ชุดขาวเข็น’โครส-อาซาร์’ดวลหงส์ เรือสุดปึ้กรอหักเขี้ยวเสือบอลแชมเปี้ยนส์ลีก

วันอังคาร ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2564, 06.00 น.

การแข่งขันฟุตบอลชิงเจ้าทวีปยุโรป “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก” เดินทางมาถึงรอบ 8 ทีม นัดแรก คืนวันอังคารนี้เวลา 02.00 น. “ราชันชุดขาว”เรอัล มาดริด แชมป์ 13 สมัย เปิดรังดวลกับ“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี แชมป์ 6 สมัย รีแมทช์นัดชิงปี 1981 และ 2018

เจ้าถิ่น “ราชันชุดขาว” ที่ยังคงต้องใช้เอสตาดิโอ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ เป็นรังเหย้าต่อไป ความพร้อมเกมนี้ไม่มี เซร์คิโอ้ รามอส แนวรับกัปตันทีมที่บาดเจ็บ เช่นเดียวกันกับ ดานี่ การ์บาฆาลและเฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ที่มีอาการบาดเจ็บทั้งหมด แต่มีข่าวดีเมื่อ โทนี่ โครส ที่บาดเจ็บจากการไปรับใช้ทีมชาติเยอรมนีมีแนวโน้มว่าจะผ่านความฟิตลงเล่นในเกมนี้ รวมไปถึง เอแด็น อาซาร์ดาวดังทีมชาติเบลเยียม ที่อาจจะเซอร์ไพรส์ลงเล่นได้เช่นเดียวกัน ส่วนที่เหลือพร้อมเล่นทั้ง ลูก้าโมดริช, คาเซมิโร่ และ คาริม เบนเซม่า

ทีมเยือน “หงส์แดง” เรียกความมั่นใจกลับมาหลังจากบุกไปเอาชนะ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล มาได้3-0 ในเกมลีกเมื่อสุปดาห์ที่ผ่านมา นัดนี้ยังมีปัญหาเกี่ยวกับผู้เล่นบาดเจ็บ ไล่ตั้งแต่ เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค,โจ โกเมซ, โฌเอล มาติ๊ป และจอร์แดน เฮนเดอร์สันคาดว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ อาจจะเลือกปรับทัพบางตำแหน่ง จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม ที่ได้พักจะกลับมาเป็นตัวจริงในแผงกลางเล่นร่วมกับ ฟาบินโญ่ และธิอาโก้ อัลคันทาร่า แนวรุก ดิโอโก้ โชต้า ที่ลงสำรองทำสองประตูฟอร์มกำลังเข้าตา มีโอกาสเบียด โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ลงประสานงานกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์และซาดิโอ มาเน่

สถิติการพบกันทั้งสองทีม 5 ครั้งหลังสุด ไม่เคยจบด้วยผลเสมอเลย โดย เรอัล มาดริด เอาชนะได้ 3 ครั้ง และลิเวอร์พูล ชนะ 2 ครั้ง ซึ่งการเจอกันหนล่าสุดคือเกมนัดชิงชนะเลิศรายการนี้เมื่อปี 2018 วันนั้น “ชุดขาว” ชนะไปได้ 3-1 และคว้าแชมป์สมัยที่13 ไปครอง

อีกคู่ “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เล่นในเอติฮัดสเตเดี้ยม พบกับ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ โดยเจ้าบ้านที่กำลังมั่นใจล่าสุดบุกเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ในพรีเมียร์ลีก มาได้ 2-0 เกมนี้ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า ไม่มีอะไรให้ต้องหนักใจ เพราะไม่มีรายงานนักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบน ไม่รู้ว่าทำบุญมาด้วยอะไร ทำให้เขาสามารถจัดทีมได้แบบเต็มสูบ ซึ่งคาดว่าจะปรับโฉมจากเกมลีกหันมาใช้ระบบฟอลส์ไนน์อีกครั้งในแผน 4-3-3 ตัวที่ได้พักอย่าง จอห์น สโตนส์,ชูเอา กานเซโล่, โอเล็คซานเดอร์ ชินเชนโก้,อิลคาย กุนโดกัน, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และฟิล โฟเด้น จะคืนตัวจริงทั้งหมด

ทีมเยือน “เสือเหลือง สถานการณ์ย่ำแย่พ่ายคารังให้กับ แฟร้งค์เฟิร์ต มาในเกมลีก ทำให้การลุ้นโควตาบอลยุโรปยากลำบากแล้ว บวกกับดาวยิงความหวังสูงสุดอย่าง เออร์ริ่ง เบราท์-ฮาลันด์คลำเป้าไม่เจอ แต่เกมนี้ที่เล่นไม่ได้คือ จาดอน ซานโช่ และ อักเซล วิตเซล ที่บาดเจ็บ น่าแปลกใจที่ช่วงหลังหันมาใช้ เอ็มเร่ ชาน เป็นแบ๊คขวาทั้งที่มี โธมัส มูนิเยร์อยู่ ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ไม่มีปัญหาอะไร มาร์โก รอยส์,ธอร์ก็อง อาซาร์ และเออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เป็นตัวความหวังในเกมรุก

สถิติการพบกันทั้งสองทีม 5 ครั้งหลังสุดเป็น ดอร์ทมุนด์ ที่ทำได้ดีดว่าเอาชนะได้ 3 เสมอ 1 และ แมนฯซิตี้ ชนะ 1 การเจอกันหนล่าสุดย้อนไปในปี 2018 เป็นบอลอุ่นเครื่อง ไอซีซี คัพ “เสือเหลือง” เฉือน 1-0