วันอังคารที่ 18 พฤษภาคมนี้ ถือเป็นวันของการสิ้นสุดการรอคอยสำหรับแฟนบอลของทุกทีมในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพราะพวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปชมเกมในสนามตามนโยบายของ พรีเมียร์ลีก และรัฐบาลของสหราชอาณาจักร หลังจากช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาทำได้เพียงนั่งเชียร์อยู่กับบ้านตามกฎการเว้นระยะห่างเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ ตามกฎนั้นจะมีเฉพาะแฟนบอลของเจ้าถิ่นที่ได้เข้ามาชมเกมในสนาม โดยแต่ละทีมจะมีแฟนบอลเข้ามาชมเกมได้สูงสุด 10,000 คน หรือไม่ก็เป็นจำนวน 25 เปอร์เซ็นต์ของความจุทั้งหมด ซึ่งนโยบายนี้จะใช้เฉพาะช่วงโปรแกรม 2 นัดสุดท้ายของศึก พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นนี้ก่อน
“แมนฯ ยูไนเต็ด-ฟูแล่ม”
เป็นช่วงเวลาที่ไม่ดีเท่าไหร่สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อพวกเขาแพ้ในบ้านสองนัดติดต่อกันต่อ เลสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ซึ่งวันนี้จะมีแฟนบอล “เร้ด อาร์มี่” เข้ามาเป็นสักขีพยานที่ โรงละครแห่งความฝัน ได้สูงสุด 10,000 คน
“ปีศาจแดง” เอาชนะ ฟูแล่ม ได้ถึง 18 จาก 22 เกมในศึก พรีเมียร์ลีก โดยอีก 4 เกมจบลงด้วยผลเสมอและแพ้อย่างละ 2 นัด
ประตูต่อไปของ มาร์คัส แรชฟอร์ด จะเป็นลูกที่ 100 ของเขาในอาชีพการเล่นทั้งในนามสโมสรและทีมชาติ(88 กับแมนยู 11 กับทีมชาติอังกฤษ)
การออกไปเยือนสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเกม พรีเมียร์ลีก ของ ฟูแล่ม พวกเขาเก็บได้แค่ 4 แต้มจาก 42 คะแนนเท่านั้น
“ไบรท์ตัน-แมนฯ ซิตี้”
ไบรท์ตัน ตั้งเป้าเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมลีกให้ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 1989 ซึ่งการเจอกับ “เรือใบสีฟ้า” ในลีก 7 ครั้งหลังจบลงด้วยความพ่ายแพ้ทั้งสิ้น
แมนฯ ซิตี้ ไม่แพ้เกมเยือนนัดสุดท้ายของฤดูกาลนับตั้งแต่ที่ออกไปพ่าย ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 1-2 ตอนซีซั่น 2008/09 และหลังจากนั้นพวกเขาเอาชนะได้ถึง 9 นัด และเสมออีก 2 เกม
นอกจากนี้ ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อยู่บนเส้นทางทำสถิติฟุตบอลลีกอังกฤษ ด้วยการเอาชนะเกมเยือน 12 นัดติดต่อกัน
“เชลซี-เลสเตอร์”
การเจอกันอีกครั้งของคู่ชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ซึ่ง เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายได้เฮในตอนจบ
ถัดมาไม่กี่วัน ทั้งคู่กลับมาเจอกันอีกครั้งในเกมสุดสำคัญที่มีโควต้าตั๋ว แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นเดิมพัน
เชลซี แพ้ เลสเตอร์ ในบ้านตัวเองแค่ 2 นัดจาก 29 เกมในลีก โดยเอาชนะได้ 26 นัด และเสมออีก 11 นัด
“สิงห์บลูส์” ไม่แพ้เกมในบ้านนัดสุดท้ายของฤดูกาลมาแล้ว 18 ซีซั่น (ชนะ 12 เสมอ 6)
ด้าน เคลิชี่ อิเฮียนาโช่ กองหน้า “เดอะ ฟ๊อกซ์” มีสิทธิ์กลายเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่สามารถทำประตูได้ครบทั้ง 7 วันในช่วง 1 ฤดูกาล
ขณะเดียวกัน เลสเตอร์ ซิตี้ ตั้งเป้าเอาชนะ เชลซี แบบไป-กลับให้ได้นับตั้งแต่ฤดูกาล 2000/01
“เอฟเวอร์ตัน-วูล์ฟส์”
หาก เอฟเวอร์ตัน อยากไปเล่นฟุตบอลยุโรป พวกเขาไม่สามารถพลาดได้อีกแล้ว ส่วน วูล์ฟแฮมป์ตัน ฟอร์มขึ้นๆ ลงๆ แต่ก็ประคองตัวเล่นลีกสูงสุดไปได้อีกปี
จากการที่ เอฟเวอร์ตัน เอาชนะ วูล์ฟส์ ได้ 2-1 เมื่อเดือนมกราคม พวกเขาก็มองหาการชนะ “ทีมหมาป่า” แบบไป-กลับให้ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1975/76
อเล็กซ์ อิโวบี้ แข้ง “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” ทำประตูได้ทั้งสองนัดหลังสุดเมื่อได้ลงเป็นตัวจริงยามเจอ วูล์ฟแฮมป์ตัน ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่สโมสรที่เขาทำประตูได้มากกว่าหนึ่งลูก โดย 3 ทีมที่เหลือมี เบิร์นลี่ย์, คริสตัล พาเลซ และ วัตฟอร์ด
วูล์ฟส์ ยังไม่ชนะใครในการลงเล่นเกมเยือนในลีก 11 นัดหลังสุดยามที่ลงเตะเกมกลางสัปดาห์(วันอังคาร, วันพุธ, วันพฤหัสบดี) โดยเสมอ 4 แพ้ 7 โดยครั้งชัยชนะครั้งสุดท้ายคือการเอาชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2010
นอกจากนี้ วูล์ฟส์ ยังชนะ เอฟเวอร์ตัน แค่นัดเดียวจากการออกไปเยือน 9 นัดล่าสุด(เสมอ 3 แพ้ 5) ซึ่งชัยชนะนัดเดียวเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019
“สเปอร์ส-แอสตัน วิลล่า”
ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ยังมีลุ้นไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก เล็กๆ แต่พวกเขาก็ต้องเอาชนะเกมนี้ให้ได้เท่านั้น
หากเอาชนะ แอสตัน วิลล่าได้ก็จะทำให้ สเปอร์ส สามารถเอาชนะ วิลล่า แบบไป-กลับเป็นครั้งที่ 7 ในศึก พรีเมียร์ลีก ซึ่งจะเทียบเท่ากับที่พวกเขาทำได้กับ เอฟเวอร์ตัน(7) และน้อยกว่าที่ทำได้กับ แมนฯ ซิตี้ แค่นัดเดียว(8)
แอสตัน วิลล่า แพ้ 12 นัดจาก 13 เกมในการเจอกับ สเปอร์ส ทุกรายการ โดยชัยชนะครั้งเดียวจากจำนวนดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือนเมษายน ปี 2015 ภายใต้การคุมทีมของ ทิม เชอร์วู้ด
แฮร์รี่ เคน กองหน้า”ไก่เดือยทอง” ทำประตูใส่ วิลล่า 7 ลูกจาก 6 เกมลีก โดย 4 เกมหลังสุดที่เจอกัน เคน ทำประตูได้ทุกนัด
แอสตัน วิลล่า เก็บชัยเกมเยือนนัดสุดท้ายของซีซั่นได้แค่ครั้งเดียวจาก 18 ฤดูกาลหลังสุด(เสมอ 7 แพ้ 10) โดยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในเกมเอาชนะ อาร์เซน่อล 2-1 ที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในฤดูกาล 2010/11
“คริสตัล พาเลซ-อาร์เซน่อล”
คริสตัล พาเลซ ไม่แพ้ต่อ อาร์เซน่อล ใน 5 เกมลีกหลังสุดที่เจอกัน โดยเอาชนะได้ 1 นัด และเสมอ 4 นัด
เอมิล สมิธ โรว์ ดาวโรจน์ “ไอ้ปืนใหญ่” ทำประตูได้ตลอด 2 เกมลีก ซึ่งนักเตะอังกฤษคนล่าสุดของ อาร์เซน่อล คนสุดท้ายที่ทำสกอร์ในลีกได้ 3 นัดติดต่อกันคือ ธีโอ วัลคอตต์ โดยเกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2013 ขณะที่แข้ง “เดอะ กันเนอร์ส” ที่อายุน้อยกว่า 21 ปีที่ทำสถิตินี้ได้คือ เชส ฟาเบรกาส เมื่อเดือนกันยายน ปี 2007
คริสติย็อง เบนเตเก้ กองหน้า “ดิ อีเกิ้ลส์” มีส่วนร่วมกับประตู 7 ลูกจาก 14 เกมลีกที่เจอกับ อาร์เซน่อล (4 ประตู 3 แอสซิสต์) ซึ่งมีแค่ เชลซี (9) และ ซันเดอร์แลนด์ (8) เท่านั้นที่เขามีส่วนร่วมกับประตูมากกว่า
อาร์เซน่อล ไม่แพ้เกมลอนดอน ดาร์บี้ ใน 6 นัดหลังสุด(ชนะ 3 เสมอ 3) โดยครั้งล่าสุดที่พวกเขาไม่แพ้นานสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2016 ถึงเดือนมกราคม ปี 2017(7 นัด) โดยนัดที่ 7 ในตอนนั้นคือการเอาชนะ พาเลซ 2-0
“เบิร์นลี่ย์-ลิเวอร์พูล”
ลิเวอร์พูล กำลังเดินหน้าตีตั๋วสู่ท็อปโฟร์ โดยเกมนี้พวกเขาจำเป็นต้องเอาชนะให้ได้
หลังจากบุกเอาชนะ “หงส์แดง” ได้ในเกมแรก เบิร์นลี่ย์ มองหาชัยชนะแบบไป-กลับต่อ ลิเวอร์พูล เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1929/30
นอกจากนี้ “เดอะ คลาเร็ตส์” ยังมีสิทธิ์เป็นทีมแรกที่จะเอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ทั้งสองนัดในลีก นับตั้งแต่ที่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำได้เมื่อฤดูกาล 2015/16 อีกทั้ง เบิร์นลี่ย์ จะเป็นทีมแรกที่อยู่ในกลุ่มครึ่งล่างของตารางที่เอาชนะ “หงส์แดง” ทั้งสองครั้งในซีซั่นเดียวกัน นับตั้งแต่ แบล็คพูล ทำได้เมื่อซีซั่น 2010/11
ลิเวอร์พูล บุกเอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 5 จาก 6 นัดหลังสุดใน พรีเมียร์ลีก โดย 3 เกมหลังสุดเอาชนะได้ทั้งหมด ซึ่งเกมสุดท้ายที่แพ้คือการพ่าย 0-2 เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2016
“หงส์แดง” เอาชนะเกมนอกบ้านนัดสุดท้ายของซีซั่นได้ตลอด 2 ปีหลังสุด อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ที่เคยทำได้ 3 ปีติดเมื่อฤดูกาล 1987/88, 1988/89 และ 1989/90 พวกเขาก็ไม่เคยทำได้จำนวนนัดเท่านั้นได้เลย
“เวสต์บรอม-เวสต์แฮม”
เวสต์แฮม แทบจะหมดลุ้นติดท็อปโฟร์ไปโดยปริยาย หลังเกมก่อนทำได้แค่เสมอกับ ไบรท์ตัน
การเจอกับ เวสต์แฮม เวสต์บรอมวิช เอาชนะได้แค่ 2 นัดจาก 16 เกมลีกหลังสุด(เสมอ 9 แพ้ 5) โดยชัยชนะเกิดขึ้นตอนเดือนเมษายน ปี 2014 และกันยายน ปี 2016
มิคาอิล อันโตนิโอ กองหน้า “เดอะ แฮมเมอร์ส” มีส่วนร่วมกับประตูไปแล้ว 14 ลูกจากลงเล่นเป็นตัวจริง 14 เกมเยือนหลังสุดใน พรีเมียร์ลีก (11 ประตู 3 แอสซิสต์) นอกจากนี้เจ้าตัวยังยิงนัดเยือน 24 ประตูให้กับ เวสต์แฮม ใน พรีเมียร์ลีก
“ขุนค้อน” มองหาชัยชนะเหนือ “เดอะ แบ๊กกี้ส์” แบบไป-กลับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2005/06 ซึ่งพวกเขาก็ไม่แพ้ต่อ เวสต์บรอมฯ มาแล้ว 4 เกมติดต่อกัน
เกมนี้จะเป็นครั้งที่ 24 ในศึก พรีเมียร์ลีก ที่ แซม อัลลาไดซ์ ทำทีมดวลกับ เดวิด มอยส์ โดยฝ่ายหลังเอาชนะได้ 14 จาก 23 เกม(เสมอ 3 แพ้ 6) ซึ่ง 7 เกมหลังสุด มอยส์ เอาชนะได้ทุกนัด
Add friend ที่ @Siamsport