ตั้งสมาธิ!’หงส์’ดิ้นไปแชมเปี้ยนส์ลีก ‘คล็อปป์’กดดัน!ขึ้นเต็ง1ลากุนซือพรีเมียร์

วันเสาร์ ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2564, 06.00 น.

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์นี้ มีการดวลแข้ง 3 คู่ โดยเกมสำคัญอยู่ที่ 2 สนาม เริ่มจากที่แอนฟิลด์ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี แชมป์เก่า ที่เพิ่งหน้าแหกถอนตัวจากซูเปอร์ลีก ต้องมาดิ้นรนกันต่อในการล่าตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการเปิดบ้านดวลกับ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่ต้องการ


ทุกคะแนนเพื่อหนีตายถวายชีวิต

“หงส์แดง” เพิ่งสะดุดด้วยการบุกไปเสมอกับ “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-1 ยังคงไม่มี เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ และโฌเอล มาติ๊ป 3 ปราการหลังคนสำคัญที่พักยาวๆ เช่นเดียวกันกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมที่เดี้ยงยาวเกินกำหนดมาหลายสัปดาห์ แถมยังต้องลุ้นว่า ดีโอโก้ โชต้า แนวรุกคนสำคัญชาวโปรตุเกส ที่หายไปจากสนามซ้อมจะได้ลงหรือไม่ รวมถึง นาธาเนี่ยล ฟิลิปป์ส ปราการหลังที่เจ็บน่อง ต้องรอเช็คความฟิต หากลงไม่ได้ ฟาบินโญ่ จะถูกถอยลงมายืนเซ็นเตอร์คู่กับ โอซาน คาบัค อีกครั้ง

ในเกมรุก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ถูกดร็อปจากนัดที่แล้วจะกลับมาเป็นตัวจริงแน่นอน คาดว่าจะได้เล่นกับ ซาดิโอ มาเน่ และโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ขณะที่แดนกลาง ธิอาโก้ อัลคันทาร่า จะได้เล่นตัวจริงร่วมกับ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม และเจมส์ มิลเนอร์ ส่วนเคอร์ติส โจนส์ ที่หายหน้าไป 3 นัดเนื่องจากเจ็บกล้ามเนื้อ กลับมาซ้อมแล้ว แต่น่าจะฟิตยังไม่พอ

ทางฝั่ง “สาลิกาดง” ช่วงหลังกลับมาผลงานดี ชนะ 2 เสมอ 3 แพ้แค่นัดเดียวจาก 6 เกมหลังสุด เพิ่งจะเปิดบ้านหักด่านเวสต์แฮม มาได้ 3-2 รอลุ้น อแล็ง แซงต์ แม็กซิแมง แกนรุกฝีเท้าจัดที่กลับมาเล่นดี แต่ดันมีอาการเจ็บข้อเท้าเล็กน้อยต้องรอดูอาการอีกครั้ง คาดว่า สตีฟ บรู๊ซ กุนซือจะเข็นลงสนามแน่นอน และอาจจะได้ประสานพลังกับ คัลลัม วิลสัน ดาวยิงสูงสุดของทีมที่ฟิตแล้วน่าจะได้เบียด โชลินตอน ลงปักหอก

อย่างไรก็ตาม ฟาเบียน แชร์, ไอแซค เฮย์เด้น, จามาลลาสเซลล์ส และไรอัน เฟรเซอร์ คือลิสต์รายชื่อผู้เล่นที่บาดเจ็บ ซึ่งทีมจะเล่นในระบบ 3-5-2 คู่มิดฟิลด์ใช้ จอนโจ้ เชลวีย์ เล่นกับ ฌอน ลองสต๊าฟฟ์ ตัวริมเส้นทางขวาเลือก จาค็อบ เมอร์ฟีย์ที่ฟอร์มดี ส่วนทางซ้ายเป็นหน้าที่ของ แมตต์ ริตชี่ โดยมี มิเกลอัลเมร่อน เป็นตัวสร้างสรรค์เกมรุก

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม ลิเวอร์พูล (4-4-3) :อลิสซอน เบ็คเกอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ฟาบินโญ่,โอซาน คาบัค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ธิอาโก้ อัลคันทาร่า,จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ฟีร์มิโน่ และซาดิโอ มาเน่

นิวคาสเซิ่ล (3-5-2) : มาร์ติน ดูบราฟก้า, เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ, คีแรน คล้าร์ก, พอล ดัมเม็ตต์, เจค็อบ เมอร์ฟีย์,มิเกล อัลเมร่อน, จอนโจ้ เชลวีย์, ฌอน ลองสต๊าฟฟ์, แมตต์ ริตชี่,อแลง แซงต์ แม็กซิแมง และ คัลลั่ม วิลสัน

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ให้กับ นิวคาสเซิ่ล มาตั้งแต่ปี 2015 รวมแล้ว 8 เกมติดต่อกันโดยเอาชนะได้ 5 และเสมอ 3 โดยก่อนแข่งขันนั้นเจอร์เก้น คล็อปป์ ถูกยกให้เป็นเต็ง 1 ที่จะออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมพรีเมียร์ลีกคนต่อไปในทุกกรณีทั้งการลาออกเอง และการโดนไล่ออก

ขณะที่เกมดาร์บี้แมทช์กรุงลอนดอนในเวลา 23.30 น.“ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เปิดลอนดอน สเตเดี้ยม ดวลกับ“สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ที่มีการลุ้นท็อปโฟร์เป็นเดิมพัน

เจ้าถิ่น “ขุนค้อน”ต้องรีบดึงสติกลับมาหลังจากพ่ายให้กับ นิวคาสเซิ่ล ในนัดที่แล้ว เกมนี้หมดสิทธิ์ใช้งาน เคร็ก ดอว์สัน ปราการหลังที่ติดโทษแบน เช่นเดียวกับ เดแคลนไรซ์ และมิคาอิล อันโตนิโอ ที่บาดเจ็บ ข่าวดีน่าจะได้ แอรอนแครสส์เวลล์ หายเดี้ยงกลับมาประจำการตำแหน่งเซ็นเตอร์ฝั่งซ้าย เช่นเดียว อาร์ตูร์ มาซูอากู ทำให้มีแนวโน้มว่า เบน จอห์นสัน อาจจะหลุดไปนั่งสำรอง ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ยังเหมือนเดิม นำโดย เจสซี่ ลินการ์ด ที่เจ็บจากนัดก่อนได้ลงนำทัพ พร้อมด้วย โธมัส ซูเซ็ค, ปาโบล ฟอร์นาล์ส และจาร์ร็อด โบเว่น

ทางฝั่ง “สิงห์บลูส์” เพิ่งพลาดท่าเสมอกับ ไบรท์ตัน มาแบบจืดสนิท 0-0 เกมนี้ไม่มี มัตเตโอ โควาซิซ ที่บาดเจ็บเพียงรายเดียวเท่านั้น ที่เหลือค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ต้องเดาใจว่า โธมัส ทูเคิ่ลจะจัดทีมอย่างไร เพราะมีโปรแกรมตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ ลีกกับ เรอัลมาดริด รออยู่ คาดว่าแนวรับ ติอาโก้ ซิลวา มีโอกาสจะได้เล่นเช่นเดียวกับตำแหน่งวิงแบ๊ก คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย และเบน ชิลเวลล์ ส่วนแนวรุกเลือก เมสัน เม้าท์ ประสานงานกับ ติโมแวร์เนอร์ และไค ฮาแวร์ตซ์

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม เวสต์แฮม (3-4-2-1) : ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้, อิสซ่า ดิย็อป, อังเจโล่ อ๊อกบอนน่า, แอรอน แครสส์เวลล์, วลาดิเมียร์ คูฟาล, โธมัส ซูเซ็ค, มาร์ค โนเบิ้ล, อาร์ตูร์มาซูอากู ปาโบล ฟอร์นาล์ส, เจสซี่ ลินการ์ด และจาร์ร็อด โบเว่น

เชลซี (3-4-2-1) : เอดูอาร์ เมนดี้, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า,ติอาโก้ ซิลวา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย,จอร์จินโญ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เบน ชิลเวลล์, เมสัน เม้าท์, ติโมแวร์เนอร์ และ ไค ฮาแวร์ตซ์

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุดสูสีกันเป็นอย่างยิ่ง ผลัดกันชนะไปฝั่งละ 2 ครั้ง และเสมอ 1 ส่วนการดวลกันในซีซั่นนี้ เชลซี เล่นในเดอะ บริดจ์ ถล่ม 3-0

ทางด้านศึกลาลีกา สเปน “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริดได้บดบี้แชมป์กันต่อไป ด้วยการเปิดบ้านเจอกับ เรอัล เบติส ในเวลา 03.00 น. ซึ่งตอนนี้ ลา ลีกา ยังคงดุเดือดในการลุ้นแชมป์ “ตราหมี”แอตเลติโก มาดริด เตะ 32 นัด 73 คะแนน ตามมาด้วย เรอัล มาดริด เตะ 32 นัด 70 คะแนน, อันดับ 3 บาร์เซโลน่า เตะ 31 นัด68 คะแนน และอันดับ 4 เซบีญ่า เตะ 32 นัด 67 คะแนน

ส่วนเกมบุนเดสลีกา เยอรมนี นัดที่ 31 “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค จะเป็นแชมป์สมัยที่ 31 และแชมป์ 9 สมัยติดต่อกันทันที หากบุกไปเอาชนะ ไมนซ์ 05 ได้สำเร็จในวันเสาร์นี้ ในการดวลแข้งเวลา 20.30 น.

บาเยิร์นฯ ตอนนี้มีอยู่ 71 คะแนน จาก 30 นัด ทิ้งห่าง แอร์เบไลป์ซิก อยู่ถึง 10 คะแนน และถ้าเอาชนะได้จะทำให้เป็นแชมป์แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แม้จะเหลืออีก 3 เกมก็ตาม