บอลผ่าเมือง!‘เป๊ป’คิดหนักเรือบุกรังผี หงส์ลุ้น‘นูนเญซ’ฟิตล่องใต้

วันเสาร์ ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2023 เกมสำคัญอยู่ที่ศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เวลา 19.30 น. “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะดวลกับคู่ปรับร่วมเมือง “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า และรองจ่าฝูง

การต่อกรในครั้งนี้ แมนฯซิตี้ ถ้าชนะจะไล่จี้ อาร์เซน่อลจ่าฝูงที่มีคิวเตะวันอาทิตย์ เหลืออยู่ 2 คะแนนทันที ขณะที่แมนยูฯ หากชนะ ก็จะทำแต้มจี้ติด แมนฯซิตี้ เหลือแค่คะแนนเดียว


เกมนัดนี้ “ปีศาจแดง” ทีมอันดับ 4 ของตารางที่กำลังฟอร์มดีสุดๆ ชนะมา 8 เกมรวดในทุกรายการ ผ่านเข้ารอบบอลถ้วยทั้ง คาราบาว คัพ และเอฟเอ คัพ เรียกได้ตามว่าทฤษฎีพวกเขาเป็นทีมเดียวที่ยังอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ทุกรายการ ซึ่งรวมไปถึงฟุตบอลยุโรป ถ้วยยูโรป้า ลีก

ทีมของ เอริค เทน ฮาก ไม่ค่อยมีปัญหานักเตะบาดเจ็บเนื่องจากมีนักเตะสำรองมากมาย และลงทุนมหาศาลในช่วงซัมเมอร์ จะรอเช็คความฟิตของ ดีโอโก้ ดาโลต์ แบ๊กขวาชาวโปรตุกีส แต่ เจดอน ซานโช่ ยังไม่พร้อม ที่เหลืออยู่ในกันครบ ยึดระบบการเล่น 4-2-3-1 วาง คาเซมิโร่ คุมแดนกลางร่วมกับ คริสเตียน เอริคเซ่น สามแนวรุกใช้ แอนโทนี่, บรูโน่ เฟอร์นานเดส และมาร์คัส แรชฟอร์ด โดยมี อองโตนี่ มาร์กซิยาล ยืนหน้าเป้า

ฝั่งผู้มาเยือน “เรือใบสีฟ้า” รองจ่าฝูงเพิ่งพลาดท่าบุกไปพ่ายให้กับ “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน 0-2 ตกรอบคาราบาว คัพ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า กำชับลูกทีมถ้ายังเล่นด้วยฟอร์มแบบนี้อีกอย่างหวังจะเอาชนะศึกดาร์บี้เมืองแมนเชสเตอร์ เกมนี้ยังไม่มี รูเบน ดิอาสปราการหลังคนสำคัญที่บาดเจ็บ นอกนั้นถือว่ากลับมาครบแล้ว ใช้ระบบ 4-3-3 เควิน เดอ บรอยน์ จะกลับมาบัญชาการเกมรุกร่วมกับ อิลคาย กุนโดกัน โดยมี โรดรี้ เป็นตัวตัดเกมแดนกลาง สามแนวรุกเลือก ริยาด มาห์เรซ ลงประสานงานกับ เออร์ลิ่งเบราท์ ฮาลันด์ ที่ยิงไปแล้ว 21 ประตูในลีก และแจ็ค กรีลิช

การดวลแข้งกันของคู่นี้นับเป็นเกมที่ 189 โดยที่ผ่านมา 188 เกมนั้น แมนฯยู เหนือกว่าด้วยการชนะ 77 เสมอ 53 แมนฯซิตี้ ชนะ 58 ซึ่งการเจอกันใน 5 เกมหลังสุด ไม่เคยจบลงด้วยผลเสมอ แมนฯซิตี้ ทำได้ดีกว่าชนะ 4 ส่วน แมนฯยูไนเต็ด ชนะ 1 หนล่าสุดที่ เอติฮัต สเตเดี้ยม ซีซั่นที่แล้ว เรือใบ ถล่มยับ 6-3

11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม แมนฯยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เกอา, แอรอน วาน-บิสซาก้า, ราฟาเอล วาราน,ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ลุค ชอว์, คาเซมิโร่, คริสเตียน เอริคเซ่น,แอนโทนี่, บรูโน่ เฟอร์นานเดส, มาร์คัส แรชฟอร์ด และอองโตนี่ มาร์กซิยาล

แมนฯซิตี้ (4-3-3): เอแดร์ซอน, ริโก้ ลูอิส, จอห์นสโตนส์, มานูเอล อคานจี, ชูเอา กานเซโล่, เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้, อิลคาย กุนโดกัน, ริยาห์ มาห์เรซ, เออร์ลิ่ง เบราท์ฮาลันด์ และแจ็ค กรีลิช

อีกคู่ที่น่าสนใจในเวลา 22.00น.“นกนางนวล” ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ช่วงหลังฟอร์มดีขยับขึ้นมารั้งอันดับ 8 ของตาราง เปิดบ้านเจอกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่กำลังฟอร์มดิ่งอีกครั้งไม่ชนะมาในสองเกมล่าสุด โดยเจ้าถิ่นเพิ่งถล่ม มิดเดิ้ลสโบรช์มา 5-1 ในศึกเอฟเอ คัพ ได้พักมาเต็มๆ 1 สัปดาห์เกมนี้ไม่มี ยาคุบ โมเดอร์ ที่บาดเจ็บ ส่วน เลอันโดร ทรอสซาร์ยังไม่สมบูรณ์ นอกนั้นถือว่าอยู่กันครบ คาดว่า โรแบร์โต้เด แซร์บี้ จะยึดระบบ 4-2-3-1 เหมือนเดิม นำโดย มอยเซสไซเซโด้, ปาสกาล กรอสส์, โซลลีย์ มาร์ช, อเล็กซิสแม็ค อลิสเตอร์, คาโอรู มิโตมะ และอีวาน เฟอร์กูสัน

ฝั่งทีมเยือน “หงส์แดง” ล่าสุดเล่นในบ้านทำได้เพียงเสมอกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-2 ต้องไปเหนื่อยเล่นเกมรีเพลย์ในเอฟเอ คัพ ได้พักมาเต็ม ๆ 1 สัปดาห์เช่นกัน ยังไม่มี อาร์ตูร์ เมโล่, หลุยส์ ดิอาซ, ดีโอโก้ โชต้า และเฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค ที่บาดเจ็บนอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่า ดาร์วิน นูนเญซ ก็มีปัญหาอาการบาดเจ็บเพิ่มอีกรายต้องรอเช็คความฟิต เช่นเดียวกับ โรแบร์โต้ฟีร์มิโน่ และเจมส์ มิลเนอร์ คาดว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ จะยึดระบบ 4-3-3 วาง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่ และธีอาโก้ อัลคันทาร่า คุมแดนกลาง สามแนวรุก หาก นูนเญซ เล่นไม่ได้ อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน น่าจะได้เสียบแทน พร้อมขยับ โคดี้ กัคโป ไปยืนหน้าเป้า ส่วนทางขวามี โมฮาเหม็ดซาลาห์ ประจำการเหมือนเดิม

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด เสมอกันถึง 3 ครั้ง และผลัดกันชนะไปฝั่งล่ะครั้ง เกมล่าสุดเสมอกันที่แอนฟิลด์ 3-3

สำหรับโปรแกรมทุกคู่มีดังนี้ 19.30 น. แมนยูฯ-แมนฯซิตี้, 22.00 น. ไบรท์ตัน-ลิเวอร์พูล, 22.00 น. เอฟเวอร์ตัน-เซาแธมป์ตัน, 22.00 น. ฟอเรสต์-เลสเตอร์, 22.00 น. วูล์ฟส์-เวสต์แฮม และ 00.30 น. เบรนท์ฟอร์ด-บอร์นมัธ