ไมเคิ่ล ไนท์ตัน กับความพยายามที่จะซื้อ แมนยู…อีกครั้ง – Siamsport

นับตั้งแต่ที่ตระกูลเกลเซอร์ตัดสินใจเข้ามาเทคโอเวอร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบเต็มตัวเมื่อปี 2005 บรรดาสาวก “ปีศาจแดง” ก็แสดงท่าทีต่อต้านครอบครัวนักธุรกิจชาวอเมริกันอย่างหนักมาโดยตลอด เพราะมองว่าพวกเขาไม่ได้มีใจรักสโมสรจริงๆ รวมถึงคิดว่าการเข้ามาของพวกเขาสร้างภาระให้กับสโมสรด้วยซ้ำไปจากการที่พวกเขาไปกู้เงินมาซื้อทีมจนกลายเป็นการสร้างหนี้ให้กับสโมสรไปในตัว

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสาเหตุที่ทำให้ตอนนั้นกระแสต่อต้านตระกูลเกลเซอร์ยังไม่รุนแรงถึงระดับ “ขับไล่” มันเป็นเพราะช่วงดังกล่าวทีมยังประสบความสำเร็จได้อยู่ภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อย่างไรก็ตาม พอทีมดังแห่งถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เริ่มไม่มีผลงานที่ยอดเยี่ยมเหมือนเก่าในพักหลังมันก็ทำให้กระแสไม่พอใจในตัวตระกูลเกลเซอร์มันรุนแรงยิ่งขึ้นตามไปด้วยจนตอนนี้เหล่า “เร้ด อาร์มี่” ถึงขั้นต้องการเห็นตระกูลเกลเซอร์ไสหัวไปจากทีมรักของพวกเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ท่ามกลางบรรยากาศขับไล่ตระกูลเกลเซอร์ที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมันก็มีคนอาสาที่จะขอซื้อทีมมาจากนักธุรกิจชาวอเมริกัน นั่นคือ ไมเคิ่ล ไนท์ตัน นักธุรกิจชาวอังกฤษวัย 70 ปี ซึ่งเขาก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เพราะเจ้าตัวเคยนั่งบอร์ดบริหารของ แมนฯ ยูไนเต็ด มาก่อน และที่จริงนี่ก็ถือเป็นภารกิจครั้งที่ 2 ด้วยซ้ำที่เขาตั้งใจจะเทคโอเวอร์ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้ได้

เกริ่นก่อนว่าตัว ไนท์ตัน เองนั้นถือเป็นคอลูกหนังคนหนึ่ง วิลลี่ เลย์ตัน คุณปู่ทวดของเขาเคยเล่นให้ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ชุดเป็นแชมป์ลีกเมื่อปี 1903, 1904 รวมถึงแชมป์ เอฟเอ คัพ เมื่อปี 1907 ขณะที่ตัว ไนท์ตัน เองก็เคยเข้าอะคาเดมี่ของ โคเวนทรี ซิตี้ ด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งจะเป็นนักเตะอาชีพให้ได้

น่าเศร้าที่โชคชะตาไม่เข้าข้างเขา ไนท์ตัน ได้รับบาดเจ็บบริเวณต้นขาอย่างรุนแรงจนทำให้ความฝันการเป็นนักเตะของเขาต้องจบลงอย่างรวดเร็ว ถึงกระนั้นมันก็เป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้ไปตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสืออย่างเต็มที่ ก่อนจะจบการศึกษาในด้านพลศึกษา โดยเขาถึงขั้นเคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนแห่งหนึ่งด้วย แต่พอถึงปี 1984 เขาก็เลิกสออนแล้วหันไปทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์

ช่วงเดือนสิงหาคม ปี 1989 ชื่อของ ไนท์ตัน ได้รับความสนใจจากคนในวงการลูกหนัง หลังจากเขาตัดสินใจยื่นข้อเสนอขอซื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยวงเงิน 20 ล้านปอนด์ ซึ่งนั่นถือเป็นข้อเสนอการซื้อทีมที่มีมูลค่าสูงที่สุดของสหราชอาณาจักรในตอนนั้นเลย และ มาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส์ ประธานบริหาร แมนฯ ยูไนเต็ด ในสมัยนั้นก็ตอบรับข้อเสนอด้วยดี

ไนท์ตัน มีการร่างแผนงานเอาไว้เสร็จสรรพ เขาตั้งใจจะควักเงิน 10 ล้านปอนด์ไปกับการบูรณะ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด สนามเหย้าของทีม รวมถึงมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ทีมกลับไปเป็นทีมชั้นนำของเกาะอังกฤษให้ได้ ซึ่งแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด บางส่วนในสมัยนั้นก็สนับสนุนเขาด้วย

ทั้งนี้ ไนท์ตัน พยายามที่จะซื้อใจแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ให้ได้ จนถึงขั้นเคยลงสนามเพื่อเดาะบอลให้แฟนๆ ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แถมเขายังสวมชุดของทีมแบบแทบจะครบยศอีกต่างหาก ตอนนั้นเข็มทิศทุกอันต่างก็บ่งชี้ว่าดีลนี้น่าจะเกิดขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม เป็นอีกครั้งที่ชีวิตของ ไนท์ตัน ไม่สมหวังในเรื่องของฟุตบอล เมื่อจู่ๆ บ็อบ ธอร์นตัน และ สแตนลี่ย์ โคเฮน คนที่เคยตกลงว่าจะร่วมมือกับเขาในการซื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับถอนตัวไปดื้อๆ ในช่วงกลางเดือนกันยายน จนทำให้ ไนท์ตัน ต้องดิ้นรนไปทาบทามคนอื่นให้มาเป็นพันธมิตรของเขา

ชี้แจงก่อนว่าแผนเดิมของ ไนท์ตัน คือการที่เขาจะใช้ เอ็มเท แทร็ฟฟอร์ด โฮลดิ้งส์ บริษัทของเขาเป็นเหมือนหัวหอกในการเข้าซื้อ แมนฯ ยูไนเต็ด ขณะที่ ธอร์นตัน กับ โคเฮน ก็ไม่ใช่คนธรรมดา เพราะะรายแรกเป็นอดีตผู้บริหารของ เดเบนแฮมส์ ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ส่วนคนหลังก็มาจาก เบ็ทเตอร์แวร์ บริษัทที่ขายของที่มีชื่อในระดับหนึ่ง

หลังจากพยายามอยู่พักหนึ่ง ไนท์ตัน ก็แจ้งให้ เอ็ดเวิร์ดส์ กับทีมกฎหมายของ เอ็ดเวิร์ดส์ รู้ว่าเขาสามารถหาทุนที่จะทำให้ดีลนี้เสร็จสมบูรณ์ได้ น่าเสียดายที่กว่าที่เขาจะทำอย่างนั้นได้มันก็ใกล้เข้าเส้นตายแล้ว ทำให้สุดท้าย ไนท์ตัน ต้องยอมแพ้ในการเข้าเทคโอเวอร์ทีม

ไนท์ตัน ยังได้รับโอกาสจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ให้เข้ามานั่งเป็นบอร์ดบริหารคนหนึ่งของทีมแทน ถึงกระนั้น ในปี 1997 มันกลับมีการเปิดเผยเรื่องที่ว่าเขากับ โรสแมรี่ ภรรยาของเขาเคยเห็นยูเอฟโอเมื่อปี 1976 ซึ่งตอนนั้น ไนท์ตัน กับภรรยาของเขาโดนล้อหนักมาก จนสุดท้ายเจ้าตัวก็ตัดสินใจลาออกจากการเป็นบอร์ดบริหารของทีม

ในเวลาต่อมา ไนท์ตัน ก็ตัดสินใจลงลุยเส้นทางในวงการลูกหนังต่อ จากการเข้าซื้อ คาร์ไลส์ ในปี 1992 โดยตอนนั้น คาร์ไลส์ มีสภาพย่ำแย่จนอยู่ในลีกล่างสุดของระดับ ฟุตบอลลีก ซึ่งในยุคของเขา คาร์ไลส์ เคยได้แชมป์ระดับ ดิวิชั่น 3 จนได้สิทธิ์เลื่อนชั้นเมื่อปี 1995 ด้วย แถมยังเก็บแต้มได้ 91 คะแนน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของสโมสรมาจนถึงทุกวันนี้อีกต่างหาก ก่อนที่สุดท้ายเขาจะบอกลาทีมในปี 2002

ไม่มีใครรู้ว่า ไนท์ตัน จะสามารถเป็นอัศวินที่แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ตามหาได้หรือไม่ แต่เจ้าตัวมีความมุ่งมั่นกับภารกิจนี้มากๆ และต้องรอดูว่าเขาจะลบล้างความผิดหวังในอดีตได้รึเปล่า

เด็กเกร็ดบอล