วันพุธที่ 14 ธันวาคม 2565 ควันหลงหลังจากที่ทีมชาติอาร์เจนตินา เอาชนะ ทีมชาติโครเอเชีย ไปด้วยสกอร์ 3-0 ในรอบรองชนะเลิศของศึกฟุตบอลโลก 2022 ในสนามลูซาอิล ไอคอนิค สเตเดียม เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
ในเกมนี้ ลีโอเนล เมสซี เปิดสกอร์แรกจากลูกจุดโทษให้ อาร์เจนตินา ขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 34 โดยที่ประตูนี้ส่งผลให้เป็นประตูที่ 11 ของเจ้าตัวในฟุตบอลโลก ทุกสมัย โดยกลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดของอาร์เจนตินา ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยแซงหน้า กาเบรียล บาติสตูตา ดาวยิงยุค 1990 ของชาติที่ทำไว้ 10 ประตูในฟุตบอลโลก และ 1 แอสซิสต์ที่ทำได้ในเกมนี้กลายเป็นแอสซิสต์ที่ 7 ในฟุตบอลโลก เท่ากับ ดิเอโก มาราโดนา แล้ว
นอกจากนี้ยังมีอีก 2 สถิติที่เมสซี ทำได้ นั้นก็คือ เกมนี้คือเกมที่ 25 ที่ เมสซี ลงเล่นในฟุตบอลโลก เป็นการลงสนามมากที่สุดเท่ากับ “ซุปเปอร์แมน” โรธา มัสเทอุส มิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมนี ชุดแชมป์โลกปี 1990 อีกด้วย และเกมหน้าจะทำลายสถิติตลอดกาลอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ประตูที่ทำได้กลายเป็นนักเตะคนที่ 6 ในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลโลก ที่ทำประตูทุกนัดในรอบน็อกเอาต์ ต่อจาก ซัลวาตอเร สกิลลาชี (อิตาลี 1990) ,โรแบร์โต บัจโจ (อิตาลี 1994) , ฮริสโต สตอยช์คอฟ (บัลแกเลีย 1994) , ดาวอร์ ซูเคอร์ (โครเอเชีย 1998) , เวสลีย์ สไนเดอร์ (เนเธอร์แลนด์ 2010) และ ลีโอเนล เมสซี (อาร์เจนตินา 2022)
สำหรับ อาร์เจนตินา เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของฟุตบอลโลก เป็นหนที่ 2 ในรอบ 8 ปี โดยจะเล่นที่สนามลูซาอิล ไอคอนิค สเตเดียม อีกครั้งในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ โดยจะไปรอเจอผู้ชนะระหว่าง ฝรั่งเศส หรือ โมร็อกโก