มีอยู่แว่บหนึ่งผมนึกไปถึงการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนระหว่างไทยกับเวียดนาม ซึ่งไทยสามารถเอาชนะเวียดนามได้ 1-0 ที่สนามธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ทำให้สกอร์รวมของไทยชนะเวียดนาม 3-2 คว้าตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลอาเซียนมาครองได้เป็นสมัยที่ 7
เท่าที่ผมจำได้ท่านประธานาธิบดี เหวียน ซวน ฟุก ชอบกีฬาฟุตบอลมาก และเป็นแฟนทีม “ดาวทอง” หรือทีมชาติเวียดนามอย่างเหนียวแน่น บ่อยครั้งที่เข้าไปดูการแข่งขันในสนามด้วยตัวท่านเอง
เป็นเหตุให้ผมอดคิดแบบทีเล่นทีจริงไปเสียมิได้ว่า–หรือท่านจะลาออกที่ทีมฟุตบอลเวียดนามของท่านแพ้ไทย?
จนกระทั่งเมื่อสายๆวันพุธนี่เอง จึงเริ่มมีการเผยแพร่สาเหตุที่ทำให้ท่านต้องตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีว่า น่าจะมาจากกรณีอื้อฉาวเกี่ยวกับกรณีคอร์รัปชันครั้งใหญ่ของเวียดนามในยุคโควิด-19 ระบาดอย่างหนักเมื่อ 2 ปีก่อนนั่นเอง
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ในช่วงที่เวียดนามปิดประเทศได้มีการจัดเที่ยวบินไปขนรับชาวเวียดนามกลับบ้านจำนวนหลายเที่ยวบิน และเริ่มมีข่าวระแคะระคายว่า ผู้กลับบ้านดังกล่าวต้องจ่ายค่าหัวในการวิ่งเต้นเพื่อให้ได้กลับในราคาสูงลิบลิ่ว
ขณะเดียวกันก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ด้วยว่ามีการคอร์รัปชันในการซื้อชุดตรวจและป้องกันโควิด-19 ของบริษัทที่มีการติดสินบน ที่ไม่ได้รับการรับรองจาก WHO มาใช้งาน
สอบสวนไปสอบสวนมาปรากฏว่า คดีมีมูล เป็นเหตุให้รองนายกรัฐมนตรีในยุคที่คุณฟุกเป็นนายกรัฐมนตรีต้องถูกถอดออกจากตำแหน่งถึง 2 ท่านพร้อมด้วยข้าราชการและสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์กว่า 500 ราย
เป็นที่มาของถ้อยคำในแถลงการณ์ของคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ตอนหนึ่งว่า ท่านจะต้องแสดงความรับผิดชอบในฐานะผู้นำทางการเมืองต่อกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงหลายคน ทั้งปัจจุบันและอดีตถูกปลดจากตำแหน่งในโทษฐาน “ละเมิดวินัยพรรค” จากคดีนี้
เป็นที่ทราบดีว่า อดีตประธานาธิบดีเหวียน ซวน ฟุก เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเวียดนามระหว่าง พ.ศ.2559-2564 นั้นได้โชว์ฟอร์มการบริหารด้านเศรษฐกิจอย่างยอดเยี่ยม จนเป็นผลให้เวียดนามสามารถพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วเป็นที่ชื่นชมของสื่อมวลชนทั่วโลก
จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เกิดเหตุการณ์คอร์รัปชันครั้งใหญ่ขึ้น จนทำให้ท่านต้องตัดสินใจลาออก ยุติเส้นทางการเมืองเพียงเท่านี้
เหตุการณ์คอร์รัปชันที่เวียดนามครั้งนี้ พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนอีกครั้งหนึ่งว่า อุปนิสัยการคอร์รัปชันหรือฉ้อราษฎร์บังหลวงนั้นยังซ่อนเร้นอยู่ในจิตใจของข้าราชการหรือผู้มีอำนาจในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเหนียวแน่นอยู่ตลอดเวลา
ยกเว้นสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบในการป้องกันที่ดีมากและประชาชนรวมถึงนักการเมืองต่างๆก็ล้วนมีจิตสำนึกที่ดีเยี่ยม
นอกนั้นก็ดูเหมือนจะยังฝังลึกอยู่ในความคิดทั้งของนักการเมืองและข้าราชการเกือบทุกประเทศ แม้แต่มาเลเซียก็มีมากอย่างเหลือเชื่อ
ในขณะที่ของไทยเราแทบไม่ต้องพูดถึงคะแนนเรื่องความโปร่งใสของเราค่อนข้างต่ำมาก เป็นที่รู้แจ้งเห็นประจักษ์มาเป็นเวลานานแล้ว แม้จะมีความพยายามในการแก้ปัญหาด้วยการตั้งองค์กรและออกกฎหมายลงโทษค่อนข้างรุนแรงก็ตาม
การเอาจริงเอาจังของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามครั้งนี้ จนสามารถเล่นงานผู้เกี่ยวข้องคอร์รัปชันได้กว่า 500 คน รวมทั้งตัวเป้งๆอีกหลายคน ดังที่กล่าวถึงข้างต้น ถ้าเทียบกับฟุตบอลก็ต้องถือว่าเขาเล่นดีกว่าเรายิงประตูนำเรา (ในด้านปราบคอร์รัปชัน) ไปได้ 1-0
ผมก็ขอเอาใจช่วยองค์กรปราบคอร์รัปชันของประเทศไทยให้เดินหน้าลุยต่อไป จัดการตัวเป้งๆให้ได้บ้าง…เผื่อจะตีเสมอเขาเป็น 1-1 หรือแซงนำเขาได้ในเรื่องปราบคอร์รัปชันในอนาคต
ฟุตบอลจริงๆเรายังเอาชนะเขาได้ และการแข่งขันอื่นๆ แม้ทางเศรษฐกิจที่เขาพัฒนาได้เร็ว แต่ผมก็คิดว่าเราก็มาได้ไกลกว่าเขามาก คงยากที่เขาจะแซงเรา
โปรดโชว์ฟอร์มเอาชนะ “ทีมดาวทอง” เรื่องคอร์รัปชันให้ได้ อีกอย่างนะครับ ป.ป.ช.+ป.ป.ท. และ ฯลฯ…ผมจะคอยเชียร์ เหมือนเชียร์มาดามแป้งและทีมชาติไทยเมื่อค่ำวันจันทร์ที่ผ่านมา.