นับจากปี 1963 เวสต์แฮม ชนะลิเวอร์พูลในแอนฟิลด์ หนึ่งเกม
เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อน ยุค เบรนแดน รอดเจอร์ โดนไป 3-0
ขณะที่ เดวิด มอยส์ มาเยือนแอนฟิลด์ 17 เกมยังไม่ชนะหงส์เลย
กระนั้น…เกมนี้ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ผู้มาเยือนพกความมั่นใจมากพอตัว
ผลงานช่วงหลังดีขึ้นเยอะแยะ
ชนะสอง เสมอสอง ผลเสมอสเปอร์ส 3-3 จากโดน 3-0
ผลเสมอ แมนฯซิตี้ 1-1 แบบเล่นได้ตามแทกติก
ความมั่นใจมันเหมือนกันชัยชนะยังไงยังงั้น
ก่อนแข่งมีข่าวไม่ดีเมื่อ อันโตนีโอ เจ็บ หมดสิทธิ์ลง
เดวิด มอยส์ ส่ง เซบาสเตียน ฮัลแลร์ ลงแทน
ขณะที่ลิเวอร์พูล ไม่มี ฟาบินโญ ในตำแหน่งเซนเตอร์แบ๊ก
ความวิตกกังวลนั้นคงมีมากกว่าการขาดดาวยิงของ มอยส์
รีส วิลเลียมส์ ลงเล่นไปแล้วกลางสัปดาห์
แต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ส่ง แนท ฟิลิปส์ วัย 23 ปีลงเล่นตัวจริง
นี่คือเกมแรกในพรีเมียร์ลีกของเขากับทีม…
ประสบการณ์ของเขาส่วนใหญ่อยู่กับทีมยู 23
ซีซั่นก่อนเล่นสตุ๊ตการ์ท ในลีกาสอง เยอรมัน 19 นัด
เดเอฟเบ โพคาล 3 นัด มีเอฟเอ คัพ 1 นัด
ปีนี้มีชื่อสำรองแต่ไม่ถูกใช้เกมล่าสุดชนะ เชฟฯยูไนเต็ด 2-1
เกมนี้ได้เล่นตัวจริง…
เจเค โรเตชั่น…
ความสดของร่างกายคือประเด็นสำคัญในช่วงซีซั่นนี้
รวมทั้งโปรแกรมสามนัดก่อนฟีฟา เดย์ กลางเดือน
ดังนั้น สามตัวทำ ได้เล่นเกมกลางสัปดาห์ไม่มาก
ฟีร์มีโน (เล่น9 นาที) ซาลาห์ (30 นาที), มาเน (30 นาที)
เฮนโด้ เล่น 45 นาทีแรก ก่อน จีนี เปลี่ยนลงมา45 นาทีหลัง
แบ่งกันเล่น….เพื่อความสดในการเล่นกับเวสต์แฮม
มีสามกองหลังและประตูที่ยืนตลอด 90 นาที
แทกติกครึ่งแรก…
มอยส์ กับระบบ 5-4-1 มี อ๊อกบอนนา บัญชาเเกมแดนหลัง
เครสเวลล์ ขยับจาก แบ๊กซ้าย มายืนเซนเตอร์ฝั่งซ้าย
ด้านขวาคือ บัลบูเอนา ส่วนวิงแบ๊กซ้ายคือ มาซูอากู ด้านขวา ซูฟาล
กลางสี่คน มีมิดฟิลด์คู่ ดีแคลน ไรส์ กับ ซูเช็ค ด้านข้าง ฟอร์นาล กับ โบเว่น
หน้าเป้า ฮัลแลร์ ทีมมอยส์ รับในแดน 11 คน รอลิเวอร์พูล เสียบอลแล้วสวน
เล่นให้เต็มพื้นที่ ..รอจังหวะอย่างอดทน ซึ่งก็ไม่นานเท่าไหร่ พวกเขาขึ้นนำ
จังหวะ มาซูอากู ครอสเข้าเขตโทษ ไม่มีอะไรอันตราย
โจ โกเมซ โหม่งเคลียร์บอลไม่พ้นหน้าเขตโทษ ไปเข้าทาง ฟอร์นาลส์
ไม่มีใครเลยตรงนั้น “บอลจังหวะสอง” จัดการยิงเสียบมุมเข้าไป น.10
**เสียประตูลูกที่ 15….** ลิเวอร์พูลคือทีมแรกที่เสีย 15 ลูกในซีซั่นนี้
น่าตกใจเสียประตูมากกว่า เวสต์บรอมและฟูแล่ม อีกนะนั่น
ถ้าย้อนสถิติไปในพงศาวดารลูกหนังอังกฤษ
“แชมป์เก่า” ที่เริ่มต้น 7 นัดแรกแล้วเสียเกินสิบลูก ถือว่าเด็กหงส์ยังเบาใจได้
แอสตัน วิลล่า เริ่มต้นซีซั่น 1897-98 ในฐานะแชมป์เก่าเสีย 17 ลูก
เชลซี เสีย 15 ลูกในซีซั่น 1955-56
ลิเวอร์พูล ยุค แชงค์ลีย์ เสีย 15 ลูกในซีซั่น 1964-65
20 นาทีแรก…เข้าทางเวสต์แฮม รับแน่นรอสวนหลังขึ้นนำ
ไล่บอลเฉพาะแดนกลาง และถอยต่ำมารับลึกในแดนตัวเอง
ให้หงส์แดง เซตบอลไปมา แถวกลางสนาม ไม่ให้เข้าใกล้เขตโทษ
จนป้องกันไม่ให้ลิเวอร์พูล ได้เซตบอลรุกแล้วจบด้วยการยิง
เด็กหงส์ไม่มีโอกาสเลยแม้แต่ครั้งเดียวใน 25 นาทีแรก
จนกระทั่ง เฮนโด้ ยิงไกลจากนอกเขตออกหลัง…..
คือถ้าไม่นับประตูขึ้นนำจากความผิดพลาดในการโหม่งสกัดบอล โกเมซ
การรุกก็ไม่สามารถเจาะเกมรับที่หนาแน่น ปิดพื้นที่ทั้งด้านข้างและหน้าเขตโทษ
ไม่ให้ ร็อบโบ้ กับ เทรนต์ เข้าไปถึงริมเขตโทษเพื่อครอสบอลหรือทำชิ่งอะไรเลย
35 นาทีผ่านยังคงได้ยิงแค่ครั้งเดียว เพราะเข้าไปไม่ถึงเขตโทษ
หลังขุนค้อนยืนห้าคนลึกหน้าเขต กลางสี่คน ยืนกำแพงด่านแรก
จริงๆเกมลิเวอร์พูลทำอะไรไม่ได้ แค่บุกเข้าหาเยอะกว่า..แต่แล้วความโชคดีเข้าทางเมื่อ มาซูอากู ทะเล่อทะล่า เตะ ซาลาห์ เฉย….
บอลไม่มีอะไรกดดัน…แต่ไปซัดเข้าที่น่อง หงส์จึงได้จุดโทษ
ซาลาห์ ยิงตีเสมอ 1-1 เท่ากับได้ยิงสามครั้งใน 41 นาที ได้หนึ่งลูก
ส่วนซาล่าห์ นั้นก็ยิงจุดโทษ 13 จาก 19 ลูกโทษล่าสุด (ไม่รวมจุดโทษนอกเวลา)
ส่งผลให้ครึ่งแรกจบที่ 1-1 และลิเวอร์พูลสร้างโอกาสยิง 4 เข้า 1
เวสต์แฮม สร้างโอกาสยิง 1 เข้า 1
รูปแบบครึ่งหลัง…
คล็อปป์เปลี่ยนมาย้ำทาง มาซูอากู ให้ โจนส์ มาช่วย เทรนต์ โจมตีด้านนี้
มอยส์ ยังรับในแดนลึก กำแพงสองชั้น กลางสี่ หลัง 5 เหมือนเดิม
ใน 10 นาทีแรกของครึ่งหลังทำได้ดีพอตัว สำหรับเกมรับขุนค้อน
ไม่ให้เข้าใกล้เขตโทษ และมีจังหวะตัดฟาวล์ กลางสนามหรือไกลเขตโทษไว้ก่อน
ส่วนเกมรุกก็รอจังหวะ หงส์แดงพลาดแล้วฉวยโอกาสโจมตีเร็ว
ก็ทำไม่ถนัด แต่ก็ไม่ใช่ “เป้าหมายหลัก” ทางแทกติกอยู่แล้ว
พวกเขาเน้น “ป้องกัน” ไม่ให้พลาด ไม่ให้หงส์เข้าใกล้เขตโทษ
ขณะที่ คล็อปป์ ยังคงเน้นเกมด้านกว้าง ซาลาห์ ถ่างมาชิดเส้นเพื่อดึงกองหลังออก
ยังเน้นการเคลื่อนที่ของบอลขวางไปมาเพื่อถ่างให้มีช่อง โดยมีนักเตะรุกเข้าไปในไลน์นั้น
ช่องว่างระหว่างหลังกับกองกลางเวสต์แฮม แต่ก็ทำไม่ได้ถนัด ขาดไปนิดหน่อย
อย่างจังหวะชิ่ง ซาลาห์ กับ มาเน ในเขตโทษ ไอเดียดีมาก แต่ชิ่งกันเบาไปเลยอดยิง
จากนั้น น. 70 คล็อปป์เปลี่ยน โจนส์ และ ฟีร์มีโน ออก ส่ง ชาคิรี, โชต้า ลงเล่นแทน
เกมเริ่มกดดันเข้าในเขตโทษ เวสต์แฮม มากขึ้น…
มาเน่ เข้าไปเล่นหน้าเป้า โชต้า และ ชาคิรี สลับกันยืนตำแหน่ง ฟีร์มีโน่
เริ่มเจาะตรงกลางได้ดี…แต่บอลเหมือนเกินและขาดไปบ้าง
อย่างจังหวะที่ โชต้า ลากตะลุย ก่อนจ่ายให้ มาเน ยิง ติดเซฟ ฟาเบียนสกี้
จังหวะนั้นเขาตามไปซ้ำ แต่โถมสไลด์ด้วยเท้าขวา บอลทะลักเข้าทาง โชต้า ยิงเข้าไป
เควิน เฟรนด์ ดูวีเออาร์ แล้ว “ให้ฟาวล์” อดได้ประตู
จากนั้น… โชต้า กับ ชาคิรี ประสานงานกันจนได้ประตู
คนหนึ่ง แอสซิสต์ สุดงาม อีกคนหลุดเดี่ยวเข้าไปยิง
นี่คือการเจาะเกมรับที่หนาแน่น หน้าเขตโทษ
ส่งผลให้ทีมชนะ ยึดจ่าฝูงมาครองได้ พร้อมทั้งทำสถิติไม่แพ้ในแอนฟิลด์ 63 เกม (ชนะ52 เสมอ11)
เทียบเท่าสถิติยุค บ๊อบ เพสลีย์ ที่เคยทำเอาไว้ยุค 80
บทสรุปเกมนี้….
1. เซนเตอร์แบ็ก….ยังน่าเป็นห่วง
เมื่อเห็นชื่อ แนท ฟิลิปส์ หลายคนคงเป็นห่วงเพราะนี้คือ “เกมแรก”
แต่พอเล่นไปกลายเป็น โจ โกเมซ ที่น่าเป็นห่วงแทน
ประตูที่เสียให้ค้อน ก็เป็น โกเมซ ที่โหม่งสกัดไม่ดี ไปตั้งให้ ฟอร์นาลส์ จ่อยิง
ขณะที่ แนต ฟิลิปส์ โดยภาพรวม เล่นได้ตามหน้าที่ ไม่เป็นภาระมา
ที่สำคัญ….เขาเหมือน “นายใหญ่” ในแผงหลัง
แต่ข้อเสียของเขาที่เห็นเกมนี้คือ แนท ฟิลิปส์ “โฉ่งฉ่าง” จังหวะสกัดบอล
เสียฟาวล์ง่ายไปหน่อย…ส่วนการโหม่ง โอเคผ่าน
อย่างไรก็ตาม…สองเดือนจากนี้จะคาดหวัง โจแอล มาติป และ ฟาบินโญ คงไม่ได้
การส่งเด็กลงเล่นเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นที่อาจได้ผลระยะยาว
มันเหมือนเสี่ยง แต่มันคือสถานะการณ์ที่ต้องเสี่ยง
แนต ฟิลิปส์, รีส วิลเลียมส์ ได้สัมผัสเกมชุดใหญ่ไปแล้ว
มองแง่บวก…ถือว่าเด็กสองคนนี้ มีแววที่จะปั้นได้อยู่
2. ฟีร์มีโน ดร็อปลง แต่……
คงไม่ใช่เพราะการยิงประตู แต่การมีส่วนร่วมในเกมรุก
การร่วมเล่นกับอีกสองคนข้างหน้า ซึ่งมีน้อยลงไป
จะด้วยเพราะเวสต์แฮม รับแน่น เล่นยาก แต่ไม่น่าเป็นห่วงตรงฟอร์มของเขาเมื่อ คล็อปป์ มีตัวเลือกอย่าง โชต้า และ ชาคิรี ลงมาทำลายพวกเล่นอุดให้อึดอัด
การลากเลี้ยงของ โชต้า ตีโซนรับเวสต์แฮม และฝากชิ่ง ได้ดี
สุดท้ายเป็น ชาคิรี และกับ โชต้า เล่นเข้ากัน “เซนส์” ทันกัน
ชาคิรี เห็นโชต้า ขยับวิ่งหน้าเขตโทษ เขาแทงให้ทันที
โชต้า หลุดเดี่ยว….เข้าไปยิงง่ายๆเลย ข้างๆขา ฟาเบียนสกี้
ดังนั้น หาก ฟีร์มีโน ยังไม่คืนฟอร์มเก่ง โชต้า และ ชาคิรี พร้อมสอดแทรกได้เลย
3. ชนะไปเรื่อยๆ
อย่างที่เขียนไปวันก่อน…ท่ามกลางปัญหา
ท่ามกลางความวิตกกังวล โน่น นี่ นั่น
วันนี้ การเล่นเพื่อชนะ เพื่อสามแต้ม สำคัญยิ่ง
ความมั่นใจจะมา ในแง่จิตวิทยานั้นสำคัญอย่างยิ่ง
ชัยชนะไม่ได้ซ่อนปัญหา แต่จะช่วยแก้ปัญหา
แน่นอน…คงต้องพึ่งเกมรุก แนวรุกเป็นหลัก
เกมล่าสุดรับมือเวสต์แฮม “หน่วยรุก” และ “ตัวรุก” กำลังเสริม
มีส่วนช่วยให้ทีมเก็บสามคะแนนแล้ว “ยึดจ่าฝูง” มาครองได้ครั้งแรกในซีซั่น
ถ้าจำกันได้ ปีก่อน เริ่มเกมแรกคืออันดับสาม
จากนั้นเกมที่ 2 ถึง 38 เป็น “จ่าฝูง” จนจบซีซั่น
ปีนี้ คงไม่มีการคาดหวังอะไรแบบนั้น ความยากมันมีอยู่แน่นอนในการป้องกันแชมป์
แต่ด้วยมาตรฐานเกมรุกของทีม บวกกับ”สปิริต” ในการต่อสู้
นี่คือจุดแข็งที่ยังมีและเพิ่มด้วยตัวสำรองตัวรุกที่มีศักยภาพ
ทำให้ได้ประตู เพิ่มโอกาสชนะในเกมมากขึ้น
ความยากจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นความง่าย
ปัญหาจะค่อยๆหมดไปเอง
Jackie
Add friend ที่ @Siamsport