จบที่ตรงไหน….หงส์แดง


จบที่ตรงไหน....หงส์แดง

ถึงจุดนี้ของฤดูกาล…คำถามถึง “แชมป์เก่า” มีอยู่ว่า…

จะจบอันดับที่เท่าไหร่กันแน่

หลุดทอปโฟร์มั้ย….หรือไปถึงรองแชมป์ได้

ก่อนเข้าเรื่องขอแสดงความเสียใจกับ เจอร์เก้น คลอปป์

เขาสูญเสียคุณแม่ เอลิซาเบธ ในวัย 81 ปี

น่าเศร้ากว่าคือเขาบินเข้าเยอรมันร่วมงานไม่ได้ เพราะโควิด 

RIP …..

เอาละครับ ว่าตามทฤษฏีแต้มสูงสุดหงส์แดงคือ 85 

อันนี้ต้องชนะรวดใน 15 นัดนับจากนี้

ว่าตามทางปฏิบัติ ไม่มีใครเชื่อว่าจะทำได้

มีการประเมินกันว่าแต้มหงส์จะอยู่แถวๆ 80 ลงมา

แต้มขนาดนี้ไม่รู้ว่าได้ที่เท่าไหร่ มันขึ้นกับ แมนฯยูฯ, เลสเตอร์ 

บรรดาทีมที่ไล่ตามมาข้างหลังอีกด้วย

ถ้าเอาแต้มปีก่อนมาเทียบ

แมนฯซิตี้ 81

แมนฯยูฯ 66

เชลซี  66

สามทีมไปแชมเปี้ยนส์ ลีกด้วยแต้มระหว่าง 66-81

“หงส์แดง” มีโอกาสจบได้ทั้งรองแชมป์, ที่สาม, ที่สี่

แย่กว่านั้นก็หลุดพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก

อืมมม…..มันชวนให้คิดได้เหมือนกัน ถ้าเร่งไม่ขึ้น

ทำไมจากแชมป์เก่าที่ฟอร์มสุดยอดปีก่อนถึงร่วงลงมาแบบนี้

ถึงขั้น รอย คีน วิจารณ์ “bad champions”

ช่วงนี้ไปเถียงกับเขาก็ฟังไม่ขึ้น ข้อกล่าวหาแรงจริง

แต่ก็เป็นความจริง เพราะทีมแชมป์มาตรฐานไม่ควรตกขนาดนี้

ก่อนเปิดซีซั่นนี้ ผมมองว่าลิเวอร์พูลน่าจะทำแต้มน้อยกว่าเดิม

บวกลบให้ที่ 10 คะแนน นั่นคือ ประมาณ 89-99

จะว่าไปเทียบกันในช่วงเวลานี้ 23 นัดปีก่อนคือ ชนะ 22 เสมอ 1

67 แต้มที่ถูกมองว่ากำลังรอฉลองแชมป์เพราะทิ้งอันดับสองไกลลิบ

ปีนี้ 40แต้มจาก 23 นัด …แต้มหายไป 27 มากกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก

ถ้าอย่างที่ผมคิดจะประมาณ 57 ในเวลาเดียวกันนี้ 

นั่นก็คือ “จ่าฝูง” การป้องกันแชมป์มีวี่แววที่สดใส

แต่เมื่อมันไม่ใช่ และเด็กหงส์ทำใจ แถมวิตกกังวลว่าจะแย่กว่าที่คิด

ถ้ายังไม่สามารถไล่เก็บแต้มแบบต่อเนื่อง 

หลุดทอปโฟร์ ได้ง่ายๆ

แน่นอน…ทีมชุดนี้ยังดี มีคุณภาพ 

แต่…ปัญหาที่รุมเร้าตั้งแต่นัดที่ 5 ของฤดูกาล ค่อยๆส่งผล

ระยะสั้นพอแก้ไขได้ เพราะระยะยาว ปัญหาอื่นมารุมเร้า

ตัวเจ็บเพิ่ม, ตัวหลักสลับกันฟอร์มตก

หลังก่อนแล้วค่อยไปกองหน้า…

คู่แข่ง “จับทาง” ได้ จนผ่านครึ่งทาง…

เจเค ยอมรับว่านักเตะหงส์ตอนนี้ “ตื้อไปหมด”  tired mentality

สภาพจิตใจดูล้า…แน่นอน มันต้องเป็นผลมาจากร่างกายอยู่แล้ว

ถ้าอาการออกแบบนี้…น่ากลัวนะครับ 

มันจะเร่งไม่ขึ้น…อย่างที่ต้องการ 

ด้วยสไตล์ลิเวอร์พูล ดุดัน ลุยไปข้างหน้า

หากพลังที่มีนั้นอ่อนล้าโรยแรง…มันเร่งขึ้นยากครับ

คำถามคือปัญหามันอยู่ตรงไหนและแก้ยังไงดี

1  FSG…รับผิดชอบมั้ย..

เฮนรี วินเทอร์ คอลัมนิสต์เดอะไทมส์ ชี้ว่า นายทุนไม่ช่วย คลอปป์

เฮนรี บอกว่า สองนักเตะที่ได้มาวันสุดท้ายคือ “แก้ขัด” 

และเป็นการลงทุนระยะสั้น ซื้อแบบเสียมิได้ เพราะทีมขาดกองหลังตำแหน่ง CB

เขาสรุปว่า FSG มีมุมที่ตัดสินใจพลาดหลายเรื่องเหมือนกัน

เคยขอขึ้นค่าตั๋ว…โดนแฟนประท้วง หยุดไป

พักงานลูกจ้างสโมสรช่วงโควิด…โดนแฟนและสื่อวิจารณ์ยับ

ก็ต้องเบรกหัวคะมำ ..ขอโทษขอโพยแฟนบอล

ที่น่าสนใจคือ….FSG จะลงทุนน้อยหลังได้แชมป์

ปีที่แล้วได้แชมป์ก็ไม่ได้ซื้อนักเตะมาเติม

ปีก่อนหลังแชมป์ช.ป.ล. ก็ไม่ได้ซื้อนักเตะมาเติมแบบเจ๋งๆ

ข้อนี้ก็น่าเห็นใจ  FSG ในแง่ของโควิดและธุรกิจฟุตบอลที่ประสบปัญหา

ดังนั้นถ้าป้องกันแชมป์ไม่ได้ ก็ว่าพวกเขาไม่ได้เต็มปาก

ข้อนี้ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับ เฮนรี เท่าไหร่

ไม่ใช่ปกป้อง  FSG แต่มันคือช่วงเวลาที่ไม่ปกติ…จะทำไงได้

คิดดูขนาดได้ ดีโอโก โชต้า มาเติม…ก็ดันมาเจ็บซะอีก ติอาโก้ เอามาเพื่อยืนกลาง ก็ใช้งานไม่ได้ มากนัก พึ่งได้ใช้สักพัก

พวกที่มีอยู่ ก็เจ็บ ออดๆแอดๆ 

บางเดือน ยอดคนป่วย 8-9 คน!!!

ทีมรักษาสมดุลยากอยู่ 

มันเหมือนช่วงพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก 

มันคือความซวยของทีมในปีนี้ ที่ไม่มีชุดนักเตะตัวหลักๆใช้งานแบบต่อเนื่อง

2 ก็สมควรล้าอยู่นะ

ข้อหนึ่งต้องยอมรับว่าท้ายที่สุดแล้วลิเวอร์พูลได้แชมป์ยุโรป 

ต่อด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก ด้วยชุดนักเตะ 11+3 ไม่ใช่ 17-18 คน

คงเห็นภาพนะครับว่าตัวสำรองไม่อาจทดแทนอะไรได้

เมื่อต้องใช้ตัวหลักๆ โดยเฉพาะแดนหน้าสามคนนั้น…

มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะยืนระยะเล่นกันสามปีติดแบบนี้

หากดูวิธีการเล่นบอลที่ใช้พลังอย่างมากของ คลอปป์

มันก็ต้องล้าและตื้ออยู่ละครับ

ฟานไดจ์ ที่มีสถิติเล่นทุกนาทีเมื่อปีที่แล้ว 3,420 นาที

จากนั้นเล่นต่อเนื่องมาจนก่อนเจ็บเมื่อ ต.ค.ที่ผ่านมา

รวมแล้วตั้งแต่เขาลงสนามเฉพาะพรีเมียร์ลีกละกันครับ

เริ่มคิดซีซั่น 2018-19 พอครับ 

ฟานไดจ์ ลงสนาม 38+38+5 ในสามฤดูกาล…7,176 นาที

สองปีเต็มๆที่ ฟานไดจ์ เล่นแบบแทบไม่เปลี่ยนตัว

การบาดเจ็บของเขาล่าสุด เหมือนไม่หนักเพราะยังเดินออกจากสนามได้

แต่ภายในนั้น…อย่างที่เห็นวันนี้พักยาวโอกาสกลับมาในซีซั่นนี้ มีน้อยมากหรือไม่มี

แล้วหากเราดู “แกนหลัก” ทั้ง 11 คนที่ใช้มาตลอดตั้งแต่ปี 2018 นะครับ

พวกเขาเหล่านี้ลงสนามตั้งแต่ 20-38 นัด และมีจำนวนนาทีเกิน 5,000 นาที10 คน

ให้ทายเล่นๆว่าในสองฤดูกาลกับอีก 23 นัดปีนี้ ใครลงสนามเยอะสุด….

อ่านไปเดี๋ยวทราบเองครับ…

ทั้ง 11 คนที่ เจเค ใช้ในสองซีซั่น+23 นัด ปีนี้ มี…

อ.เบคเกอร์, เทร้นต์, ฟานไดจ์, รอบโบ, ฟาบินโญ, จีนี, เฮนโด

มิลเนอร์, มาเน, ฟีร์มีโน, ซาลาห์ 

นึกภาพออกแล้วนะครับ หาก คลอปป์​จะบอกเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า…

นักเตะลิเวอร์พูลของเขากำลัง  tired mentality

ใช่ครับ เพราะ 9-10 คนชุดนี้ยืนพื้นมาตลอดครับ

การโรเตชั่น 9-10 คนนี้มีไม่มาก ยิ่งแบ๊กสองข้างยิ่งชัด

เทร้นต์ 7,402 นาที, รอบโบ 8,768 นาที

แดนกลางสามคน

จีนี 6,673 นาที 35+28+23

ฟาบินโญ 6,463 นาที 28+37+18

เฮนโด 5,812 นาที 32+30+19

ตัวทำสามคน..

มาเน 7,533 นาที 36+35+20

บ๊อบบี 7,421 นาที 34+38+23

ซาลาห์ 7,983 นาที 38+34+22

ถ้าคลอปป์ นำเรื่อง “ล้า” ร่างกายและจิตใจ มาพูด…

นั่นคือเหตุผลที่ฟอร์มตก ไม่ใช่ข้ออ้าง

เมื่อนักข่าวถามว่าถึงว่าทำไม ฟอร์มตก 

“ล้าและตื้อ” คือเหตุผลนั้น 

ผมแค่ไปเอาตัวเลขมาตอกย้ำว่า “ใช้งาน” หนักจริง

การใช้งาน 9-10 คนนี้ ซึ่งถ้าจะชี้ให้ชัดลิเวอร์พูลเล่นบอลแค่ 11+2 

ที่เหลือพึ่งพาอะไรได้ไม่มากเท่าชุดแรก

โชแอล มาติป, โจ โกเมส สามปีก่อน ยังมีลอฟเรน ช่วย

แดนกลาง มิลเนอร์,เฮนโด,จีนี,ฟาบินโญ

ข้างหน้าสามตัวทำนี้….เล่นกันแค่สามคนจริงๆ

ทีมใช้ขุนพลหลักแค่ชุดนี้…ร่วมกันกวาดสีห้าแชมป์ในเวลา 3 ปี

กระนั้น….ในความสำเร็จทุกเรื่องราวมันย่อมมีความล้มเหลวแอบซ่อน ในจุดแข็งย่อมมีจุดอ่อน ซ่อนไว้ 

เมื่อมีตัวหลักแค่ 11-13 คน ที่ให้ใช้งานหนัก 

นั่นหมายถึงตัวสำรอง และศักยภาพของทีมขาด”ความแข็งแกร่ง”

วันหนึ่งเจ็บ, ไม่สมบูรณ์ ตัวแทนก็แทบไร้ค่าไปเลย….

เมื่อปัญหามันเกิดขึ้นแล้วในปีป้องกันแชมป์ 

ตัวหลักเริ่มเจ็บกัน

หลายคนเริ่มฟอร์มตก….

มองไปที่ม้านั่งสำรอง….

รู้สึกว่านั่งกันอย่างเดียวดาย

นี่คือจุดอ่อนที่แอบมาพร้อมกับความสำเร็จของทีมชุดนี้

3 แก้ยังไงดี

ผมจะไม่ย้อนไปซัมเมอร์ ว่าทำไมไม่ซื้อคนนั้น คนนี้ มาเสริม

บอกแล้ว…ไม่เชื่อ 

คือผมก็ไม่รู้สึกอะไรกับการซื้อนักเตะช่วงหน้าร้อน

ถ้ามันคือแผนงานภายใต้ซีซั่นผิดปกติ การเงินมีปัญหา

หลายคนทึกทักว่าทีมได้ค่าลิขสิทธิ์, เงินรางวัลแชมป์ โน่น นี่นั่น

ทำไมไม่ทุ่มตัวซื้อ..

1อยากถามว่ารู้มั้ย สโมสรมีค่า “ใช้จ่าย” อะไรบ้าง 

2 แล้วใครจะไปรู้ว่า ฟานไดจ์, โกเมส, มาติป

อีกหลายคนดัน มาเจ็บพร้อมกัน

โชต้า ซื้อมาหวังใช้งาน…ทำได้ดี ก็เจ็บ

ติอาโก ยังไม่ทันได้ใช้อะไร…ก็เจ็บ

มันมีปัจจัยนอกเหนือการควบคุมที่ทำให้แผนงานผิดพลาด

ถ้านักเตะชุดปัจจุบันนี้ไม่มีใครเจ็บแล้วเล่นได้เท่าที่เห็น

ผมยกมือยอมรับ วิจารณ์ได้เลยว่าทำไมไม่ซื้อเสริม

ดังนั้น เรื่องที่ผ่านมาแล้วจบไป…วันนี้จะทำไงต่อ

มันเป็นหน้าที่ของ คลอปป์ ที่เราจะได้เห็นกันนับจากนี้

เวลานี้มีการพูดเรื่องส่ง เซนเตอร์แบ๊กธรรมชาติ ลงสนามให้เร็วที่สุด

เพื่อนำ มิดฟิลด์อย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กลับไปเล่นแดนกลาง

เพื่อประสานงานกันกับ จีนี และ ติอาโก,โจนส์ 

หรือเปิดทางเลือกในการวางแทกติกได้หลากหลายกว่านี้

ไม่ใช่ว่าแต่ละเกม คลอปป์ ต้องปวดหัวว่าเอาใครเล่นเซนเตอร์ 

แดนกลางจะเป็นใครดี 

อีกทั้งข้างหน้าคงยืนพื้นสามคนหลักพร้อมๆกันไม่ได้ทุกนัดแน่นอน 

เรื่องนีก็ยากอีกเมื่อต้องเปลี่ยนตัวทั้งสามคนนี้ออก

ขนาดสามคนนี้ยังผลิตสกอร์ได้ยาก…แล้วเราคาดหวังจากใครได้อีก

แต่มันต้องทำในสถานะการณ์นี้ เพียงแต่คงไม่ทำแบบหักดิบ

เปลี่ยนครั้งละคนหรือสองคนในทุกเกม 

เพราะระบบสร้างมาแบบนี้ เปลี่ยนตัวครั้งละสามสี่คน ดูไม่ดีละ

มันไม่ใช่แก้ด้วยการเปลี่ยนตัวนักเตะ ตำแหน่งต่อตำแหน่งอย่างเดียว

มันต้องมีวิธีการที่ นักเตะเหล่านั้นเข้าใจระบบแล้วลงเล่นได้

8+3 ผมว่าคือสูตรที่ดี แกนนำ 8 คน ส่งลงใหม่สาม

โดยตัวหลักสามคนนั้น มีชื่อสำรอง ให้เล่นแค่ 30-40 นาที

ไม่ต้องเล่นเยอะ เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ

ผมเคยเขียนในเพจเมื่อช่วง ฟานไดจ์ เจ็บ และหลายคนเจ็บว่า..

การแก้ปัญหาที่ดีสุด ไม่ว่าจะใช้วิธีการไหน แต่มันต้อง 3 แต้ม

สามแต้มจะช่วยเยียวยาให้ทุกอย่างดีขึ้น 

ตอนนั้นทีมทำได้ 1 เดือนกว่าๆ ทั้งลีกและ ช.ป.ล

น่าแปลกพอหมดแชมเปี้ยนส์ ลีก ทีมฟอร์มตกวูบในเดือนธ.ค.

ต่อเนื่องมาม.ค….ก็เรียบร้อยหมดสิทธิ์ป้องกันแชมป์ใน 45-50 วัน

เขียนแบบกำปั้นทุบดิน…คลอปป์ ต้องวางแทกติกเล่น

แบบไหนก็แล้วแต่ ใช้ใครลงก่อนหลัง

มันต้องชนะ เล่นเอาผลแข่งได้สามคะแนน

เรื่องนี้…จะเกิดขึ้นหรือไม่น่าสนใจ เพราะคลอปป์ พูดอยู่เสมอว่า…

วิธีการของเขาคือ “เล่นให้ดีก่อน” จากนั้นชัยชนะจะตามมา

เขาแก้ปัญหาแบบยั่งยืนไม่ใช่ชั่วคราว

ถ้างั้นรอดูการแก้ปัญหาของ คลอปป์ 

เริ่มกันที่เกมพบกับเลสเตอร์ ซิตี้ 

แล้ว…รอลุ้นว่า

ลิเวอร์พูลจะจบด้วยเป้าหมายไหนในซีซั่นนี้ 

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร

Add friend ที่ @Siamsport