สัมผัสโลกชาวนาวี

งานวิทยาศาสตร์และบันเทิงถูกพิสูจน์มาอย่างมากมายและไร้ข้อกังขาว่าการผสานรวมศาสตร์ทั้งคู่เข้าด้วยกันโดยเติมแต่งจินตนาการอันลึกล้ำก็จะยิ่งทำให้ผลงานชิ้นนั้นคุ้มค่าแก่การรับชมและประทับในใจไปนานแสนนาน ดังเช่นภาพยนตร์เรื่อง “อวตาร” (Avatar) กำกับโดย เจมส์ คาเมรอน ที่นำพาผู้ชมไปเยือน “แพนดอรา” (Pandora) ดวงจันทร์นอกระบบสุริยะที่สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้คล้ายโลก โคจรอยู่ในระบบดาว อัลฟา เซนทอรี (Alpha Centauri) ที่อยู่ใกล้ระบบสุริยะของเรามากที่สุด

“แพนดอรา” ถูกอธิบายว่าเป็นดวงจันทร์ บริวารของดาวก๊าซยักษ์ “โพลีฟีมัส” (Poly phemus) ในระบบดาวอัลฟา เซนทอรี โพลีฟีมัสมีจันทร์บริวารอีก 13 ดวง ความที่แพนดอรามีแรงโน้มถ่วงน้อยกว่าโลกถึง 20% ดังนั้น สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่จึงเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ส่วนตัวละครสำคัญ “ชาวนาวี” (Na’vi) แม้จะคล้ายมนุษย์มี 2 ขา แต่กลับเหินทะยานไปในอากาศและดำดิ่งสู่ท้องทะเลได้ บรรดาสัตว์ในแพนดอรานอกจากรูปร่างประหลาดแล้วก็มีคุณสมบัติเรืองแสงได้ด้วย เทียบช่วงกลางวันบนแพนดอราก็ไม่ต่างจากดินแดนเขียวขจีบนโลก ทว่าตกกลางคืนปุ๊บสิ่งมีชีวิตเกือบทั้งหมดบนดาวจะเฉิดฉายเรืองแสงในเฉดสีฟ้า ม่วง เขียว ฯลฯ ผิวสีน้ำเงินและการออกแบบ รูปลักษณ์ของชาวนาวีก็ดูน่าตื่นตะลึงและบทก็เผยให้ผู้ชมรู้ว่าพวกเขาพรางตัวได้ดีในยามค่ำคืน

ด้วยแนวคิดสุดล้ำและเทคนิคตระการตาใน “อวตาร” ภาคแรก ปี 2552 ส่งให้หนังกวาดรายได้มหาศาลในระดับปรากฏการณ์ ผู้ชมต่างรอคอยเมื่อคาเมรอนประกาศว่าจะทำภาค 2 ซึ่งตอนนี้ก็สมหวังแล้วหลังรอมานานถึง 13 ปี ในสัปดาห์นี้ถือเป็นการครองพื้นที่ของ “Avatar: The Way of Water” หรือ “อวตาร : วิถีแห่งสายน้ำ” ก็ว่าได้ ให้สมกับการเป็นหนังที่รอกันมากว่าทศวรรษ และหากใครได้แวะไปสิงคโปร์ในช่วงนี้ก็อย่าพลาดเข้าไปชมนิทรรศการ Avatar : The Experience ที่ เนรมิต คลาวด์ ฟอเรสต์ ใน การ์เดนส์ บาย เดอะ เบย์ ให้เป็นแพนดอรา จัดเต็มแสงสีเสียงจุใจ 5 โซน แถมมอบโอกาสให้เข้าเครื่องลองใช้เทคโนโลยีแปลงร่างเป็นชาวนาวีพร้อมเก็บภาพที่ระลึกกลับบ้านได้ด้วย ซึ่งค่าย ดิสนีย์ ได้ชวนผู้เขียนไปเปิดประสบการณ์ท่องแดนแพนดอรามาหมาดๆ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา…ส่วน “อวตาร 2” ใครที่รออยู่เชื่อว่าอิ่มตาแน่นอนกับความยาวมากกว่า 3 ชม.

ภัค เศารยะ