น่าเป็นห่วงหนึ่งจุด!5 ประเด็นร้อนลิเวอร์พูลฟอร์มหรูบุกอัดน้องใหม่ – สยามกีฬา

ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เปิดหัวฤดูกาลใหม่ได้ดีอีกครั้ง หลังจากบุกเอาชนะ นอริช ซิตี้ ทีมน้องใหม่ 3-0 ในเกม พรีเมียร์ลีก คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

    “หงส์แดง” ได้ประตูเบิกร่องจาก ดิโอโก้ โชต้า ก่อนที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ตัวสำรองลงมากดประตูที่สอง และปิดท้ายเม็ดสามจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์

    ประเด็นที่น่าสนใจจากเกมที่สนาม แคร์โรวว์ โร้ด จะมีอะไรบ้าง มีจุดไหนที่น่าพูดถึง มาดู 5 ประเด็นหลัก ๆ ที่เกิดขึ้นในเกมนี้กัน

    – แนวรุกคืนฟอร์มน่าประทับใจ

    4 แนวรุกกับ 3 ประตูถือเป็นเรื่องที่อดอมยิ้มไม่ได้แน่สำหรับบรรดาสาวก “เดอะ ค็อป” การได้เห็น โชต้า, ฟีร์มีโน่ และ ซาลาห์ มีชื่อขึ้นสกอร์บอร์ด เป็นอะไรที่น่าอุ่นใจกับวันเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ 2021/22

    ซาลาห์ มีส่วนกับทั้งสามประตู โดยประตูแรกจะถือว่าเขาแอสซิสต์ก็ว่าได้ แม้จะจับบอลไม่ดีแฉลบไปเข้าทางปืนของ โชต้า เบิกสกอร์แรกปลดล็อก ก่อนที่เจ้าตัวจะยืนถูกที่ถูกเวลา เก็บตกบอลจังหวะสองแล้วใช้ไหวพริบปาดบอลมาหน้าประตูให้ “บ็อบบี้” ที่ลงเป็นตัวสำรองแทนแข้งโปรตุกีส ทำประตูที่สอง

    และประตูที่สามถือเป็นประตูประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก เลยก็ว่าได้ เมื่อ ซาลาห์ ตะบันด้วยซ้ายส่งบอลเข้าประตูทำให้เขากลายเป็นแข้งคนแรกที่สามารถทำประตูเกมเปิดฤดูกาลถึง 5 ครั้งติดต่อกัน

    จริง ๆ แล้ว ซาลาห์ เกือบจะมีแอสซิสต์เพิ่มมากกว่านี้ จากจังหวะที่พยายามผ่านบอลให้ ซาดิโอ มาเน่ ทำประตู 2 ครั้ง ทว่าแนวรับ นอริช ยังช่วยสกัดทิ้งเอาไว้ได้

    การประสานงานอันลงตัวของเหล่าแนวรุก “หงส์แดง” ไม่ว่าทีมไหนเจอต่างก็ต้องปวดหัว เหลือเพียงแค่พวกเขารักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้ไว้ให้ได้ 

    – ฟาน ไดค์ รีเทิร์น

    คล็อปป์ บอกตั้งแต่ก่อนเกมแล้วว่า เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ พร้อมแล้วสำหรับการลงเล่นเกมฤดูกาลใหม่ และวันนี้ บอสเจเค ก็เลือกส่ง “บิ๊กเวิร์จ” ลงสนามเกมลีกหลังหายจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า

 

    การได้ ฟาน ไดค์ ประจำการเซ็นเตอร์แบ็กฝั่งซ้ายยกระดับระบบการเล่นของ ลิเวอร์พูล ไว้ได้มาก นอกจากเกมรับอันแข็งแกร่งแล้ว การเปลี่ยนบอลวางบอลยาวจากรับเป็นรุกของแข้งดัตช์ก็ทำได้แม่นยำ ซึ่งทีมย่อมได้ประโยชน์จากจุดนี้ เสมือนมีอาวุธเพิ่มขึ้นมาจากซีซั่นก่อน

    ถึงกระนั้น การกลับคืนสนามเกมทางการครั้งแรกในรอบ 10 เดือนของ ฟาน ไดค์ ช่วงต้น ๆ อาจมีสะดุดบ้าง มีจังหวะจับบอลไม่ดี และโดนคู่แข่งวิ่งตัดหลังจนทีมเกือบเสียประตู

    อย่างไรก็ตาม ยิ่งเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ฟาน ไดค์ ก็ค่อย ๆ ปรับจูนตัวเอง และกลับคืนฟอร์มการเล่นที่ดีอีกครั้ง ช่วยประคองเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยม

    – แผงมิดฟิลด์ยังไม่ปัง

    จากการที่ยังไม่สามารถใช้งาน ติอาโก้ อัลกันตาร่า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ฟาบินโญ่ ลงสนามพร้อมกันได้ ทำให้ คล็อปป์ เลือกส่ง เจมส์ มิลเนอร์, อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และ นาบี้ เกอิต้า ลงทำเกมร่วมกัน

    อย่างไรก็ดี มีแค่ 1 จาก 3 คนเท่านั้นที่ทำผลงานตามมาตรฐาน นั่นก็คือ มิลลี่ ที่รับบทบาทผู้เล่นหมายเลข 6 ซึ่งก็ทำได้ดีระดับหนึ่ง ส่วนอีกสองรายนั้นแทบไม่มีส่วนร่วมกับเกมเท่าไหร่โดยเฉพาะช่วงครึ่งแรก

    การถ่ายบอลของ ลิเวอร์พูล เน้นการขึ้นทางริมเส้นก็จริง หรือวางบอลข้ามฟากจากแดนหลังไปยังแดนหน้า ซึ่งพื้นที่ตรงกลางแทบไม่มีบทบาทต่อการทำเกมเท่าไหร่ 

    รายของ เกอิต้า ดูไม่หวือหวือ แทบไม่มีส่วนร่วมกับเกม การปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลอังกฤษ ยังเป็นคำถามสำหรับแฟนหงส์ ส่วน แชมเบอร์เลน ก็ไม่น่าประทับใจกับการที่ คล็อปป์ เลือกส่งเป็นตัวจริง

    ช่วงครึ่งหลัง พอ ฟาบินโญ่ ลงมาแล้วขยับ มิลเนอร์ ไปช่วยประคองฝั่งซ้าย เกมตรงกลางดูเนียนตาขึ้น มีจังหวะผ่อนหนักผ่อนเบา ทำให้เกมไหลลื่น และแข้งแซมบ้าก็มีจังหวะตัดบอลสวย ๆ ในช่วงท้ายเกม

    – ตัวสำรองคุณภาพมากขึ้น

    บ่อยครั้งที่ฤดูกาลที่แล้ว คล็อปป์ มักลังเลกับการส่งตัวสำรองเพื่อลงมาแก้เกม ทว่ามาในปีนี้เมื่อตัวเลือกมีมากขึ้นทำให้เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงระหว่างเกมในทางที่ดีขึ้น

    นอริช เริ่มเห็นว่า มิลเนอร์ ที่โดนคาดโทษใบเหลืองจากที่ไปเสียบ ตีมู ปุกกี ช่วงครึ่งแรก เริ่มไม่กล้าเข้าปะทะหนักเหมือนเคย ทำให้ คล็อปป์ เลือกส่ง ฟาบินโญ่ ลงมารับบทบาทตัวรับแทนทำให้ มิลเนอร์ ผ่อนเรื่องการเข้าปะทะ และทำให้เกมของ ลิเวอร์พูล กลับมาดูดีขึ้น

    ไม่เพียงแค่ ฟาบินโญ่ อีกคนที่ลงมาพร้อม ๆ กันอย่าง ฟีร์มีโน่ ก็มีส่วนกับเกมเช่นกัน อีกทั้งยังทำประตูที่สองให้กับทีมได้ ส่วนตัวสำรองคนสุดท้าย บอสเจเค ส่ง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ และเด็กวัย 18 ปีรายนี้ก็ทำหน้าที่ได้ดี รวมถึงมีแฟน ๆ คอยให้กำลังใจในฝั่งที่เขายืนประจำการ

    – ชำระแค้น เบิร์นลี่ย์

    ลิเวอร์พูล มีคิวทำศึกบิ๊กแมตช์กับ เชลซี ในเกมที่ 3 ของฤดูกาล และแน่นอนว่าก่อนจะถึงแมตช์นั้นพวกเขาจำเป็นต้องเก็บ 6 คะแนนเต็มเอาไว้ให้ได้

    นัดต่อไป ลูกทีมของ คล็อปป์ จะกลับไปเฝ้ารัง แอนฟิลด์ รับมือ เบิร์นลี่ย์ ที่แพ้มาในเกมนัดแรกต่อ ไบรท์ตัน 1-2

    ถึงแพ้ทีมของ ฌอน ไดซ์ จะปราชัยมา แต่ก็ไม่ได้เป็นงานสบายของ “หงส์แดง” เพราะ เบิร์นลี่ย์ เคยทำแสบที่ แอนฟิลด์ มาแล้ว 2 ฤดูกาลติด

    การเจอกับทีมที่เล่นเกมรับสุดเคี่ยวอย่าง “เดอ คลาเร็ตส์” ย่อมสร้างความอึดอัดให้กับ ลิเวอร์พูล แน่นอน และทุกคนก็หมายมั่นที่จะสางแค้นที่เคยโดน เบิร์นลี่ย์ ทำไว้ เพราะทีมนี้คือทีมที่ยุติการไร้พ่ายติดต่อกันที่ แอนฟิลด์ และเมื่อปีก่อนก็เป็นจุดเริ่มต้นแห่งหายนะปราชัยในบ้าน 6 นัดติดต่อกัน!!