เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันของ ลิเวอร์พูล เตรียมนำทัพ “หงส์แดง” กอบกู้ศรัทธาในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อพวกเขามีคิวปะทะกับ แอร์เบ ไลป์ซิก ในเกมเลกสอง วันพุธที่ 10 มีนาคมนี้ หลังจากที่พวกเขาฟอร์มย่ำแย่เหลือเกินในเกมพรีเมียร์ลีก ช่วงที่ผ่านมา
ผลงานของ “เดอะ เร้ดส์” ในเวลานี้ทำให้นักเตะหลายคนค่อนข้างขาดความมั่นใจอย่างหนัก โดยเฉพาะเกมรุกเพราะทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ฟอร์มหลุดจนน่าใจหาย ส่งผลต่อผลงานของทีมที่ร่วงกราวรูดไปด้วย
สำหรับสาวก “เดอะ ค็อป” เกมถ้วยใบโตยุโรป คือความหวังสุดท้ายของพวกเขาที่จะได้เห็นทีมรักคืนฟอร์มเก่งอีกครั้ง เพราะหากทีมเก็บชัยชนะในเกมนี้ ก็อาจจะมีผลดีต่อใจและทำให้ทีมค่อยๆ คืนฟอร์มในลีกอีกครั้ง
1. ลุ้น ฟีร์มีโน่ ฟิตพร้อมลงสนามหรือไม่ ?
หนึ่งในวิกฤติของ ลิเวอร์พูล คงหนีไม่พ้นเรื่องผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บกันระนาว หลายคนที่ต้องลงสนามแบบสามวันดีสี่วันเดี้ยง รายล่าสุดก็คือ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กองหน้าชาวบราซิเลียน ที่มีปัญหาบาดเจ็บหัวเข่า
“บ็อบบี้” ไม่ได้ลงสนามในเกมที่ “หงส์แดง” แพ้ “เจ้าสัวน้อย” ฟูแล่ม เกมพรีเมียร์ลีก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ในช่วงฝึกซ้อมร่วมกับเพื่อนร่วมทีม เจ้าตัวก็ไม่ได้ลงสนามฝึกซ้อม เพราะอาการเจ็บที่หัวเข่าวยังไม่หายดี
แน่นอนว่าการขาด สตาร์ชาวบราซิเลียน ในเกมนี้ทำให้แนวรุกของ “เดอะ เร้ดส์” มีปัญหาพอสมควร แต่ถ้ามองอีกมุม คล็อปป์ จะได้ไม่ต้องคิดมากในการจัดกองหน้า เพราะเขาจะได้จัดการใส่ชื่อ ดีโอโก้ โชต้า ลงเป็นตัวจริงไปเลย
สำหรับตอนนี้ ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่มีนักเตะตัวหลักได้รับบาดเจ็บเยอะมากๆ ทั้ง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, โจ โกเมซ, โฌแอล มาติป, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ฉะนั้นนี่คือวิกฤติที่ นายใหญ่ชาวเยอรมัน ต้องแก้ไขแบบวันต่อวันเลยทีเดียว
2. คาบัคกลับคืนสู่ทัพใหญ่
แม้จะมีปัญหาเรื่องนักเตะบาดเจ็บเป็นโขยงก็ตาม แต่สิ่งที่พอจะทำให้สาวก “เดอะ ค็อป” ยิ้มได้บ้างก็คือเรื่องที่ โอซาน คาบัค กองหลังตัวยืม มีสภาพร่างกายที่กลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้ง และพร้อมช่วยต้นสังกัดในเกมปะทะ แอร์เบ ไลป์ซิก
ปราการหลังดาวรุ่งชาวตุรกี พลาดลงสนามในเกมที่ “เดอะ เร้ดส์” แพ้คาแอนฟิลด์ในเกมล่าสุด อย่างไรก็ตาม คาบัค ซึ่งมีโอกาสได้ลงเล่นตัวจริง 5 เกมติดต่อกัน น่าจะฟิตสมบูรณ์แล้ว และคาดว่าจะลงมาทำหน้าที่เป็นหัวใจในเกมรับของทัพ “หงส์แดง”
ขณะที่ เบน เดวิส อีกหนึ่งกองหลังที่เซ็นสัญญามาร่วมทัพในช่วงเส้นตายตลาดซื้อขายนักเตะรอบ 2 เดือนมกราคมที่ผ่านมา ยังไม่แน่ว่าจะได้ลงสนามในแมตช์นี้หรือไม่ โดยเขายังไม่เคยได้ลงเล่นเปิดตัวกับทีมชุดใหญ่เลย และทำได้แค่มีชื่ออยู่ในซุ้มม้านั่งสำรอง 3 แมตช์โดยหนึ่งในนั้นก็คือเกมที่ชนะ ไลป์ซิก นัดแรก
สำหรับเกมเลกสองที่ต้องปะทะกับ ไลป์ซิก ในสนามกลางที่ประเทศฮังการี เชื่อว่า คล็อปป์ คงจะใส่ชื่อ เดวิส อยู่ในทีมสำรอง และงานนี้แฟนบอล ลิเวอร์พูล อาจจะได้เห็นผลงานของเขา ถ้าหาก “หงส์แดง” มีสกอร์นำขาดจนคู่แข่งไล่ไม่ทัน
3. ไลป์ซิก ยิ่งเล่นยิ่งแกร่ง
ฟอร์มของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ค่อนข้างย่ำแย่เหลือเกินเมื่อพวกเขาแพ้เกมลีก 6 แมตช์รวดที่แอนฟิลด์ สวนทางกับ ไลป์ซิก ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเป็นสง่าในบุนเดสลีกา เมื่อพวกเขาเก็บชัยชนะ 6 นัดรวด
ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่ที่ทีมของกุนซือยูเลียน นาเกิลส์มันน์ แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2 เมื่อ 21 วันก่อน พวกเขาคืนฟอร์มโหดสลัดไส้กรอกเยอรมัน ด้วยการเก็บชัยชนะในเกมลีกเบียร์ 3 แมตช์ และเดเอฟเบ โพคาล 1 เกม สวนทางกับ ลิเวอร์พูล พอคว้าชัยชนะในเกมกับ ไลป์ซิก เป็นต้นมา พวกเขาชนะแค่ 1 แมตช์และแพ้ 3 เกม
ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะ ไลป์ซิก ทำผลงานไล่บี้ลุ้นแชมป์ลีกกับ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ได้อย่างสูสีโดยพวกเขาตามหลังแค่ 2 แต้มเท่านั้น ขณะที่ “เดอะ เร้ดส์” นอกจากจะหมดสิทธิ์ป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกแล้ว พวกเขายังแทบจะหมดลุ้นท็อปโฟร์ด้วย
สำหรับผลงานในการยิงประตูต้องบอกว่า ลิเวอร์พูล อาการหนักเข้าไปอีกเพราะนับตั้งแต่ที่เจอกับ ไลป์ซิก เป็นต้นมาพวกเขายิงได้แค่ 2 ประตูเท่านั้น สวนทางกับ ไลป์ซิก ที่ตะบันประตูคู่แข่งถึง 11 ลูกและเสียแค่ 2 ประตูเท่านั้น
4. ตัวหลักคืนสนามเต็มชุด
คล็อปป์ จัดทีมชุดที่สุดแปลกในเกมกับ ฟูแล่ม แต่เชื่อว่าที่เขาทำแบบนั้นก็เพื่อจะเก็บนักเตะชุดใหญ่ให้มีสภาพร่างกายที่สด และฟิตสมบูรณ์ที่สุดในเกมที่จะพบกับ ไลป์ซิก ฉะนั้นในเกมวันพุธนี้ “หงส์แดง” จะได้ผู้เล่นสำคัญคืนสนาม
ฟาบินโญ่, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ซาดิโอ มาเน่, ติอาโก้ อัลกันตาร่า และ เคอร์ติส โจนส์ จะถูกจับลงเล่นตัวจริงในแมตช์กลางสัปดาห์นี้ ส่วนผู้เล่นอย่าง เนโก วิลเลี่ยมส์, รีส วิลเลี่ยมส์ และ แนต ฟิลลิปส์ คงต้องกลับไปนั่งอยู่ในซุ้มมานั่งสำรอง
อย่างไรก็ตามมีสัญญาณที่น่าสนใจจาก คล็อปป์ ก็คือการที่เขาให้ เจค เคน กองกลางดาวรุ่งวัย 20 ปี ได้มีส่วนในการร่วมฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ นั่นหมายความว่านักเตะคงจะได้มีชื่อเป็นตัวสำรองในแมตช์สำคัญนี้อีกครั้ง
5. กอบกู้ศรัทธาคืนมาให้ได้
เกมฟุตบอลถ้วยยุโรปกลางสัปดาห์มีความสำคัญกับ ลิเวอร์พูล มากๆ เพราะถือเป็นการพักฟอร์มในลีกที่ย่ำแย่เหลือเกินของพวกเขา และยังเป็นการเรียกสติกลับคืนมาอีกครั้ง
นอกจากนี้ แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นรายการเดียวที่ “หงส์แดง” มีโอกาสลุ้นความสำเร็จในฤดูกาลนี้ และพวกเขาจำเป็นต้องคว้าแชมป์ให้ได้ เนื่องจากน่าจะเป็นโอกาสเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ทีมได้โควตากลับมาเล่นในรายการนี้อีกครั้ง
ในขณะเดียวกันหาก ลิเวอร์พูล ชนะ ไลป์ซิก พร้อมกับได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศ คงจะทำให้นักเตะกลับมามีขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้น และพร้อมที่จะกอบกู้วิกฤติฟอร์มออกทะเลของทีมในการเล่นพรีเมียร์ลีก
ทอมเม้ง
Add friend ที่ @Siamsport