ก้าวสดท้ายสู่แชมป์ ก้าวต่อไปของฟุตบอลไทย

วันอาทิตย์ ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2566, 06.30 น.

ทีมชาติไทย ขยับเข้าใกล้ตำแหน่งเจ้าอาเซียน ไปอีกหนึ่งก้าว กับการบุกไปเสมอกับคู่ปรับแห่งยุคอย่าง ทีมชาติเวียดนาม ในเกมที่สู้กันอย่างโชกโชน 2-2 ในศึกมิตซูบิชิ อีเลคทริค หรือ อาเซียนคัพ


“นักเตะสกุลเหงียน” นาทีนี้ด้วยภาพผลงานที่ผ่านมา, อันดับของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า), การเข้าถึงรอบสุดท้ายของการคัดเลือกบอลโลก 2022 อีกทั้งการไม่เสียประตูเลยในการเล่นทัวร์นาเมนท์นี้ หรือกระทั่งการจะ “สั่งลา”ในการคุมทัพในถิ่นของ พัค ฮัง ซอ กุนซือชาวเกาหลีใต้ ที่เหมือนกับเกิดมาคู่กับเวียดนาม

ไม่แปลกที่พวกเขาจะถูกยกให้ “เป็นต่อ” ทีมชาติไทย

สุดท้ายแล้ว เกมแลกกันสนุก บอลของเวียดนาม บอลของไทย ยังคงไม่ได้ห่างกันเกินไป เมื่อผลจบแบบนี้ ผลัดกันนำผลัดกันตาม สุดท้ายทีมที่แรงกิ้งดีกว่ามีปัญหาแน่นอนในการมาเยือนธรรมศาสตร์ สเตเดี้ยม ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้

สองประตูอะเวย์โกล์ ถือว่าสำคัญกับทีมไทยอย่างมาก เพราะเราสามารถเล่นแค่เสมอ 0-0 หรือ 1-1 ก็สามารถทอฝันเพื่อมาวินได้สำเร็จ กับหลากหลายประเด็นที่น่าจับตามอง

l แผนที่พลิกไปพลิกมาของ‘มาโน่’

การทำงานของ มาโน่ โพลกิ้ง ถูกจับตามองอีกครั้งหลังจากนักบอลชุดนี้เขาใช้เกือบจะครบทุกคน และปรับแผนไปมาชวนให้คิดไปได้เรื่อยๆ ว่า วิธีคิด และวิธีการทำงานใน“ทัวร์นาเมนท์” ลักษณะนี้คือ “เทรนด์” ที่น่าสนใจ

“รบต้องมีหลายแผน” ที่เราทุกคนได้เห็น “พิมพ์เขียว” จากศึกฟุตบอลโลกที่ผ่านมา หนึ่งในชาติที่ “เปลี่ยนแผนไปมา” ก็คือ ทีมชาติอาร์เจนตินา ที่เปลี่ยนวิธีการแทบจะทุกนัดก่อนขึ้นสู่ยอดเสา

ทีนี้แผนของ มาโน่ มีวิธีการทำงานในทำนองเดียวกัน เพราะเรารู้ดีว่า ถ้าหากกางชื่อนักบอลทั้งหมดในอาเซียนคัพ เราจะเห็นได้ว่า “เชิงลึก” ของทีมชาติไทย ดูดีกว่าทุกทีม ดังนั้นการจะปรับจะเปลี่ยนแท็กติก น่าจะเหมาะสมกว่าการตะบันใช้นักเตะเดิม ระบบเดิม กับเกมที่เตะกันในช่วงท้ายถี่ยิบ บวกกับการเดินทางต่อเนื่อง ที่ส่งผลชัดเจนกับนักฟุตบอล

ในเกมที่ มี ดิ่งห์ สเตเดี้ยม ปรากฏว่า ไทย พลิกโฉมมาเล่นด้วยระบบ 3-5-2 จะด้วยสถานการณ์บังคับ ทำให้ต้องเปลี่ยนแนวรุกยกทั้งแผง และส่งผลถึงแผนการเล่นที่ต้องปรับให้เข้ากับตัวนักเตะ, เข้ากับสถานการณ์ เพื่อรับมือคู่ต่อสู้

นี่คือสิ่งที่ มาโน่ และทีมงานสมควรได้รับเครดิต

l อีกหนึ่งก้าวกับการเป็นเจ้าอาเซียน

คุณภาพการเล่นในเชิงลึก ความสามารถเฉพาะตัวของนักบอลไทย ยังดูดีกว่าคู่แข่งที่อยู่ร่วมกันในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมา เราสามารถยืนหยัดได้ยาวนานกว่าใคร และไม่แปลกเลยที่ว่า “ทำไม” ถึงจะมีแต่ทีมที่อยากจะโค่นไทย และ“เมื่อไหร่” ที่เจอกับไทย

ชาติร่วมภูมิภาคมักจะมี “พลังแฝง”

เมื่อโดนพลังที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นคุณภาพของนักเตะของไทยเราจะต้องพัฒนาเพื่อหนีการไล่ล่าเพื่อนประจำถิ่น ซึ่งผลงานที่ผ่านมา ไทยเรายังต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไปกับคำว่า“ก้าวผ่านอาเซียน”

ในความหมายของคำนี้มันคืออะไรกันแน่!?!?!

สำหรับผม ทำความเข้าใจกับความหมายของคำว่า“ก้าวผ่านเพื่อนบ้าน” มีอยู่ 2 อย่างด้วยกัน

1.คุณภาพการเล่นจะต้องเหนือกว่า และทะยานหนี เพื่อไปให้ใกล้เคียงกับชาติอื่นๆ ที่ยืนอยู่ข้างหน้าไทยนับ 10 ชาติทั้งทวีป

2.การก้าวผ่าน ไม่ได้หมายว่า “จะแพ้ไม่ได้” เรามีสิทธิ์ที่จะแพ้ทีมในภูมิภาคเดียวกัน แต่ระดับการเล่นต้องตามข้อที่ 1

จากนี้อีก 1 ก้าวเท่านั้น ไทยจะเป็นแชมป์อาเซียนต่อเนื่อง เท่ากับว่า “มกราคม 2022” กับ “มกราคม 2023” เราจะเป็นแชมป์รายการนี้

หากไทยทำได้ ถือว่าน่าสนใจอย่างมาก กับการลงสนามในครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องของฝีเท้า, ระบบการเล่น หรือการวางแผน

แต่มันมีเรื่องของ “ระบบหายใจ” รวมอยู่ด้วย

เพราะถ้าได้แชมป์ ไทย เราจะสามารถผ่านจุดสำคัญของความดันต่ำความดันสูง เนื่องจากทีมชุดนี้ต้องไปบู๊สู้ถึง 3 สังเวียนโหดของภูมิภาคนี้

บุงการ์โน่ ของอินโดนีเซีย, บูกิต จาลิล ของมาเลเซีย และมีดิงห์ ของเวียดนาม

ถึงแม้ทั้ง 3 เกมอาจจะ “ไม่ชนะ” แต่เป็นการช่วยยกระดับเพื่ออนาคตไปอีกขั้นอีกตอน

ยุคปัจจุบันทุกคนรู้ได้ว่า ไม่ใช่ยุคแห่งการ “ต้อนตือ” อีกต่อไป

l เวียดนาม‘เล่นเหมือนกลัว’จริงหรือ

มีกระแสการวิพากษ์วิจารณ์การเล่นของ เวียดนาม ว่า “ค่อนข้างกลัว” ทีมชาติไทย

เรื่องนี้ไม่แปลกที่จะคิดไปได้แบบนั้น

เวียดนาม อาจจะเป็นทีมที่ “เพรสซิ่งเก่ง” และ “เข้าหาบอลได้เร็ว” ซึ่งเป็นสไตล์แต่ไหนแต่ไรของนักเตะตระกูลเหงียน พวกนี้มีทีเด็ดในการไล่ล่าคู่แข่ง แต่พวกเขามีปัญหาในเรื่องของ “วิธีการ” เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงดูน่าสนใจมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ยุคของ พัค ฮัง ซอ

การออกบอลที่มีจุดหมายมากขึ้น มีเป้าหมายในการเปิดบอลยาวมากขึ้น แต่ เวียดนาม ก็คือเวียดนาม พวกเขามักจะเสียบอลง่ายๆ เมื่อเข้าสู่แดนสุดท้ายของคู่แข่ง ด้วยการที่เป็นทีมที่เล่นในสไตล์รวดเร็ว พุ่งไปข้างหน้า แบบ “ไดเรกต์ฟุตบอล” แต่นั่นก็ไม่ต่างจากคำว่า “บอลหน้าเดียว”

ประเภทนี้คือ ถ้าเกิดแม่นขึ้นมาวันไหนก็จะน่ากลัว จุดนี้พัค ฮัง ซอ ยังคงมีวิธีการปรับจูนที่น่าสนใจ ดังนั้นยังไงก็จะประมาทเค้าไม่ได้ แม้ว่าเขาจะออกเกร็งๆ ทุกครั้งเมื่อเจอกับไทยแต่การพิสูจน์ให้เห็นว่า การเข้าสู่ 12 ทีมสุดท้ายของบอลโลก รอบคัดเลือก

สำหรับผมไม่ได้มองว่า “เวียดนามกลัวไทย” แต่อย่างใด

แต่มองว่า เวียดนาม “ให้เกียรติ” ทีมไทยมากกว่า!!!

l บทจบของการแข่งขัน-บทต่อไปบอลไทย

นัดตัดสินใจ “วันครู” ที่จะถึงนี้ที่ธรรมศาสตร์ สเตเดี้ยมซึ่งหลายคนต้องการให้มันจบออกมาแบบสวยๆ

ไทยจะได้แชมป์ต่อเนื่อง และจะเป็นแชมป์สมัยที่ 7 หลังจากที่เคยเข้าชิงได้ทั้งสิ้นถึง 10 จาก 14 ครั้งที่ทำการดวลแข้งกันมาในย่านนี้

ทีมไทยจะได้แชมป์ หรือไม่ได้แชมป์ ต้องถูกมองออกไป “สองด้าน” อยู่แล้ว แต่ที่แน่ๆ ก็คือ อย่างน้อยผลงานของนักเตะคงจะทำให้แฟนฟุตบอลได้ยิ้มออกในยุคที่อะไรต่อมิอะไรดูเหมือนกับว่า “คลุมเครือ”

สุดท้ายต้องมาวัดระยะทางวางระยะไมล์กันว่า ความห่างความไกลจะทดให้ทุกสิ่งอย่างใกล้กว่าเดิมได้หรือไม่ เมื่อเทียบกับทีมในระดับเอเชียด้วยกัน

แชมป์คือน้ำทิพย์ชโลมหัวใจ ส่วนความจริงกับบอลระดับภูมิภาคนี้กับบอลระดับเอเชีย ยังไงก็ต้องทำงานหนักต่อไป

ไม่ใช่ล้อฟรี

บี แหลมสิงห์