วันเสาร์ ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2564, 06.00 น.
การแข่งขันฟุตบอลลา ลีกา สเปน เกมแห่งศักดิ์ศรี “เอล กลาซิโก้”ที่มีเดิมพันคือการลุ้นแชมป์แดนกระทิงดุ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด เปิดสนามซ้อม อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ ดวลกับคู่ปรับตลอดกาล “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ในเวลา 02.00 น.
สถานการณ์ก่อนนัดนี้จะเริ่มต้นขึ้น สองทีมนี้กำลังเร่งเครื่องขึ้นมาทำให้การลุ้นแชมป์ลา ลีกา ลุกเป็นไฟ และมีโอกาสในการลุ้นแชมป์ถึง 3 ทีม หลังจากผ่านไป 29 นัด แอตเลติโก มาดริด ครองจ่าฝูงมี 66 แต้ม ตามมาด้วย บาร์เซโลน่า 65 แต้ม และเรอัลมาดริด 63 แต้ม
“ราชันชุดขาว” กำลังคึกหลังจากถล่ม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เกมนี้ยังไม่มี เซร์คิโอ้ รามอส ที่บาดเจ็บ ส่วนราฟาเอล วาราน ติดโควิด-19 ข่าวดีคือการได้ เอแดน อาซาร์ หายจากอาการบาดเจ็บกลับมาเป็นตัวเลือก แต่เชื่อว่า ซีเนอดีน ซีดาน ยังใช้แกนหลักชุดเดิมในแผน 4-3-3 คาเซมิโร่, ลูก้า โมดริช และโทนี่ โครส เป็นสามหัวใจหลักในแดนกลาง แนวรุกวาง มาร์โก อเซนซิโอ้ เล่นกับคาริม เบนเซม่าและวินิซิอุส จูเนียร์
ทางฝั่ง “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า รองจ่าฝูงที่ฟอร์มดีไม่แพ้กัน ชนะในลีกมา 3 เกมรวด หากเกม 3 คะแนนในเกมนี้จะแซง “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด ขึ้นจ่าฝูงแบบชั่วคราว นัดนี้ยังไม่มี เฟลิเป้ คูตินโญ่ และอันซู ฟาติ สองแนวรุกที่บาดเจ็บ ในรายของ เคราร์ด ปีเก้ น่าจะผ่านความฟิตลงเป็นตัวจริง โรนัลด์ คูมัน เล่นในระบบ 3-4-3 คู่มิดฟิลด์ใช้ เซร์คิโอ้ บุสเกสต์ เล่นกับดาวรุ่งอย่าง เปดรี้ สามประสานในเกมรุกมี อองตวน กรีซมันน์, ลีโอเนล เมสซี่และอุสมาน เดมเบเล่
11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม เรอัล มาดริด (4-3-3): ตีโบต์ กูร์กตัวส์, ลูคัส บาซเกซ, เอแดร์ มิลิเตา, นาโช่, แฟร์ลองด์เมนดี้, โทนี่ โครส, คาเซมิโร่, ลูก้า โมดริช, มาร์โก อเซนซิโอ้,คาริม เบนเซม่า และวินิซิอุส จูเนียร์
บาร์เซโลน่า (3-4-3): มาร์ค-อังเดร แตร์ สเตเก้น,เคราร์ด ปีเก้, เคลมองต์ ลองเลต์, แฟร้งกี้ เดอ ยองก์, แซร์จิโอ้ เดสต์, เซร์คิโอ้ บุสเกสต์, เปดรี้, ฆอร์ดี้ อัลบา, อองตวน กรีซมันน์, ลีโอเนล เมสซี่ และอุสมาน เดมเบเล่
สถิติการพบกันของทั้งสองทีมนับ 5 เกมหลังสุด ถือว่าสูสีกันเป็นอย่างมากผลัดกันชนะฝั่งล่ะ 2 ครั้ง และเสมอไป 1 ครั้ง ส่วนเกมแรกที่พบกันในซีซั่นนี้ เรอัล มาดริด บุกทุบถึงคัมป์ นู 3-1 ขณะที่สถิติการพบกันตลอดกาล 278 นัด เรอัล มาดริด เป็นรองด้วยการชนะ 101 นัด บาร์ซ่า ชนะ 115 และเสมอกัน 52
ทางด้านศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกมประเดิมสนามเวลา 18.30 น.“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดสนามเจอกับ “ยูงทอง”ลีดส์ ยูไนเต็ด โดยที่ ซิตี้ เข้าใกล้การคว้าแชมป์ในทุกขณะ เกมล่าสุดเอาชนะ ดอร์ทมุนด์ ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2-1 เกมนี้ เป๊บกวาร์ดิโอล่า ไม่มีปัญหาในการจัดทัพ เพราะผู้เล่นแกนหลักไม่มีใครบาดเจ็บหรือติดโทษแบน คาดว่าอาจจะมีโรเตชั่นหลายตำแหน่ง อายเมริค ลาปอร์ก, เบนฌาแม็ง เมนดี้, แฟร์นานดินโญ่, กาเบรียล เฮซุส และเซร์คิโอ้ กุน อเกวโร่ ที่ได้พักมาจากกลางสัปดาห์น่าจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริง ทำให้ เควิน เดอ บรอยน์, ริยาด มาห์เรซ และฟิล โฟเด้น จะได้พัก
ทีมเยือน “ยูงทอง” ที่ลอยตัวไม่มีลุ้นอะไรแล้ว เกมนี้ไม่มี แจ็ค แฮร์ริสัน ริมเส้นตัวจี๊ดที่ลงไม่ได้เพราะเจอต้นสังกัดที่แท้จริง ทำให้โอกาสจะตกเป็นของ เอลแดร์ คอสต้า ที่จะได้เล่นแทน นอกนั้นถือว่าไม่มีปัญหาอะไร โรบิน ค็อค แนวรับอินทรีเหล็ก หายเจ็บกลับมาซ้อมได้แล้ว แต่เชื่อว่าน่าจะเข้าสู่กระบวนการเรียกความฟิตไปก่อน โดยมาร์เซโล่ บิเอลซ่า ยังยึดระบบการเล่นเกม 4-4-1-1 เคลวิน ฟิลิปป์ส คุมแดนกลางร่วมกับสจ๊วร์ต ดัลลาส แนวรุกฝากความหวังไว้ที่ ราฟินญ่า, ไทเลอร์ โรเบิร์ตส และแพทริค แบมฟอร์ด
11 นักเตะที่คาดว่าจะสนาม แมนฯซิตี้ (4-3-3): เอแดร์ซอน, ไคล์ วอล์คเกอร์, รูเบน ดิอาส, อายเมริค ลาปอร์ก,เบนฌาแม็ง เมนดี้, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, แฟร์นานดินโญ่, อิลคาย กุนโดกัน, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, เซร์คิโอ้ กุน อเกวโร่ และกาเบรียล เฮซุส
ลีดส์ (4-4-1-1): อิลลาน เมสซิเยร์, ลุค อายลิ่ง, ดีเอโก้ ญอเรนเต้, เลียม คูเปอร์, เอซยาน อลีออสกี้, เอลแดร์ คอสต้า, เคลวิน ฟิลิปป์ส, สจ๊วร์ต ดัลลาส, ราฟินญ่า, ไทเลอร์ โรเบิร์ตส และแพทริค แบมฟอร์ด
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม แมนฯซิตี้ เหนือกว่าเอาชนะได้ 2 เสมอ 2 และลีดส์ฯ ชนะ 1 ส่วนการดวลกันในซีซั่นนี้ที่เอลแลนด์ โรด เสมอกันไป 1-1
อีกคู่ที่สนามแอนฟิลด์ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล รอล้างแค้น “สิงห์เผ่นมิดแลนด์” แอสตัน วิลล่า เวลา 21.00 น. หลังจากนัดแรกที่เจอกันนั้น วิลล่า ยำหงส์แหลกละเอียด 7-2 โดยที่ “หงส์แดง” ที่โดน เรอัล มาดริด ยำมา 3-1 ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เลกแรก เกมนี้ไม่มี โฌแอล มาติ๊ป, เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, โจ โกเมซ และจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ยังเดี้ยงทั้งหมด นอกนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คาดว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ น่าจะเปลี่ยนทีมจากนัดที่ผ่านมาพอสมควร ส่วนแดนกลางวาง เจมส์ มิลเนอร์ เล่นร่วมกับ ธีอาโก้อัลคันทาร่า และฟาบินโญ่ ส่วนแนวรุกอาจจะพัก ซาดิโอ มาเน่ และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ใช้ เซอร์ดาน ชากิรี่,โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และดิโอโก้ โชต้า เป็นสามประสาน
ทีมเยือน “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า ที่ได้พักมาเต็มๆ และยังมีลุ้นโควตาบอลยุโรป เกมนี้รอเช็คความฟิตของ แจ๊ค กรีลิชเพลย์เมกเกอร์คนสำคัญที่หายเจ็บกลับมาซ้อมตั้งแต่วีกที่แล้ว แต่ ดีน สมิธ ยังไม่เสี่ยงใช้งาน นอกนั้นถือว่าไม่มีปัญหาอะไร ยึดระบบ 4-2-3-1 ดั๊กลาส ลุยซ์ คุมแดนกลางร่วมกับ มอร์กกานซ็องซง แนวรุกมี แบร์กตรองด์ ตราโอเร่, จอห์น แม็คกินน์, มาห์มู้ดเทรเซเกต์ และโอลลี่ วัตกิ้นส์
อีกคู่เป็นเกมดาร์บี้แมทช์ กรุงลอนดอน “อินทรีผงาด” คริสตัล พาเลซ เจอกับ “สิงห์บลูส์” เชลซี เวลา 23.30 น. โดยเจ้าถิ่นอันดับ 12 ของตารางสถานการณ์ค่อนข้างปลอดภัยจากโซนอันตราย เกมล่าสุดบุกเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 1-1 นัดนี้หมดสิทธิ์ใช้งานมิตชี่ บัตซัวยี่ เพราะเจอต้นสังกัดที่แท้จริง ส่วนตัวเจ็บมี มามาดูซาโก้ และเวย์น เฮนเนสซี่ นอกนั้นเช็คความฟิตบางราย คาดว่า รอย ฮอดจ์สัน ใช้แผนเดิม 4-4-2 นำโดยแกนหลักอย่าง จอร์แดน อายิว, ลูก้า มิลิโวเยวิช, ไคโร ริเดวัลด์, เอเบเรซี่ เอเซ่, คริสติยง เบนเตเก้ และวีลฟรีด ซาฮา
ทีมเยือน “สิงห์บลูส์” บุกไปเอาชนะ เอฟซี ปอร์โต้ มา 2-0 ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก นัดนี้ไม่มี ติอาโก้ ซิลวา แนวรับตัวเก๋าที่ถูกไล่ออกจากเกมพ่าย เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 5-2 ที่เหลือไม่มีปัญหาอะไรลงได้หมด เชื่อว่า โธมัส ทูเคิ่ล จะโรเตชั่นทีมตามความเหมาะสมเน้นความสดไว้ก่อน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่หายเจ็บจะกลับมาคุมแดนกลางร่วมกับ มัตเตโอ โควาซิซ แนวรุกมี เมสัน เม้าท์ เล่นกับ ฮาคิม ซีเย็ค โดยมี โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นหน้าเป้า