ก่อนเปิดฤดูกาลใหม่! 4 เรื่องสำคัญที่ คล็อปป์ ต้องรีบแก้ไขช่วงซัมเมอร์นี้

ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้น่าผิดหวังเหลือเกินในฤดูกาลนี้ โดยพวกเขาไม่มีลุ้นความสำเร็จอะไรเลย แถมโอกาสในการติดท็อปโฟร์ก็ค่อนข้างยากลำบาก โดยงานนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ช่วงเวลาซัมเมอร์นี้ในการปรับปรุงแก้ไขทัพ “หงส์แดง” เพื่อที่จะกลับมาแข็งแกร่งในฤดูกาล  2021/2022

          “เดอะ เร้ดส์” ไม่สามารถนำโทรฟี่ไปประดับตู้โชว์ที่แอนฟิลด์ได้ในปีนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2018 โดยหนึ่งในเหตุผลสำคัญก็เพราะผู้เล่นคีย์แมนได้รับบาดเจ็บ ขณะเดียวกันฟอร์มของทีมก็สะดุดอย่างน่าใจหายนับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2021

          สำหรับในตอนนี้สิ่งที่ คล็อปป์ ต้องพยายามทำให้ได้ก็คือนำ “หงส์แดง” คว้าโควต้ายูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จากนั้นเมื่อเข้าสู่ช่วงซัมเมอร์ บอสใหญ่ชาวเยอรมัน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการปรับปรุงขุมกำลัง และการเคลียร์ปัญหาภายในให้เสร็จสิ้น เพื่อให้พร้อมสำหรับซีซั่นใหม่ 

กองหลังคนสำคัญฟิตเต็มร้อย

           แน่นอนว่าการที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ย้ายมาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคม 2018 มีผลอย่างยิ่งต่อฟอร์มการเล่นของ ลิเวอร์พูล ฉะนั้นการขาดเขาไปตลอดทั้งฤดูกาลนี้ นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ฟอร์มของ “หงส์แดง” ร่วงกราวรูดอย่างที่เห็น 

           ไม่ใช่แค่การขาด ฟาน ไดค์ เท่านั้น เพราะพวกเขายังไม่มี โจ โกเมซ ที่หมดสิทธิ์ช่วยทีมทั้งซีซั่นหลังบาดเจ็บเมื่อเดือนพฤศจิกายน ขณะที่ โฌแอล มาติป ที่เข้าๆ ออกๆ โรงหมอมากกว่าสนามซ้อม ก็มาเดี้ยงสนิทในเดือนมกราคมอีกต่างหาก

           การจับ ฟาบินโญ่ มายืนเป็นเซนเตอร์แบ็กชั่วคราวส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในแผงมิดฟิลด์ แต่เมื่อเดือนที่ผ่านมาทุกๆ อย่างค่อยๆ กลับมาดีขึ้นเมื่อ สตาร์ชาวบราซิเลียน ได้กลับมาเล่นตำแหน่งถนัด เนื่องจากทีมได้คู่เซนเตอร์แบ็กใหม่ก็คือ โอซาน คาบัค กับ แนต ฟิลลิปส์

           อย่างไรก็ตาม เป้าหมายแรกของ คล็อปป์ ในช่วงซัมเมอร์นี้ก็คือการได้ ฟาน ไดค์, โกเมซ และ มาติป กลับมาฟิตสมบูรณ์ ถ้าหากเป็นไปได้ก็อยากให้ทั้งสามคนพร้อมเต็มสูบสำหรับการลงเล่นในวันที่ 14 สิงหาคมซึ่งเป็นวันแรกของฤดูกาลใหม่

           กระนั้นยังมีเรื่องสำคัญที่ คล็อปป์ ต้องขบคิดนั่นก็คือการพูดคุยกับ ฟาน ไดค์ เกี่ยวกับกรณีที่เขาอาจจะกลับไปเล่นให้ทีมชาติฮอลแลนด์ ในศึกยูโร 2020 ช่วงซัมเมอร์นี้ (ย้ายมาแข่งปี 2021 เพราะการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19) หากเขาหายเจ็บ เพราะนั่นถือเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูงมากๆ

           สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการที่ 3 เซนเตอร์แบ็กสามารถกลับมาฟิตพร้อมลงสนามในช่วงปรีซีซั่นให้กับทีมได้ ซึ่งหากเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็คือว่าเป็นข่าวดีมากๆ เพราะ “เดอะ เร้ดส์” จะได้กองหลังที่แข็งแกร่งกลับคืนสนามครบ และยังมี รีส วิลเลี่ยมส์ แนวรับดาวรุ่ง ซึ่ง คล็อปป์ พร้อมให้โอกาสเขาลงสนามมากยิ่งขึ้นในซีซั่นหน้า 

           ขณะที่ ฟิลลิปส์ ยังคงเป็นนักเตะที่ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ต้องการเก็บเอาไว้เป็นยางอะไหล่ สำหรับ คาบัค ต้องบอกว่าผลงานของเขาอาจจะไม่โดนใจ “บอส” มากนัก และคงตัดสินใจที่จะไม่ทุ่มเงินเพื่อซื้อขาดจาก ชาลเก้ 04 หลังจบฤดูกาลปัจจุบัน 

  

เคลียร์ใจ “โม ซาลาห์” จะเลือกอยู่หรือไป ?

           อีกหนึ่งปัญหาที่สำคัญที่ทำให้ผลงานของ ลิเวอร์พูล สาละวันเตี้ยลงก็คือการที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปืนฝืดนับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้เป็นต้นมา เพราะการที่ “บังโม” ยิงประตูไม่ได้ ส่งผลต่อผลงานโดยรวมของแชมป์เก่าอย่างเห็นได้ชัด

           แม้ว่า สตาร์ลูกหนังชาวอียิปต์ จะรั้งตำแหน่งรองดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก ในเวลานี้ด้วยผลงาน 19 ประตูก็ตาม โดยตามหลัง แฮร์รี่ เคน 2 ลูก แต่กระนั้น “บังโม” ตะบันไปแล้ว 28 ประตูในทุกรายการเหนือกว่า ซาดิโอ มาเน่ ที่ทำได้ 16 ประตู และ ดีโอโก้ โชต้า จำนวน 12 ลูก 

           ผลงานของ ซาลาห์ ยังคงมีความสำคัญกับ “หงส์แดง” อยู่เสมอ แต่ตอนนี้อนาคตของเขาในถิ่นแอนฟิลด์ เริ่มไม่มีความแน่นอน เนื่องจากมีรายงานออกมาอย่างต่อเนื่องจากเขาพร้อมที่จะโบกมือลาสโมสรหลังจบฤดูกาลนี้ โดยจุดหมายปลายทางน่าจะเป็น เรอัล มาดริด หรือไม่ก็ บาร์เซโลน่า

           กระแสการย้ายทีมของ ซาลาห์ เริ่มกระพือหนักขึ้นเมื่อเขาโดนดร็อปในเกมที่พบกับ คริสตัล พาเลซ เดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังให้สัมภาษณ์กับสือสเปนเรื่องโอกาสในการย้ายไปค้าแข้งในศึกลา ลีกา สเปน จากนั้น รามี่ อับบาส อิสซ่า เอเจนต์ของนักเตะก็พยายามจุดกระแสข่าวย้ายทีมให้ลุกเป็นไฟมากยิ่งขึ้น

           แม้ว่าตอนนี้กระแสย้ายทีมจะซาลงไปบ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะจบ เพราะ ดาวเตะวัย 28 ปียังถือเป็นพ่อค้าแข้งเนื้อหอมที่ทีมยักษ์ใหญ่สนใจอยากได้ตัวไปร่วมสังกัด แถมตอนนี้สัญญาของเขากับ ลิเวอร์พูล ก็เหลือเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น และหาก “หงส์แดง” พลาดตั๋วไปลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก งานนี้อาจได้เห็น ซาลาห์กับเอเจนต์พยายามกดดันบอร์ดบริหารเพื่อปล่อยตัวเขาไปอยู่กับทีมอื่นก็ได้ 

           หากเกิดกรณีขึ้นมาจริงๆ คล็อปป์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาตัวตายตัวแทน ซาลาห์ มาร่วมทีมให้เร็วที่สุด ไม่งั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อการลุ้นแชมป์ลีกในซีซั่นหน้า….

การเซ็นสัญญาครั้งสำคัญจะเกิดขึ้นไหม ?

           เรื่องไม่คาดฝันบางครั้งก็สามารถเกิดขึ้นได้ อย่างในกรณีของ ซาลาห์ หากเขาเลือกที่จะออกไปหาความท้าทายใหม่กับสโมสรอื่นในช่วงซัมเมอร์นี้ หรือถ้าเขาพร้อมที่จะอยู่ร่วมหัวจมท้ายกับต้นสังกัดต่อไป คล็อปป์ ควรจะต้องพยายามหาผู้เล่นใหม่เพื่อที่จะเข้ามาเติมเต็มความกระหายในความสำเร็จของทีม

           หากจำกันได้ คล็อปป์ มีการเซ็นสัญญาที่สุดยอดมากๆ เมื่อปี 2016 ด้วยการดึง มาเน่ มาร่วมทีม และเขาก็สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับสโมสร ตามด้วย ฟาน ไดค์ ในเดือนมกราคม 2018 และ อลิสซง เบ็คเกอร์ อีก 6 เดือนถัดมา 

           เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา คล็อปป์ ดึงตัว ติอาโก้ อัลกันตาร่า เพลย์เมกเกอร์ชาวสแปนิช มาเสริมทัพ แต่นักเตะยังไม่สามารถระเบิดฟอร์มได้เหมือนตอนอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค ขณะที่ ดีโอโก้ โชต้า ถือว่าเป็นการซื้อที่คุ้มค่าอย่างยิ่งเมื่อเขาทำผลงานได้อย่างสุดยอดในช่วงต้นซีซั่นนี้ แต่ดันดวงแตกได้รับบาดเจ็บทำให้ต้องพักนานถึง 3 เดือนเลยทีเดียว

           อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ไม่มีข่าวกับนักเตะระดับโลกเลย โดยที่เห็นอยู่บ่อยๆ ก็มีแค่ข่าวสนใจ  อิบราฮิม โกนาเต้ ปราการหลัง แอร์เบ ไลป์ซิก ซึ่งตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเงียบหายไปแล้ว แต่กระนั้นมีนักเตะอีก 1 คนที่พวกเขาใฝ่ฝันอยากได้มาเสริมทัพมากๆ นั่นก็คือ คีลิยัน เอ็มบัปเป้

           ดาวเตะวัย 22 ปีได้รับการยกย่องว่าจะเป็นหนึ่งในแข้งสำคัญที่จะก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ต่อจาก ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โดยเขามีข่าวกับ “หงส์แดง” อยู่บ่อยๆ แถมยังมีรายงานว่า ยอดแข้งเลือดเฟร้นช์ สนใจที่จะย้ายไปเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล หรือไม่งั้นก็ เรอัล มาดริด

           อย่างไรก็ตาม เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป กลุ่มทุนเจ้าของทีม ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องทุ่มเงินมหาศาลหากอยากได้ เอ็มบัปเป้ มาร่วมทัพ แต่กระนั้นถ้าหากพวกเขาไม่ได้ตั๋วไปลุยแชมเปี้ยนส์ ลีก ต่อให้ยื่นข้อเสนอมากแค่ไหน นักเตะก็คงไม่สนใจอยู่ดี !!!

สตาร์บางคนต้องพัฒนาฟอร์มการเล่น

           ติอาโก้ ย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูล หลังจากที่นำ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค คว้าทริปเบิลแชมป์เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา แน่นอนว่าผลงานของเขากับยอดทีมลีกเบียร์ ทำให้สาวก “เดอะ ค็อป” วาดฝันว่าจะเห็นสิ่งนั้นที่แอนฟิลด์

           สุดท้ายทุกอย่างกลับตาลปัตรเพราะ ติอาโก้ ต้องเจอกับความยากลำบากในซีซั่นแรกที่เล่นในลีกอังกฤา เขาโด นปัญหารุมเร้าทั้งติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามด้วยต้องพักยาวสองเดือนครึ่งหลังถูก ริชาร์ลิซอน เสียบสกัดอย่างรุนแรงในเกมเสมอ เอฟเวอร์ตัน เมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา

           แม้ว่าจะได้รับโอกาสจาก คล็อปป์ ให้ลงเล่นตัวจริงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2021 แต่ฟอร์มการเล่นของเขาไม่ได้เป็นไปได้ที่ ลิเวอร์พูล คาดหวังเอาไว้ ที่สำคัญสถิติของเขาในการเล่นให้ “เดอะ เร้ดส์” ย่ำแย่มากๆ ลงสนาม 24 เกม ยิงประตูไม่ได้, แอสซิสต์ไม่มี แถมได้รับใบเหลืองไปแล้ว 5 ใบ

           กระนั้นไม่ใช่แค่ ติอาโก้ คนเดียวที่ฟอร์มร่วงกราวรูด เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ก็ทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานของเขา ขณะที่ อลีสซง เจอกับช่วงฟอร์มหลุดเช่นกัน โดยเฉพาะการทำผิดพลาด 2 ครั้งในแมตช์แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขณะที่ มาเน่ ฟอร์มไม่คงเส้นคงวา 

           ส่วน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ในฐานะผู้เล่นหมายเลข 9 หรือ “หน้าเป้า” แต่การยิงได้แค่ 6 ประตูจาก 41 เกมเฉลี่ยแล้ว 7 นัดยิงได้ 1 ประตู ถือว่าย่ำแย่มากๆ หากมองว่าเขาเป็นหัวหอก สำหรับ โชต้า ในช่วงต้นซีซั่นถือว่าฟอร์มร้อนแรงมากๆ แต่ทุกอย่างมาสะดุดเพราะได้รับบาดเจ็บยาว 

           ดังนั้นบรรดาสตาร์เหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรีดฟอร์มเก่งกลับคืนมาให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ เพราะถ้าพวกเขายังทำผลงานได้เหมือนกับซีซั่นนี้ โอกาสที่จะโดนดร็อปกลายเป็นตัวสำรองก็มีสูงเลยทีเดียว

ทอมเม้ง