วันจันทร์ ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2564, 06.00 น.
จากชัยชนะ “ในบ้าน” หลังจากที่ “คาบ้าน” มา 6 นัดติดต่อกัน ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี แชมป์เก่าพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่มีเหนือ “สิงห์เผ่นจากมิดแลนด์” แอสตัน วิลล่า 2-1
นี่คือชัยชนะนัดแรกในแอนฟิลด์ รอบ 5 เดือน!!!!
นัดสุดท้ายที่ชนะเอาไว้คือ 17 ธันวาคม ปีที่แล้ว เชือดสเปอร์ส 2-1 และขึ้นเป็นจ่าฝูง จากนั้นหายนะเริ่มมาเมื่อเสมอกับเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 1-1 เป็นนัดสุดท้ายที่ยิงได้แบบโอเพ่นเพลย์และไม่มีเซ็นเตอร์ฮาล์ฟอาชีพหลงเหลืออยู่เลย เพราะ โฌแอล มาติ๊ป บาดเจ็บตาม เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค กับ โจ โกเมซ
ผลเสมอกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง แมนฯยูไนเต็ด 0-0 คือครั้งสุดท้ายที่ทีมได้คะแนนจากการเตะในบ้าน จากนั้นหายนะถามหาแพ้ 6 เกมติดและเป็นสถิติ 129 ปีของสโมสร ตั้งแต่เลข 4 แล้ว
แพ้ เบิร์นลี่ย์ 0-1, แพ้ ไบรท์ตัน 0-1, แพ้ แมนฯซิตี้ 1-4, แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-2, แพ้ เชลซี 0-1 และแพ้ ฟูแล่ม 0-1
ขึ้นปีใหม่มายิงในแอนฟิลด์ได้ก่อนหน้านี้ลูกเดียวจากจุดโทษ และปั้นโอกาสยิง 150 ครั้งจาก 7 นัด ก่อนจะเปลี่ยนเป็น2 ประตูสำคัญนัดนี้ จาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ เทรนท์อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
กว่าจะยิงโอเพ่นเพลย์ในแอนฟิลด์ ไม่น่าเชื่อว่ารอนานถึง 12 ชั่วโมง 44 นาที
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ร้อนแรงกันทั้งโลกก็คือ ลิเวอร์พูล ถูกริบสกอร์จาก วีดีโอช่วยในการตัดสิน หรือ VAR อีกครั้งในจังหวะที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดไปให้ ดีโอโก้ โชต้า ก่อนจะต่อให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ยิงเข้าไป แต่ถูกจับล้ำหน้า
การถูกริบประตูไม่แปลกอะไร แต่แปลกก็คือ มาตรฐานของคนที่ควบคุมวีเออาร์ไม่มีเลยแม้แต่น้อย
ทำให้นับตั้งแต่มีการนำวีเออาร์มาใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว ทีมที่ถูก “ริบสกอร์” มากที่สุดคือ ลิเวอร์พูล ที่โดนไปถึง 11 ลูกด้วยกัน
โดยมี แอสตัน วิลล่า, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ท็อตแน่มฮ็อทสเปอร์ และวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส โดนทีมละ 6 ลูก
ทั้ง 11 ลูกที่ลิเวอร์พูล โดนริบไปนั้นเริ่มจากเกมแดงเดือด ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด 20 ตุลาคม 2019 ซึ่ง ซาดิโอ มาเน่ ถูกมาร์ติน แอตกินสัน กรรมการ และเดวิด คูต ที่ดูวีเออาร์จับว่าแฮนด์บอล ในจังหวะที่ชิงตัดหน้า วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ เข้าไปพังประตู ก่อนจบสกอร์ 1-1
จากนั้นก็เริ่มนับ 2, 3, 4 มาจนถึง 11 ลูกเข้าให้แล้ว!!!!
ครั้งที่ 2 ที่บุกไปพิชิต แอสตัน วิลล่า 2-1 เมื่อ 2 พฤศจิกายน 2019 โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ถูกยึดลูกยิงไปเนื่องจากผู้ตัดสินมองว่า “ล้ำหน้า” ซึ่งลูกนั้นเป็นที่มาของคำว่า “ล้ำแค่รักแร้”!!! จากการตัดสินของ จอห์น มอสส์
ครั้งที่ 3 เมื่อ 14 ธันวาคม 2019 ในเกมกับวัตฟอร์ด ประเด็นนี้ถูกพูดน้อยเพราะสกอร์จบ 2-0 ยังเป็น มาเน่ อีกเหมือนเดิมที่เกี่ยวข้องเพราะถูกจับล้ำหน้าจาก อันเดร มาร์ริเนอร์ ผู้ตัดสินสื่อสารกับ จอห์น มอสส์ ที่คุมวีเออาร์
ครั้งที่ 4 เมื่อ 19 มกราคม 2020 เกมแดงเดือด ที่เชือด แมนฯยูไนเต็ด 2-0 เคร็ก พาวสัน ผู้ตัดสิน กับ พอล เธียร์นี่ย์ คิดเหมือนกันที่ว่า เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค ไปฟาวล์ ดาบิด เด เคอา ก่อนที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ จะยิงเข้า
ครั้งที่ 5 เกมในซีซั่นนี้ที่กูดิสัน พาร์ค ที่เป็นเกมเดือดสุดจนพูดกันถึงปัจจุบัน เมื่อ 17 ตุลาคม 2020 เมื่อ เดวิด คูต ส่งสัญญาณจากห้องมายัง ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ให้ริบประตูชัยในช่วงทดเจ็บของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ทำให้เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน2-2 แถมยังเสีย เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค ที่เจ็บหนักไปจนถึงวันนี้ แต่ไม่มีการดูวีเออาร์จังหวะเจ็บแต่อย่างใด
ครั้งที่ 6 เมื่อ 24 ตุลาคม 2020 ชัยชนะเหนือ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-1 ลูกยิงของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ถูกเอาคืนมาจาก ไมค์ ดีน และ อันเดร มาร์ริเนอร์ ที่ยืนยันว่า ล้ำหน้าไปก่อน
ครั้งที่ 7 เมื่อ 31 ตุลาคม 2020 เกมชนะ เวสต์แฮม ที่แอนฟิลด์ 2-1 ซาดิโอ มาเน่ ถูก เควิน เฟรนด์ และคริส คาวานาฟ ที่คุมเครื่องริมสกอร์ของ ดีโอโก้ โชต้า โดยบอกว่า ซาดิโอ มาเน่ ฟาวล์ไปก่อน
ครั้งที่ 8 และครั้งที่ 9 โดนริบสกอร์ในเกมเดียวกัน นั่นคือ เจอกับ ไบรท์ตัน ที่เอแม็กซ์ สเตเดี้ยม ในจังหวะที่ทีมนำอยู่ 1-0 ลูกยิงของ โม ซาลาห์ ถูกริบว่าล้ำหน้า และลูกยิงของ ซาดิโอ มาเน่ ก็ถูกจับว่าล้ำเช่นกันจาก สจ๊วร์ต แอตต์เวลล์ ผู้ตัดสิน และ เควิน เฟรนด์ ที่คุมวีเออาร์
ครั้งที่ 10 เมื่อ 28 มกราคมที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล บุกชนะ สเปอร์ส 3-1 แต่ลูกยิงของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ถูกปฏิเสธจาก มาร์ติน แอตกินสัน กับ จอห์น มอสส์ ที่ว่ามีการแฮนด์บอลก่อนหน้านี้
หนนี้ครั้งที่ 11 พอล เทียร์นี่ย์ ผู้ตัดสิน ไม่ให้ประตูหลังจาก แอนดี้ เมดเล่ย์ ผู้คุมวีเออาร์ตีเส้นไป 2 มุมทั้งล้ำหน้า และแมตตี้ แคช ไม่โดนบอลก่อนถึง ดีโอโก้ โชต้า
สถิติไม่เคยหลอกใคร ไม่มีทีมไหนโดนมากกว่า “หงส์แดง”
อันนี้นับเฉพาะที่เป็นฝ่ายรุกเท่านั้น ไม่ได้นับที่วีเออาร์ที่โดนฝ่ายรับที่โดนไปหลายรอบเช่นเดียวกัน อาทิ แมทช์กับไบรท์ตัน ที่นอกจากโดนยึดคืนสองลูก ยังถูกวีเออาร์ชี้ให้เสียจุดโทษนาทีสุดท้ายจนเสียแต้ม
หรือจะเป็นเมื่อครั้งที่ คริส คาวานาห์ ผู้ตัดสินใช้เวลาแค่ไม่ถึง 5 วินาที ดูรีเพลย์ข้างสนามก็มอบจุดโทษให้ เอฟเวอร์ตัน ทันที
รวมถึงการตัดสินแบบ “ดับเบิ้ลสแตนดาร์ด” กับลูกฟรีคิก ปริศนาของ เจมส์ แมดดิสัน ว่า ที่ไม่ล้ำเพราะ “ขาใคร” ก่อนหงส์จะเสียสติจนพ่าย เลสเตอร์ ยับเยิน 1-3
ฉันใดก็ฉันนั้นต้องมีฉันเช้าฉันเพล….ลิเวอร์พูล เคยได้ประตูจากการดูวีเออาร์ว่า อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ “ไม่แฮนด์บอล” ก่อนที่ ฟาบินโญ่ จะยิงสุดสวยเบิกร่องก่อนชนะ แมนฯซิตี้ 3-1
วีเออาร์ เป็นสิ่งที่ไม่มีปัญหาจากที่อื่น แต่ด้วย “อีโก้” และความผิดพลาดของมนุษย์เอง หรือ human error ถูกมองว่าความไม่เป็นธรรมยังมีอยู่ต่อไป
สุดท้ายอุปกรณ์ที่ถูกสร้างจากมนุษย์เพื่อจะมาช่วยมนุษย์
ก็ถูกควบคุมด้วยมนุษย์อยู่ดี…………….
_____ บี แหลมสิงห์ _____