‘หงส์’ใส่เกียร์ห้า!ลุ้นพลิกนรก ชุดขาวคึกคัก’เปเรซ’ถือบังเหียนยาว

วันพุธ ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2564, 06.00 น.

การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี แชมป์ 6 สมัย เปิดสนามแอนฟิลด์ เจอกับ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด แชมป์ 13 สมัย ในเวลา 02.00 น.หลังจากเกมแรกจบลงที่มาดริดชนะ 3-1

“หงส์แดง” เพิ่งจะหยุดสถิติการแพ้ติดต่อกันในแอนฟิลด์เอาไว้ที่ 6 เกมหลังจากเอาชนะ แอสตัน วิลล่า ในเกมลีก2-1 แต่ยังไม่มี เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โจ โกเมซ รวมไปถึง โฌเอล มาติ๊ป ที่บาดเจ็บ นอกนั้นไม่มีปัญหา คาดว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ไม่มีทางเลือกต้องเดินหน้าเข้าใส่ อาจจะใส่แนวรุกแบบเต็มสูบอย่าง ดิโอโก้ โชต้า, โมฮาเหม็ดซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และซาดิโอมาเน่ ลงมาพร้อมกับ 4 คน ส่วนแดนกลางนาบี้ เกอิต้า ที่เล่นไม่เข้าพวกน่าจะถูกดร็อปเป็นสำรอง

ทีมเยือนตุนสกอร์ในเกมแรกมา3 ประตู แต่ยังไม่ปลอดภัยเพราะพวกเขาเสียประตูอเวย์โกลมา เกมล่าสุดเพิ่งเอาชนะ บาร์เซโลน่า 2-1 ในศึกเอล กลาซิโอ้โดยเกมดังกล่าว ซีเนอดีน ซีดาน ปรับแผนจาก 4-3-3 เป็น 4-1-3-2 ถอด มาร์โกอเซนซิโอ้ และส่ง เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ลงไปอัดแดนกลาง แต่นัดนี้จะไม่มี ลูคัสบาซเกซ ริมเส้นสารพัดประโยชน์ที่บาดเจ็บและน่าจะพักยาวรูดม่านปิดซีซั่น เช่นเดียวกับตัวที่เดี้ยงอยู่แล้วอย่าง เซร์คิโอ้ รามอสและดานี่ การ์บาฆาล ส่วน ราฟาเอล วารานติดโควิด-19 ตำแหน่งแบ๊กขวาโอกาสจะตกเป็นของ อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า ที่ได้เล่นแทน ที่เหลือยังเหมือนเดิม

11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามลิเวอร์พูล (4-2-3-1): อลิสซอน เบ็คเกอร์,เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์,แนต ฟิลิปป์ส, โอซาน คาบัค, แอนดรูว์โรเบิร์ตสัน, ฟาบินโญ่, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม,โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่ และดิโอโก้ โชต้า

เรอัล มาดริด (4-3-3): ตีโบต์ กูร์กตัวส์, อัลบาโร่ โอดริโอโซล่า, เอแดร์ มิลิเตา, นาโช่, แฟร์ล็องด์ เมนดี้, โทนี่ โครส, คาเซมิโร่, ลูก้า โมดริช, มาร์โก


อเซนซิโอ้, คาริม เบนเซม่า และวินิซิอุส จูเนียร์

สถิติการพบกันของทั้งสองทีมลิเวอร์พูล แพ้ให้กับ เรอัล มาดริด ในการเจอกัน 4 เกมหลังสุดนับรวมนัดที่แล้วด้วยฟอร์มสุดหรูของ “หงส์แดง” ในการเล่นที่แอนฟิลด์ ยามดวลกับ “ชุดขาว” ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2009 ตอนนั้นถล่มเอาชนะไปได้ 4-0

อีกคู่ “เสือเหลือง” โบรุสเซียดอร์ทมุนด์ เปิดบ้านล้างตากับ “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เวลา 02.00 น. โดยนัดแรก แมนฯซิตี้ เฉือนชนะมาได้ 2-1 ซึ่งการดวลกันในนัดนี้ ดอร์ทมุนด์ กลับมามั่นใจอีกครั้งหลังจากพลิกแซงเอาชนะ“ม้าขาว” สตุ๊ตการ์ต ในเกมลีก 3-2มีปัญหาตรงที่ไม่สามารถใช้งาน จาดอน ซานโช่ แนวรุกคนสำคัญ และต้องลุ้นให้ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ ปราการหลังคนสำคัญที่เจ็บจากเกมลีก รอทดสอบความฟิตอีกครั้งถ้าไม่ไหว เอ็มเร่ ชาน จะได้เล่นแทน ให้มาเตอู โมเรย์ ไปยืนแบ๊คขวา ตำแหน่งอื่นๆไม่มีปัญหาอะไร คาดว่า โจวานนี่ เรย์น่า จะกลับมาเป็นตัวจริงลงประสานงานกับ มาร์โก รอยส์ และเออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ในแนวรุก โดย ฮาลันด์ ยิงไม่ได้มา 5 เกมติดต่อกันแล้ว

ทางฝั่ง “เรือใบสีฟ้า” เสียประตูในบ้านทำให้ยังไม่ปลอดภัยสำหรับการเข้ารอบต่อไป จึงเป็นที่มาทำให้ เป๊บ กวาร์ดิโอล่าโรเตชั่นทีมในเกมลีกจนพ่ายคารังให้กับ “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-2 ในเรื่องของความพร้อมไม่มีนักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบน คาดว่าบรรดาแข้งหลักที่ได้พักจะกลับคืนตัวจริงทั้งหมด เล่นในระบบ 4-3-3 อิลคาย กุนโดกัน, โรดรี้ และเควินเดอ บรอยน์ คุมจังหวะแดนกลาง แนวรุกใช้ริยาด มาห์เรซ ประสานงานกับ แบร์นาร์โด้ซิลวา และฟิล โฟเด้น โดยพวกเขาไม่เคยผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้เลยแม้จะประเคนเงินซื้อนักบอลมาเยอะแยะก็ตามที

11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามดอร์ทมุนด์ (4-2-3-1): มาร์วิน ฮิตซ์,มาเตอู โมเรย์, มานูเอล อคานจี, เอ็มเร่ ชาน,ราฟาเอล เกร์เรโร่, โธมัส เดลานีย์,มาห์มู้ด ดาฮูด, โจวานนี่ เรย์น่า, จู๊ดเบลลิ่งแฮม, มาร์โก รอยส์ และเออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์

แมนฯซิตี้ (4-3-3): เอแดร์ซอน, ชูเอา กานเซโล่, จอห์น สโตนส์, รูเบนดิอาส, โอเล็คซานเดอร์ ชินเชนโก้,3 อิลคาย กุนโดกัน, โรดรี้, เควินเดอ บรอยน์, ริยาด มาห์เรซ, แบร์นาร์โด้ ซิลวา และฟิล โฟเด้น

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม หากนับในรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้งสองทีมผลัดกันแพ้-ชนะ และเสมอ ไปฝั่งล่ะหน โดย แมนฯซิตี้ เคยออกไปแพ้


ดอร์ทมุนด์มาแล้วเมื่อปี 2012