พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020/21 เดินทางมาสู่นัดสุดท้าย และมีให้ลุ้นอันดับท็อปโฟร์กับ 3 ทีมอย่าง เชลซี, ลิเวอร์พูล และ เลสเตอร์ ซิตี้ ส่วนคู่อื่นๆ จะมีเรื่องอะไรน่าสนใจบ้าง ไปดูกันได้เลย
“อาร์เซน่อล-ไบรท์ตัน”
อาร์เซน่อล กลับมามีลุ้นไปฟุตบอลยุโรป หลังจากเอาชนะเกมลีกมาได้ 4 เกมติด โดยพวกเขาตามหลังทีมอันดับ 7 แค่แต้มเดียวเท่านั้น
การที่ “เดอะ กันเนอร์ส” จะได้ไป ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟเรนซ์ ลีก นั้น พวกเขาจำเป็นต้องเอาชนะ ไบรท์ตัน และลุ้นให้ สเปอร์ส และ เอฟเวอร์ตัน พลาดคว้าชัยในเกมนัดปิดซีซั่น
สถิติที่น่าสนใจคือ “ไอ้ปืนใหญ่” ไม่แพ้เกมนัดปิดฤดูกาลตั้งแต่ซีซั่น 2004/05 และเอาชนะคู่แข่งได้ทั้ง 9 นัดหลังสุดตามโปรแกรมนี้
ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง มีโอกาสเป็นผู้เล่นของ อาร์เซน่อล คนแรกที่สามารถทำประตูในเกมปิดฤดูกาลได้ถึง 4 ปีติดต่อกัน
ฤดูกาลก่อน ไบรท์ตัน บุกมาเอาชนะที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม 2-1 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่พวกเขาบุกเอาชนะ อาร์เซน่อล ได้
ในปี 2021 ไม่มีผู้เล่นคนไหนในศึก พรีเมียร์ลีก ที่จะแอสซิสต์มากไปกว่า ปาสกาล กรอสส์ (6) อีกแล้ว
“แอสตัน วิลล่า-เชลซี”
เชลซี จำเป็นต้องเก็บชัยชนะเพื่อการันตีติดท็อปโฟร์ แต่หากพวกเขาสะดุดทำแต้มหล่นก็มีสิทธิ์ที่จะโดน ลิเวอร์พูล กับ เลสเตอร์ ซิตี้ แซง และพลาดตั๋วไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก
แอสตัน วิลล่า ต้องหลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้ต่อ เชลซี ในเกมสุดท้ายของซีซั่น โดย 4 นัดก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยแพ้เลย (ชนะ 3 เสมอ 1)
โอลลี่ วัตกินส์ กองหน้า “สิงห์ผงาด” ซัดไปแล้ว 14 ประตู และเป็นผู้เล่นชาวอังกฤษของทีมที่ทำประตูได้ในลีกสูงสุด อังกฤษ มากกว่านับตั้งแต่ที่ เดวิด แพล็ตต์ ทำได้ 19 ประตู เมื่อฤดูกาล 1990/91
เชลซี บุกเอาชนะ วิลล่า ได้ตลอด 3 เกมหลังสุด และเกมสุดท้ายของซีซั่น พวกเขาแพ้แค่ครั้งเดียวจาก 9 นัดล่าสุด (ชนะ 6 เสมอ 2)
โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ มีสิทธิ์เป็นผู้เล่นคนที่สองในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่สามารถทำประตูใส่คู่แข่งทีมเดียวได้ 8 นัดติดต่อกัน โดยคนแรกคือ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ ที่ทำได้ใส่ สโต๊ค ซิตี้
“เลสเตอร์-สเปอร์ส”
เลสเตอร์ ซิตี้ หลุดพื้นที่ท็อปโฟร์ โดยล่าสุดตกไปอยู่อันดับ 5 เป็นรอง ลิเวอร์พูล ในเรื่องผลต่างประตูได้-เสีย และตามหลัง เชลซี 1 คะแนน
ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ จะคว้าสิทธิ์ไปเล่น ยูโรปา ลีก หากพวกเขาเอาชนะเกมนี้ได้ และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แพ้ต่อ เซาธ์แฮมป์ตัน
หาก “เดอะ ฟ็อกซ์” เอาชนะได้ ก็จะทำให้พวกเขาเอาชนะ “ไก่เดือยทอง” แบบไป-กลับได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1998/99
เคลิชี่ อิเฮียนาโช่ ทำประตูใน พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว 12 ลูก โดยที่ประตูแรกของเขาในปีนี้เพิ่งเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีแค่ ปาปิสส์ ซิสเซ่ เท่านั้นที่เบิกสกอร์แรกในเดือนกุมภาพันธ์ แล้วมีจำนวนประตูรวมมากกว่าเขา(13) เมื่อฤดูกาล 2011/12
สเปอร์ส ทำประตูยามเล่นเกมเยือนถิ่น เลสเตอร์ มาแล้ว 11 นัดติดต่อกัน และพวกเขาแพ้เกมปิดซีซั่นแค่ครั้งเดียวจาก 10 ครั้งหลังสุด(ชนะ 7 เสมอ 2)
แฮร์รี่ เคน ต้องการอีก 2 ประตูก็จะทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่ทำประตูในเกมปิดฤดูกาลมากที่สุดเทียบเท่า แอนดี้ โคล และ เลส เฟอร์ดินานด์ (9 ประตู) ขณะเดียวกัน เลสเตอร์ คือทีมที่ เคน ทำประตูได้มากที่สุด โดยยิงไป 14 ประตูจาก 11 นัด
“ลิเวอร์พูล-คริสตัล พาเลซ”
หาก ลิเวอร์พูล มีผลการแข่งขันเหมือนกับ เลสเตอร์ พวกเขาก็จะจบอันดับติดท็อปโฟร์ และหากมีผลการแข่งขันที่ดีกว่า เชลซี ก็จะทำให้กระโดดขึ้นไปจบที่ 3 ทันที
ซาดิโอ มาเน่ มีสิทธิ์เป็นผู้เล่นคนที่สองในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่สามารถทำประตูใส่ทีมเดียวได้ถึง 8 นัดติดต่อกัน
รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือ “ดิ อีเกิ้ลส์” จะลงคุมทีม พาเลซ เป็นนัดสุดท้าย โดยที่ผ่านมา “ปู่รอย” ลงนำทัพไปทั้งสิ้น 364 นัดใน พรีเมียร์ลีก มากสุดเป็นอันดับที่ 8
คริสติย็อง เบนเตเก้ เคยทำประตูในฐานะคู่แข่งที่ แอนฟิลด์ 4 ประตู มากเป็นอันดับ 2 รองจาก แอนดี้ โคล ที่ซัดไป 8 ลูก
“แมนฯ ซิตี้-เอฟเวอร์ตัน”
จบเกมนี้ แมนฯ ซิตี้ จะชูถ้วยแชมป์ต่อหน้าแฟนๆ ราว 10,000 คนใน เอติฮัด สเตเดี้ยม
เอฟเวอร์ตัน ยังมีสิทธิ์แซงหน้า สเปอร์ส ขึ้นไปจบอันดับ 7 หากพวกเขามีผลการแข่งขันที่ดีกว่า และ อาร์เซน่อล ก็ต้องไม่ชนะ ไบรท์ตัน
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เอาชนะเกมนัดสุดท้ายได้ทั้ง 4 นัดในลีก อังกฤษ เป็นสถิติ 100% เทียบเท่าที่ คริส โคลแมน เคยทำไว้
กาเบรียล เชซุส ทำประตูใส่ เอฟเวอร์ตัน ได้ถึง 7 ลูกมากที่สุดที่เขาเคยทำได้กับทีมไหนๆ
“ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” ลงเล่นเกมนัดปิดซีซั่นด้วยการเจอกับทีมแชมป์เป็นหนที่ 3 ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาแพ้รวดต่อ อาร์เซน่อล (2001/02) และ แมนฯ ยูไนเต็ด (2002/03)
หาก เอฟเวอร์ตัน บุกคว้าชัยได้ในเกมนี้ จะทำให้พวกเขาทำสถิติเอาชนะเกมเยือนมากที่สุดที่เคยทำได้บนลีกสูงสุด (12 นัด)
“เวสต์แฮม-เซาธ์แฮมป์ตัน”
หาก เวสต์แฮม ไม่แพ้เกมนี้ พวกเขาจะการันตีจบอันดับ 6 และคว้าตั๋วฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปา ลีก โดยจะเป็นการจบอันดีที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 1998/99 ที่ตอนนั้นจบอันดับ 5
ประตูที่ มิคาอิล อันโตนิโอ ทำได้ในนัดเจอ เวสต์บรอมวิช ทำให้เขาขยับตัวเลขทำสกอร์ใน พรีเมียร์ลีก ให้กับสโมสร 46 ลูก ตามหลังสถิติเก่าของ เปาโล ดิ คานิโอ แค่ลูกเดียวเท่านั้น
เซาธ์แฮมป์ตัน แพ้ในลีก 9 จาก 10 เกมเยือนที่ลงเล่นในปี 2021 โดยเกมที่ไม่แพ้คือนัดที่บุกชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-0
หาก เจมส์ วอร์ด-เพราส์ ลงเล่นครบ 90 นาทีในเกมนี้ จะทำให้เขาเป็นผู้เล่นตำแหน่งกองกลางคนแรกที่ลงสนามครบทุกนาทีใน พรีเมียร์ลีก 2 ซีซั่นนี้ติดต่อกัน
“วูล์ฟส์-แมนฯ ยูไนเต็ด”
ไม่ว่าผลการแข่งขันเกมนี้จะจบอย่างไร แมนฯ ยูไนเต็ด การันตีจบรองแชมป์แน่นอนแล้ว
ชัยชนะเกมนี้ของ วูล์ฟส์ จะทำให้พวกเขาจบอันดับที่ 12 แต่ก็มีสิทธิ์ร่วงไปถึงอันดับ 15 หากเกิดแพ้และผลคู่อื่นๆ ไม่เป็นใจ
วูล์ฟส์ เปิดบ้านรับมือ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกม พรีเมียร์ลีก มาแล้ว 6 นัด โดยเอาชนะ 3 นัด เสมอ 1 และแพ้ 2 ซึ่งในการเจอกับ “ปีศาจแดง” 7 นัดหลังพวกเขาแพ้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น (ชนะ 3 เสมอ 3)
หาก “ปีศาจแดง” ไม่แพ้ในเกมนี้ จะทำให้พวกเขาเป็นทีมที่ 2 และครั้งที่ 4 บนลีกสูงสุดที่ไม่แพ้เกมเยือนตลอดทั้งฤดูกาล ต่อจาก เปรสตัน (1888/89) และ อาร์เซน่อล (2001/02, 2003/04)
ประตูต่อไปของ มาร์คัส แรชฟอร์ด จะเป็นประตูที่ 100 ในอาชีพค้าแข้งของเจ้าตัว (88 กับ แมนยู, 11 กับทีมชาติอังกฤษ) โดยที่เขาทำประตูได้ 2 จาก 3 นัดที่ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในการเจอ วูล์ฟส์
Add friend ที่ @Siamsport