ลิเวอร์พูลต้องเฮ-ยิงให้เยอะ! “โชต้า” ผนึก3หน้าซัด,เรอัลมาดริดยังเน้นศึก ชปล.


ลิเวอร์พูลต้องเฮ-ยิงให้เยอะ!

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ต้องคว้าชัยให้ได้สถานเดียวแถมต้องทำประตูได้เสียให้ดีกว่าถึงจะมีโอกาสเข้ารอบโดย ดีโอโก้ โชต้า, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ พร้อมประสานคมล่าตาข่ายเกมรับ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด แม้จะได้เปรียบอยู่แต่ก็ยังเน้นเช่นเคย  ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง) วันพุธที่ 14 เม.ย. ศกนี้  เวลา : 02.00 น.

ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

(รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง)

วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 (เวลา : 02.00 น.)

ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)   –   เรอัล มาดริด (สเปน)

(นัดแรก เรอัล มาดริด ชนะ 3-1)

สนาม : แอนฟิลด์ 


    ลิเวอร์พูล ชนะได้ถึง 4 จาก 5 เกมหลังสุดรวมทุกรายการหลังเปิดบ้านเฉือนชนะ แอสตัน วิลล่า 2-1 ในเกมลีกนัดล่าสุด ส่วนผลงานในรอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก ของรายการนี้แพ้ เรอัล มาดริด 1-3 

    ความพร้อมในเกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน ยังคงไม่สามารถใช้งาน เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โฌแอล มาติป และ โจ โกเมซ ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน รวมทั้งยังต้องเช็กความฟิตของ ดิว็อค โอริกี้, เคอร์ติส โจนส์ และ ควีวิน เคลเลเฮอร์ อีกด้วย

    ส่วนการจัดทัพคาดว่า อดีตกุนซือ ดอร์ทมุนด์ จะยึดมั่นในระบบ 4-3-3 ต่อไป แต่จะเปลี่ยนแปลงผู้เล่นหนึ่งตำแหน่งจากเเกมนัดแรก โดยที่ ติอาโก้ อัลคันตาร่า จะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเพื่อเดินเกมในแดนกลางร่วมกับ ฟาบินโญ่ และ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม เป็นเหตุให้ นาบี เกอิต้า จะถูกดร็อปเป็นเพียงตัวสำรอง 

    ขณะที่ในแดนหน้ายังคงเป็นหน้าที่ของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดีโอโก้ โชต้า และ ซาดิโอ มาเน่ ตามเดิม 

    เรอัล มาดริด คว้าชัยมา 6 เกมติดต่อกันรวมทุกรายการหลังเปิดบ้านเฉือนชนะ บาร์เซโลน่า 2-1 ในเกมลีกนัดล่าสุด ส่วนผลงานในรอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรก ของรายการนี้ชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 

    สภาพทีมในเกมนี้ ซีเนดีน ซีดาน เทรนเนอร์ชาวฝรั่งเศส ยังคงไม่มี ดานี่ การ์บาฆาล, เอแด็น อาซาร์ และ ลูคัส บาสเกซ ที่โดนโรคเดี้ยงเล่นงาน รวมไปถึง เซร์คิโอ รามอส และ ราฟาแอล วาราน ที่ติดเชื้อโควิด-19 

    ส่วนการจัดทัพคาดว่า กุนซือเลือดน้ำหอม จะปรับมาใช้ระบบ 4-3-3 ต่อไป โดยที่คู่เซนเตอร์แบ็กอย่าง เอแดร์ มิลิเตา และ นาโช่ เฟร์นานเดซ ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงที่ผ่านมาจะได้ประสานงานกันตามเดิม 

    ขณะที่ในแดนหน้าเป็นหน้าที่ของ มาร์โค อาเซนซิโอ, คาริม เบนเซม่า และ วินิซิอุส จูเนียร์ 

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

    ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์ – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, นาธาเนียล ฟิลลิปส์, โอซาน คาบัค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – ติอาโก้ อัลคันตาร่า, ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดีโอโก้ โชต้า, ซาดิโอ มาเน่

    เรอัล มาดริด (4-3-3) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ – อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า, เอแดร์ มิลิเตา, นาโช่ เฟร์นานเดซ, แฟร์กล็องด์ เมนดี้ – ลูก้า โมดริช, กาเซมิโร่, โทนี่ โครส – มาร์โค อาเซนซิโอ, คาริม เบนเซม่า, วินิซิอุส จูเนียร์

    ผู้ตัดสิน : บียอร์น ไคเปอร์ส (ฮอลแลนด์)

เกร็ดเพิ่มเติมที่น่าสนใจ

ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)  –  เรอัล มาดริด (สเปน)


 – ลิเวอร์พูล แพ้ เรอัล มาดริด ใน 4 เกมหลังสุดที่พบกันในรายการนี้

 – แต่ หงส์แดง ก็เป็นทีมจอมคัมแบ็กเช่นกันซึ่งจากทั้งหมดที่พวกเขาตกเป็นรองในเกมแรก ลิเวอร์พูล สามารถพลิกกลับมาเอาชนะคู่แข้งได้ถึง 14 เกม

 – ลิเวอร์พูล มีสถิติไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ในการเจอกับจากสเปน ที่แอนฟิลด์ พวกเขาชนะได้เพียง 6 จาก 19 เกมที่ลงเล่น (เสมอ 7 แพ้ 6) แต่ใน 7 ครั้งหลังชนะได้ถึง 4 นัดด้วยกัน (เสมอ 1 แพ้ 2)

 – เรอัล มาดริด มีสถิติในการพบกับที่จากอังกฤษรอบน็อกเอ้าท์อยู่ที่ ชนะ 8 แพ้ 5 โดยครั้งล่าสุดแพ้ให้กับ แมนฯ ซิตี้ ในฤดูกาลที่แล้ว

 – ราชันชุดขาว ถ้าพวกเขาชนะในเกมแรกแล้ว 47 จาก 60 ครั้งในรายการนี้จะสามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้

ลิเวอร์พูลต้องเฮ-ยิงให้เยอะ!

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร

Add friend ที่ @Siamsport