให้เขากลับมาอยู่ในส่วนหนึ่งของทีมชาติเบลเยี่ยม และเขาจะได้กลับมาเจอกับอดีตทีมรักซึ่งเจ้าตัวก็ยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกอยากแก้แค้นแต่อย่างใด

    “ผมไม่จำเป็นต้องพิสูจน์กับใครว่าผมดีขนาดไหน ผมแค่ต้องเชื่อในตัวเอง โฟกัสกับการแข่งขันและแฮปปี้กันมัน ผมมีความสุขมากที่จะได้กลับไปที่นั่น สโมสรที่รักของผม เมื่อต้องลงสนาม มันจะไม่มีคำว่าเพื่อนเพราะว่าผมลงเล่นให้กับสโมสรอื่นแล้วและผมต้องการชัยชนะ” 

    “Zvo”