อยากเข้ารอบต้องปรับด่วน ! 4 จุดสำคัญที่ ลิเวอร์พูล ต้องแก้ไขเกมรับมือ เรอัล มาดริด

สถานการณ์ในการลุ้นเข้ารอบรองชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของ ลิเวอร์พูล อยู่ในขั้นที่เรียกว่า “หลังพิงฝา” เพราะการแพ้ เรอัล มาดริด 1-3 ในเกมเลกแรก ทำให้งานของ “หงส์แดง” ยากลำบากเหลือเกินในการรับมือพวกเขาที่แอนฟิลด์ สัปดาห์หน้า

 เจอร์เก้น คล็อปป์ จำเป็นต้องทำการบ้านอย่างหนักในการแก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นในเกมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เพราะมีหลายจุดที่เขาจำเป็นต้องกลับไปขบคิดเพื่อหาทางแก้เป็นการด่วน ไม่อย่างนั้นคงต้องยุติเส้นทางการลุ้นโทรฟี่ “บิ๊กเอียร์” เอาไว้แค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย 

ฟาบินโญ่-ติอาโก้ ต้องลงตัวจริง

 สำหรับตอนนี้ปัญหาเรื่องการเลือกผู้เล่นลงสนามในตำแหน่งกองกลางกับกองหลังเป็นสิ่งที่ คล็อปป์ ต้องปวดหัวอย่างมาก เพราะเขาแทบไม่เหลือตัวเลือกชั้นดีที่จะใช้งานเลย โดยเฉพาะตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กที่ในเวลานี้ไม่มีแข้งระดับโลกคอยทำหน้าที่คุมแนวรับให้กับทีม

 ก่อนหน้านี้ คล็อปป์ จำเป็นต้องมีการสับเปลี่ยนตำแหน่งกองหลังด้วยการใช้งาน ฟาบินโญ่ ทำหน้าที่เป็นเซนเตอร์แบ็กตัวหลัก แต่ตอนนี้นายใหญ่ชาวเยอรมัน ตัดสินใจให้เขากลับไปยืนในตำแหน่งมิดฟิลด์ที่ถนัดและผลงานของ “หงส์แดง” ก็มีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

 ฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่ คล็อปป์ จะจับ ฟาบินโญ่ กลับไปยืนเป็นปราการหลังตัวกลางอีกครั้ง นั่นหมายความว่า “เดอะ เร้ดส์” คงจะเลือกเชื่อใจ โอซาน คาบัค กับ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ ทำหน้าที่เป็นคู่เซนเตอร์แบ็กต่อไป แม้การเยือน เรอัล มาดริด ทั้งสองคนจะไม่สามารถรับมือกับแข้งระดับโลกของ “ราชันชุดขาว” ได้เลย

 สำหรับแผงกลางที่น่าจะได้ลงสนามก็คือ ติอาโก้ อัลกันตาร่า  ซึ่งเกมแรกโดนดร็อปเป็นตัวสำรองในเลกแรก แต่สำหรับแมตช์รีเทิร์นที่แอนฟิลด์ คล็อปป์ คงต้องการจับ ดาวเตะชาวสแปนิช ลงตัวจริงร่วมกับ ฟาบินโญ่ เพราะประสบการณ์ของเขาน่าจะช่วยทีมได้มาก และการได้ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าแผงแบ็กโฟร์ คงทำให้เกมรับค่อนข้างเหนียวแน่นมากขึ้น

 

ฟีร์มีโน่คืนตัวหลักแนวรุก

 หนึ่งในสิ่งที่ คล็อปป์ ต้องกล้าทำในแมตช์รับมือ เรอัล มาดริด ก็คือกล้าใช้งาน “แฟบโฟร์” ได้แก่ ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ดีโอโก้ โชต้า ลงสนามพร้อมกัน เพราะโจทย์หลักของทีมก็คือต้องยิงประตูอย่างน้อย 2-0 เพื่อเข้ารอบรองชนะเลิศ

 แน่นอนว่าการใช้งาน 4 ประสานลงสนามพร้อมกันย่อมเป็นเรื่องที่เสี่ยง เพราะหากเกมรับไม่แข็งแกร่งก็มีสิทธิ์ที่จะโดนยิงประตู และหากทัพ “หงส์แดง” เสียประตูเมื่อไหร่ โอกาสที่จะได้ผ่านเข้ารอบต่อไปแทบจะริบหรี่ไปเลย

 ฉะนั้นการเสี่ยงใช้งาน “แฟบโฟร์” ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญก็คือ คล็อปป์ ต้องเคี่ยวกรำแผงมิดฟิลด์ และแบ็กโฟร์ให้มีสภาพความฟิตที่เกินร้อย เพราะพวกเขาต้องทำงานเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เพื่อรับประกันไม่ให้เกมสวนกลับของ “โลส บลังโกส” เข้ามาสร้างปัญหาให้กับ อลีสซง เบ็คเกอร์ เด็ดขาด

 ที่สำคัญการที่ นายใหญ่เลือดด๊อยท์ช ต้องตัดสินใจจับแนวรุกทั้ง 4 คนลงเล่นพร้อมกันเพื่อสร้างความแตกต่าง และทางเลือกที่หลากหลายในการโจมตี เพราะหากยังใช้มุกเดิมๆ ก็คงยากจะผ่านแบ็กโฟร์ของ เรอัล มาดริด 

 จริงๆ แล้ว มาเน่, ซาลาห์, ฟีร์มีโน่ และ โชต้า เป็นนักเตะที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูงมาก และในจังหวะที่ดวลกันแบบตัวต่อตัวพวกเขามีโอกาสที่จะเอาชนะแผงหลัง เรอัล ได้สบายๆ แต่ประเด็นสำคัญก็คือการประสานของทั้งสี่คนต้องเข้าขากัน ไม่อย่างนั้นจากที่ทีมจะได้ประโยชน์จะกลายเป็นเสียจังหวะการเล่นไปเปล่าๆ

 การเสี่ยงในครั้งนี้ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่ คล็อปป์ จำเป็นต้องทำจริงๆ เพราะหาก “หงส์แดง” ได้ประตูขึ้นนำเร็ว งานนี้สาวก “เดอะ ค็อป” มีโอกาสที่จะได้เห็นความมหัศจรรย์เหมือนกับเกมที่พวกเขาพลิกนรกชนะ บาร์เซโลน่า เมื่อซีซั่น 2018/2019 ก็ได้ 

 

เทรนต์-โรเบิร์ตสัน ต้องคืนฟอร์มด่วน

 นี่คือสิ่งที่แฟนบอลลิเวอร์พูล ต้องการอย่างมาก เพราะความสำเร็จในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาของ “เดอะ เร้ดส์” ส่วนหนึ่งมาจากการผ่านบอลอย่างเฉียบคมจากริมเส้น ฉะนั้นหากตำแหน่งฟูลแบ็กไม่มีประสิทธิภาพโอกาสที่จะฟื้นคืนชีพก็ค่อนข้างยากลำบาก

 ช่วงที่ผ่านมา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน มีปัญหาในการเปิดบอลจากด้านข้างสนาม โดยพวกเขาไม่สามารถวางบอลได้อย่างแม่นยำเหมือนที่เคยทำ ซึ่งต้องยอมรับว่าทั้งสองคนกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มตกจริงๆ

 ในรายของ โรเบิร์ตสัน แม้ฟอร์มการเติมเกมบุกจะต่ำกว่ามาตรฐานไปบ้าง แต่การเล่นเกมรับยังคงไว้วางใจได้ในระดับหนึ่ง สวนทางกับ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ผลงานย่ำแย่ในเกมรุก และเกมรับต้องบอกเลยว่าเข้าขั้นเลวร้ายจนถึงขั้นนรกแตกเลยทีเดียว

 แบ็กขวาชาวอังกฤษ ต้องห้ามทำผิดพลาดอย่างที่เกิดขึ้นในเกมเลกแรกซึ่งนำไปสู่การเสียประตูที่สองอย่างเด็ดขาด และนี่คือจุดที่ คล็อปป์ ต้องเน้นย้ำ “เทรนต์” อย่างมาก ที่สำคัญหากเจ้าตัวพยายามเติมเกมรุก ก็ต้องพร้อมที่จะกลับมาประจำการเกมรับด้วย เนื่องจากเกมบุกของ เรอัล มาดริด มีความอันตรายอย่างมากในการเล่นสวนกลับ

 

มิลเนอร์ มดงานที่ต้องการ

 หากเปรียบเทียบศักยภาพในแดนกลางของ ลิเวอร์พูล กับ เรอัล มาดริด แน่นอนว่า “หงส์แดง” เป็นรองหลายขุม และนี่คือหนึ่งในจุดสำคัญที่ทำให้ “ราชันชุดขาว” บดขยี้แชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา จนหมดสภาพ

 โทนี่ โครส, คาเซมิโร่ และ ลูกา โมดริช เหนือชั้นกว่า ฟาบินโญ่, นาบี เกอิต้า และ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม แม้ คล็อปป์ จะถอด เกอิต้า ออกตั้งแต่ครึ่งแรก และส่ง ติอาโก้ ลงสนาม ก็ยังไม่สามารถสู้กับความยอดเยี่ยมของสามประสาน “โลส บลังโกส”

 เหตุผลสำคัญที่ทำให้แดนกลางของ ลิเวอร์พูล เป็นรอง “ราชันชุดขาว” เพราะพวกเขาขาด “มดงาน” ที่วิ่งพล่านไม่หยุดในการเติมเกมรุก ช่วยเกมรับ และคอยเชื่อมเกม ฉะนั้นนี่คือสิ่งที่ คล็อปป์ ต้องภาวนาให้ มิลเนอร์ ฟิตสมบูรณ์ในเกมเลกสอง เพื่อจะได้ส่งเขาลงสนาม

 หากเกมที่ แอนฟิลด์ “เดอะ เร้ดส์” มี มิลเนอร์, ติอาโก้ และ ฟาบินโญ่ ช่วยกันปั้นเกมน่าจะทำให้ทีมมีมิติในแดนกลางมากขึ้น แม้เรื่องเทคนิคของ มิลเนอร์ อาจจะไม่ได้โดดเด่นเท่ากับ ไวจ์นัลดุม แต่เรื่องความขยันและการวิ่งแบบไม่มีหมด น่าจะช่วยทีมได้มากกว่า

 

    ทอมเม้ง