ฝีเท้าเก่งฉกาจ จ่ายบอลแม่น เล่นฟุตบอลด้วยจินตนาการ และที่ขาดไม่ได้คือสารพัดความเกรียน ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่บอกความเป็นตัวตนของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ได้เป็นอย่างดี
เขาคือเด็กหนุ่มที่เติบโตมาในช่วงยุคสงครามที่ประเทศยูโกสลาเวีย มีคุณพ่อเป็นอดีตนักฟุตบอลระดับของประเทศ ในปี 2012 เขาตัดสินใจข้ามน้ำข้ามทะเลย้ายมาเริ่มต้นเส้นทางลูกหนังในประเทศไทย ในวันที่ยังไม่มีใครรู้จักชื่อ และฝีเท้าของเขา ขณะเดียวกันด้วยดีกรีที่เคยเล่นให้ เรด สตาร์ เบลเกรด และผ่านการลงเล่นในลีกสูงสุดเซอร์เบีย รวมถึงเคยถูกเลเวอร์คูเซนทาบทามไปร่วมทีม จึงไม่แปลกใจที่แฟนบอลจะคาดหวังในตัวเขา
เวทีไทยลีก ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนักเตะต่างชาติ โดยเฉพาะพ่อค้าแข้งจากยุโรปอย่าง มาริโอ ที่ต้องเผชิญสภาพการปรับตัวทั้งชีวิตความเป็นอยู่ และสไตล์ฟุตบอล หลายครั้งเรามักเห็นผู้เล่นดีกรีลีกใหญ่ทั่วโลกเอาชื่อมาทิ้งที่นี่ แต่นั่นไม่ใช่กับผู้ชายที่ชื่อ มาริโอ ยูรอฟสกี้…
Editor Picks
- โปรแกรมถ่ายทอดสดฟุตบอล – ดูบอลสดคืนนี้ (พรีเมียร์ลีก, ไทยลีก, ลาลีกา, บุนเดสลีกา, แชมเปี้ยนส์ลีก, ฯลฯ)
- ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 2020-21
- ลิเวอร์พูล ถ่ายช่องไหน? วิธีดูลิเวอร์พูล พบฟูแลม
- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถ่ายช่องไหน? วิธีดูแมนฯ ยูฯ พบแมนฯ ซิตี้
เพียงปีแรกกับ เอสซีจี เมืองทองฯ มาริโอ แทบไม่ต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเอง เขาเพียบพร้อมทั้งฝีเท้า ทักษะเหลือร้าย และการผ่านบอลสุดแม่นยำ จนระเบิดฟอร์มจัดการแอสซิสต์ไป 17 ครั้ง รวมทุกรายการ อีก ก่อนที่คู่หู M&M จะถือกำเนิดขึ้น เมื่อมีส่วนทำให้ ธีรศิลป์ แดงดา คว้าดาวซัลโวร่วมในปีนั้นมาครอง และสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ไทยลีก มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยไม่แพ้ใครจากผลงานแข่ง 34 นัด ชนะ 25 เสมอ 9
ปีต่อมาฟอร์มของ มาริโอ ยังแรงฉุดไม่อยู่ยิงไป 12 แอสซิสต์อีก 13 แต่น่าเสียดายที่ไม่อาจป้องกันแชมป์ไว้ได้ เมื่อแชมป์ตกเป็นของคู่แค้นอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่ในปี 2013 สิ่งที่กลายเป็นที่จดจดคงหนีไม่พ้นวีรกรรมสุดเกรียนในเกมที่ เมืองทอง ยูไนเต็ด บุกชนะ ทีโอที เอสซี 2-1
โดยอดีตกองกลางทีมชาติมาซิโดนีเนีย ยิงให้ทีมหนีห่างเป็น 2-0 ก่อนจะโชว์ท่าดีใจแบบเหนือความคาดหมายเมื่อถอดกางเกงคลุมหัวตัวเองจนถูกใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม ถือเป็นหนึ่งในท่าดีใจสุดเกรียนที่แฟนบอลต่างยังจำได้ดี
“ผมเห็นหลายคนชอบพูดว่า ฟุตบอลที่ยุโรปแข็งแกร่งกว่า และฟุตบอลไทยไม่ได้อยู่ในระดับนั้น แต่การเล่นที่ไทยไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่งั้นเราคงไม่เห็นนักเตะจากยุโรปที่ไปไม่รอดจากการเล่นที่ไทยหรอก”
“ฟุตบอลไทยมีพัฒนาการอยู่ตลอดเวลา การที่ผมได้เล่นให้เมืองทองมานาน ก็ถือว่าผมประสบความสำเร็จนะ” มาริโอ กล่าวถึงความแข็งแกร่งของฟุตบอลไทยที่ไม่ง่ายกับช่วงเวลาที่เขาเคยเล่นให้ เมืองทองฯ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า มาริโอ ยูรอฟสกี้ คือนักเตะผู้จงรักภักดีต่อ กิเลนผยอง อย่างสุดหัวใจ เขาเผยความรักที่มีต่อสโมสรแห่งนี้ผ่านหน้าสื่อเสมอ แต่ช่วงหนึ่งด้วยวิถีฟุตบอลก็ทำให้เขาต้องแยกทางกับทีมชั่วคราว หลังหมดสัญญากับสโมสรและย้ายไปอยู่กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ผลงานกับ แข้งเทพ มาริโอ ยังคงเป็น มาริโอ คนเดิมที่ฝีเท้าหาตัวจับยาก เขายังคงทำผลงานยอดเยี่ยมกับต้นสังกัดใหม่ตลอด 2 ปี แม้จะไม่สามารถพาทีมมีถ้วยแชมป์ติดมือ แต่สไตล์การเล่นของเขาก็ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอล
ปี 2018 ถึงคราวเก็บกระเป๋าย้ายสู่ต้นสังกัดใหม่อีกครั้ง มาริโอ ถูก บีจี ปทุมฯ ดึงไปร่วมทัพ ในวัย 32 ปี แต่ด้วยวัยที่มากขึ้นทำให้ฝีเท้าเริ่มถดถอย ฟอร์มกับ เดอะ แรบบิท ไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนที่เคยทำไว้กับ เมืองทองฯ และ แบงค็อก ซ้ำร้ายหนักถึงขั้นที่ไม่มีชื่อกับทีมในเลกสองภายใต้การนำของ “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด และถุกปล่อยออกจากทีม หลังการเข้ามาของ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน
แม้ช่วงเวลานั้นจะรู้สึกห่อเหี่ยว แต่ก็มีสิ่งที่ทำให้เขากลับมามีไฟอีกครั้ง เมื่อ เอสซีจี เมืองทองฯ สโมสรที่เขารักที่สุดดึงกลับไปร่วมทีมในช่วงคาบเกี่ยวของสองกุนซืออย่าง “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก และ อเล็กซานเดร กามา ทว่าจนแล้วจนรอด มาริโอ ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนม้านั่งสำรอง
ท้ายที่สุดตัดสินใจแยกทางกับ กิเลนผยอง ต้องกลายเป็นแข้งไร้สังกัดในฤดูกาล 2019 ก่อนต่อมาจะประกาศแขวนสตั๊ดปิดฉากความเกรียนบนสังเวียนหญ้า โดยฝากผลงานยิง 93 ประตู ในลีก บนวัย 34 ปี แต่เขายังคงหลงรักฟุตบอลไทย เมื่อหันไปจับงานโค้ชให้ทีมเยาวชนเมืองทองฯ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี
อย่างไรก็ตามบทเหมือนถูกเขียนเอาไว้ให้เขาเป็นผู้ปลุก กิเลนฯ ให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะช่วงเวลานั้นทีมเริ่มผลงานดิ่งลงเหวจากการปล่อยผู้เล่นหลักออกจากทีมเกือบหมด เหลือเพียงดาวรุ่งที่ถูกดันขึ้นมา
แต่การจะปลุก กิเลนฯ ก็ต้องใช้สายเลือด กิเลนฯ บอร์ดบริหารตัดสินใจให้โอกาส มาริโอ นั่งตำแหน่งเฮดโค้ชของทีม โดยมี ดานโญ เซียกา อดีตเพื่อนร่วมทีมชุดแชมป์ไร้พ่ายเป็นมือขวา ก่อนที่จากนั้นเขาจะพาทีมคว้าชัยชนะทันทีตั้งแต่เกมแรกที่คุมทีมข้างสนาม เมื่อพา เมืองทองฯ บุกชนะ โปลิศ เทโร เอฟซี 3-1 ยิ่งกว่านั้นยังบุกไปชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึง ช้าง อารีนา 3-2
แม้บางช่วงผลงานจะสะดุด แต่โดยรวมเขาพาทีมสานต่อความยอดเยี่ยมจนไต่ขึ้นสู่หัวตาราง และมีลุ้นพื้นที่โควตาเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก แต่สิ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือรูปแบบการเล่น มาริโอเวย์ ของเขาที่เป็นหัวใจสำคัญพา กิเลน กลับมาผยองอีกครั้ง และได้รับคำชมจากสื่อต่างแดนที่ยกเทียบสไตล์ของเขาคล้าย เป็ป กวาร์ดิโอลา สมัยตอนคุม บาร์เซโลนา เลยทีเดียว
“ผมคือมาริโอ ผมมีสไตล์ของผม มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าผมจะเปลี่ยนมาเป็นโค้ช ผมรู้ว่าผมจะทำอะไร ผมรู้ว่าสเน่ห์ของผมคืออะไร ผมรู้ว่าความต้องการของผมคืออะไร ผมจะพยายามแชร์มันกับนักเตะของผม เพราะเราต้องซื่อสัตย์กับการเล่นฟุตบอล”
“นี่เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับพวกนักเตะ”
มาริโอ ยูรอฟสกี้ พา เอสซีจี เมืองทองฯ กลับมาอยู่ในเส้นทางที่ควรจะเป็น ทุกๆเกมเขาปลุกเร้าลูกทีมให้มีความกระหายอยู่เสมอ ไม่ว่าจะทิ้งห่างคู่แข่งกี่ลูก สิ่งที่ต้องทำคือยิงประตู และยิงประตูต่อไป
วันนี้เขาอาจไม่ได้ใช้ฝีเท้าพิสูจน์ตัวเองในสนาม แต่เขาใช้ประสบการณ์ มันสมอง เพื่อทำให้ เมืองทองฯ กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ในไทยลีกเขาอาจถูกยกเป็นตำนาน แต่สำหรับแฟนบอล กิเลนผยอง นี่คือตำนานเหนือตำนานอย่างแท้จริง…