“Rashman Returns” แรชฟอร์ดยังกลับมาได้ และคู่มือการใช้ฮีโร่!!! คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี | thsport.com – thsport.com

การกลับมาสู่ฟอร์มการเล่นที่ถูกทาง ผ่านการสร้างimpactต่อทีมด้วยคำตอบที่ค้นหามานานหลายปีกว่าจะเจอ “คู่มือการใช้งาน” ที่ถูกต้อง และการเรียนรู้จากคนสำคัญที่ใกล้ตัวที่สุด ทั้งหมดในบทความนี้ นำไปสู่การหาพาน้องกลับเข้าฝั่ง และค้นหาตัวเองเจอ .. นี่คือการ “รีเทิร์นสู่เกม” ของมาร์คัส แรชฟอร์ด!!!

ประเด็นนี้เชื่อว่าน่าจะเป็นข่าวดีของแฟนบอลที่เอาใจช่วยดาวเตะคนนี้อยู่ หลังจากที่ฟอร์มออกทะเลไปมากในระยะหลัง จนแทบทุกฝ่ายออกมาประสานเสียงกันตำหนิการเล่นของเขา (คอลัมน์นี้ก็ด้วยนั่นแหละ)

เป็นเรื่องถูกต้องแล้วที่แฟนบอลสามารถตำหนิฟอร์มการเล่นต่างๆที่ไม่ดีของเขาในสนามได้ตามเหตุตามผล แต่แค่ไม่ให้มันล้ำเส้นไปที่การด่ากันแบบหยาบๆคายๆเกินไป หรือบูลลี่ด่าทอประเด็นอื่นๆของเขา เรื่องแบบนี้แฟนบอลตำหนิได้

เพียงแต่ว่า เมื่อถึงเวลา “ให้กำลังใจกัน” เราก็ต้องพยายามช่วยกันเชียร์กันอย่างเต็มที่ไม่แพ้ตอนตำหนิเช่นกัน สำหรับ “มาร์คัส แรชฟอร์ด” นักเตะที่เติบโตมากับอะคาเดมี่ของเราที่ระยะหลังๆเริ่มกลับมาผลิตสกอร์ได้แล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แมตช์นรกแตกที่ยิงในไม่กี่สิบวินาทีสุดท้ายก่อนกรรมการจะเป่าหมดเวลา แบบโคตรบ้าคลั่งมากๆ เขียนแล้วก็ยังคงขนลุกอยู่จนถึงตอนนี้ แม้จะผ่านมาวันสองวันแล้วก็ตาม

แรชฟอร์ดกำลังพยายามอย่างหนักที่จะกลับมาเป็นตัวจริงของทีมให้ได้ และราล์ฟ รังนิคก็กล่าวเองว่า แรชชี่จะไม่ได้ถูกวางไว้ให้อยู่ในสถานะแค่เป็นตัวสำรองลงมาเปลี่ยนเกมเท่านั้นอย่างแน่นอน

ป๋าราล์ฟบอกไว้แบบนี้เลย

โดยดาวเตะแมนคูเนี่ยนวัย 24 ปีรายนี้ ระเบิดฟอร์มถล่มประตูเป็นซุปเปอร์ซับมาสองเกมติดในรอบ 4 วันแล้ว จากเกมบุกไปเอาชนะ Brentford 1-3 อันเป็นสถิติเกมเยือนที่เก็บชัยชนะในEPLได้เป็นนัดที่300ของสโมสร

แรชฟอร์ดยิงประตูที่สาม จากการกระชากขึ้นหน้าในฐานะ Mezzala แม่ทัพคนใหม่ของทีมอย่าง Scott McTominay ที่พาบอลขึ้นมาจ่ายให้บรูโน่เลี้ยงบอล แล้วกะจังหวะไหลให้แรชฟอร์ดที่สปีดว่างขึ้นมาทางขวา แล้วยิงเสยโกลเข้าไปเต็มตีนส์ด้วยความมั่นใจสุดๆ แถมยัง “เล่นฉลาด” ในจังหวะนี้ หากว่าไม่สังเกตกันจริงๆก็อาจจะมองว่าเป็นประตูธรรมดาๆ ใครก็ยิงได้ อวยกันทำไม

แต่ประตูนี้ของแรชฟอร์ด มาจากเพลย์การเล่นที่ใช้ความสามารถสามอย่างเพื่อผลิตสกอร์นี้

1.การอ่านจังหวะเพื่อนในจังหวะขึ้นเกมเร็ว เมื่อมิดฟิลด์สามารถเอาชนะเกมป้องกันขึ้นมาได้ และจ่ายบอลให้ตัวทำเกมรุกได้สำเร็จ เมื่อแรชฟอร์ดเห็นแน่ชัดแล้วว่า บอลอยู่ที่ตัวปั้นอย่างบรูโน่ แรชชี่ก็สปรินท์เต็มตีนเตี่ยทันที

2. แน่นอนว่า การเลี้ยงไลน์ก็ทำได้ดีด้วย เพราะถ้าหลับหูหลับตาวิ่ง แรชฟอร์ดน่าจะมีสิทธิ์ “ล้ำหน้า” ได้ เพราะว่าเอาจริงๆสปีดต้นแรชวิ่งได้เร็วกว่าจังหวะที่เห็นในประตูนี้มาก แต่เห็นชัดเลยว่า มีคุมpaceไว้เพื่อให้จังหวะตรงกับแรชฟอร์ด

3. การจบสกอร์อย่างฉลาด เมื่ออ่านกองหลังตัวประกบของเบรนท์ฟอร์ดที่วิ่งตามเขามาทันแล้ว แรชฟอร์ดเลือกที่จะ “ยิงงัด” ในลูกนี้ เตะใต้ลูก อัดเสยโด่งในระยะที่ใกล้ประตู เพื่อที่จะ “หนีบล็อค” ของกองหลังที่สไลด์เรียดมาแล้ว รวมถึงยิงหนีผู้รักษาประตูได้อีกต่อ ลักษณะลูกยิงช้อนใต้ลูกอันนี้ชัดเจนว่าตั้งใจหนีบล็อคกองหลังชัดเจน ซึ่งเอาจริงๆต้องขอบคุณกองหลังรายนี้แหละ ไม่งั้นแรชฟอร์ดอาจจะไม่ยิงโด่งแบบนี้ และติดเซฟผู้รักษาประตูก็ได้

นอกจากประตูกับเบรนท์ฟอร์ด ล่าสุดคือประตูชัยในวินาทีสุดท้ายก่อนจะหมดเวลาอันเกือบจะดราม่ากันเรื่องคาวานี่ล้ำไม่ล้ำ กับการยิงประตูพลิกนรกในนาทีบาป เชือดขุนค้อนเวสต์แฮมต่อหน้าธารกำนัลที่โอลด์แทรฟฟอร์ดอย่างมีสไตล์ ด้วยDNAฟีลแฟนแบบปีศาจแดงจ๋าๆ อย่างที่คอบอลรุ่นเก่าๆคุ้นเคยกันดีกับสิ่งที่เรียกว่า Fergie Time นั่นเอง

เพียงแค่วันนี้เป็น Ralfy Time แทนเท่านั้น

หลังจากยิงไม่ได้มา 11 นัด แรชฟอร์ดทำลายสถิติย่ำแย่ของตัวเองให้จบลงที่ถิ่น “ลอนดอนตะวันตก” เมื่อวันพุธที่แล้ว หลังจากที่ประตูสุดท้ายของแรชที่ยิงได้ ก็เกิดขึ้นที่เมืองหลวงเช่นกัน ย้อนไปถึงวันที่ 30 ตุลาคม ปีที่แล้วที่ยิงใส่สเปอร์ส

ดาวเตะลูกหม้อหมายเลขสิบลงสนามมาในเกม “รังนิคถล่มรังผึ้ง” นัดเบรนท์ฟอร์ดในนาที 71 เปลี่ยนสำรองแทนกรีนวู้ด และเพียงแค่ 6 นาทีก็ตอกฝาโลงให้แมนยูไนเต็ดในประตูที่สาม ก่อนจะชนะด้วยสกอร์ 1-3

เกมเจอเวสต์แฮมนัดล่าสุด เขาลงมาแทนรุ่นน้องที่ยึดตำแหน่งไปแล้วอย่างแอนโธนี เอแลงก้า ในนาที 61 ซึ่งรอบนี้เขาต้องใช้เวลาจนถึงเฮือกสุดท้ายเพื่อที่จะทำประตูได้จากการวิ่งสปีดมาเข้าฮอร์สบอลของคาวานี่ ที่กระแทกมาให้เขาในเสาไกล และtap-inเข้าไปอย่างสะใจสุดขีดที่ทำให้โอลด์แทรฟฟอร์ดแตกอย่างที่เห็น

ซึ่งนั่นหมายความว่า มันเป็นสองประตูสำคัญอันนำไปสู่ชัยชนะของแมนยูไนเต็ด ที่เป็นการหยุดฟอร์มการเล่นที่คลำเป้าไม่เจอ และถูกวิพากษ์มาตลอดระยะเวลาที่เขาฟอร์มตกด้วย โดยเฉพาะเสียงวิจารณ์จากภายนอกสโมสรที่ค่อนข้างหนาหู

แต่ถึงกระนั้น ท่ามกลางความวิตกของแฟนบอลที่ตำหนิ+เอาใจช่วยไปด้วยนั่นแหละ ผมเชื่อว่าแฟนผีส่วนใหญ่ต้องการจะเห็นเด็กปั้นของเราคนนี้กลับมาสู่หนทางที่ถูกต้องให้ได้ ก่อนจะสายเกินไป ซึ่งผู้จัดการทีมชั่วคราวอย่าง “ราล์ฟ รังนิค” ออกมาพูดถึงแรชฟอร์ดว่า เป็นเรื่องที่ตัวเขา(แรชฟอร์ด) จะต้องพัฒนาฟอร์มของตัวเองให้กลับมาตามคนอื่นทันให้ได้ หากว่าเขาไม่อยากต้องแปะยี่ห้อ “ซุปเปอร์ซับ” แบบนี้ไปแบบถาวร

ป๋าราล์ฟกล่าวเอาไว้แบบเต็มๆดังนี้

“เรามีปีกอยู่หลายตัวมากๆ และมีคนที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นอยู่เยอะในตำแหน่งดังกล่าว ซึ่งเจดอนนั้นไม่สามารถลงสนามได้ในวันนี้ก็จริง แต่เราก็ยังมีนักเตะเหลืออีกเยอะที่จะนำมาลงเล่นในสองบทบาทของทีม ทั้งกองหน้า และ ปีก ซึ่งมาร์คัสก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกดังกล่าวนั้น”

“ตอนนี้จะบอกว่า เขายิงประตูต่อเนื่องกันมาสองนัดจากการเป็นตัวเปลี่ยนเกมจากม้านั่งสำรอง แต่แน่นอนว่า ความมุ่งมั่นของเขาคือการที่จะได้ลงเป็นตัวจริงของทีมให้ได้อีกครั้งมากกว่า ซึ่งมันอยู่ที่ตัวเขาเองนะ ถ้าเขายังลงเล่นด้วยระดับการเล่นที่สูงอยู่ และยังคงรักษาการผลิตสกอร์ให้ทีมเอาไว้ได้แบบนี้ อันนี้ชัวร์ว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการกลับมาสู่ทีม และได้ลงเป็นตัวจริงตั้งแต่นาทีแรกของการแข่งขัน”

ในด้านของความคาดหวัง ราล์ฟอยากที่จะให้แรชฟอร์ดทำผลงานตัวเองได้สำเร็จแบบนี้ไปยาวไปเรื่อยๆ

“เขาเป็นสุดยอดตัวจบสกอร์คนหนึ่งของอังกฤษ เขาเป็นตัวทีมชาติที่ได้ลงเล่นเป็นตัวหลักของทีมอยู่เสมอ พวกเรารู้อยู่แล้วว่าเขามีคุณสมบัติดีๆอะไรในตัวบ้าง เอาจริงๆเขามีทุกอย่างที่กองหน้ายุคนี้จำเป็นต้องมีเลย เขามีสปีด ทักษะ ร่างกายส่วนสูง และกายภาพที่เหมาะกับการเป็นกองหน้าสุดๆ และสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับกองหน้า คือเรื่องของความมั่นใจ”

“ผมมั่นใจมากๆว่าสองประตูนั้นจะช่วยเพิ่มระดับความมั่นใจภายในตัวมาร์คัสเอง เพราะงั้นตอนนี้เราจึงน่าจะมองไปยังช็อตต่อไปได้ในการที่จะทำผลงานเช่นนี้ได้อย่างคงเส้นคงวา”

“ตอนนี้มันเป็นเรื่องของการรักษาความต่อเนื่องให้ได้ละ ผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นผู้เล่นคนสำคัญมากๆสำหรับเราในช่วงเวลาที่เหลือในซีซั่นนี้”

และนี่คือคำพูดของราล์ฟ รังนิค ที่พูดอย่าง “ตรงไปตรงมา” สุดๆ ไม่ได้อวยเกินเหตุ หรือโอ๋นักเตะคนใดคนหนึ่งจนเกินเหตุไป เพียงเพราะว่ามีคำว่า “เด็กปั้นสโมสร” ติดมา เพราะราล์ฟส่งนักเตะทุกคนลงสนาม ไม่ว่าคุณจะซื้อมาจากที่อื่น หรือโตมาจากที่นี่ และไม่ว่าค่าตัวคุณจะเท่าไหร่ก็ตาม

ราล์ฟไม่เคยสนใจ และส่งนักเตะลงสนามตามฟอร์มการเล่น ตาม “เนื้อผ้า” เน้นๆ อย่างที่เราได้เห็นเอแลงก้ายึดตัวจริง และการที่วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ในสภาพ100% ได้รับโอกาสลงสนามก่อนกัปตันทีม ที่ราล์ฟก็สามารถดรอปไปนั่งสำรองได้อย่างชิลๆ ในเคสของแฮรี่ แมกไกวร์ และ ลุค ชอว์ ซึ่งเป็นเมนหลักของทีมชาติอังกฤษซะด้วยซ้ำ

หากสองคนนี้ยังไม่อัพเกรดฟอร์ม ก็จะต้องนั่งข้างสนามไปพร้อมๆกับแรชฟอร์ดเช่นกัน และเป็นโอกาสของตัวเล่นที่ทำผลงานได้ดีกว่า อย่าง ลินเดอเลิฟ-วาราน ในตำแหน่ง CB ของแมกไกวร์

และอเล็กซ์ เตลีส “แบ็คซ้ายจอมขมังเวทย์” ที่เล่นลูกนิ่งได้อันตรายเข้าน้ำเข้าเนื้อทุกลูก และมี Passion กับเกมสูงลิบลิ่วชนิดที่เรียกว่าได้ใจแฟนบอลชิบหายอีกคนนึงในทีมชุดปัจจุบันนี้

ดังนั้น ในยุคของรังนิค เลิกพูดเรื่องเด็กเส้น ตัวทีมชาติอังกฤษไปได้เลย เพราะฟอร์มการเล่นคือทุกสิ่งทุกอย่าง และนั่นคือความตรงไปตรงมาที่เขามอบให้กับมาร์คัส แรชฟอร์ดเช่นกัน เพราะแม้กระทั่งนักเตะอย่างมาร์กซิยาล เมื่อเคลียร์ปัญหากันแบบมือโปรได้เรียบร้อย แม้แต่ตัวที่ต้องการจะย้ายออกจากทีมอย่าง Martial ก็ยังได้รับโอกาสลงสนาม

ป๋าแม่งโคตรแมนเลย จริงๆ

น้องหมากลงมาเป็นตัวสำรองได้อันตราย และเล่นได้เนียนสุดๆ จนรับบอลจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ที่จ่ายขึ้นหน้ามา และหมากก็พาบอลขึ้นมารอจังหวะ ก่อนจะไหลลูกจ่ายที่เป็น Key Pass ออกมาให้แฟนผีได้เห็นว่าเขายังมีของอยู่

กุญแจสำคัญที่สุดของประตูนี้ต้องยกให้หมากเลย ที่ไหลบอลแบบคลานเข่าถวายพานให้กองหน้าขวัญใจแฟนผีอย่าง “เอดินสัน คาวานี่” หนึ่งใน Striker ที่วิ่งเลี้ยงไลน์ได้โหดที่สุดในโลกคนนึง กะจังหวะสปรินท์ทำลาย “Defensive Line” สุดท้ายของเวสต์แฮมขึ้นไปแบบไม่ล้ำหน้า ไปรับบอล Pre-assist จากหมากได้อย่างพอดิบพอดี

และเอดี้ ไม่เคยทำให้ติ่งๆอย่างเราผิดหวัง เมื่อใช้ความเร็วในชั่วพริบตา มองหาเพื่อนแล้วจ่ายบอลด้วยการกระแทกบอลแรงให้พุ่งเร็วตัดหลังแนวป้องกัน หนีโกลไปยังเสาไกลของทีมเรา

ล้ำหน้าโว้ยยยยย ดูยังไงให้ไม่ล้ำเนี่ย แย่จังเลยแฟนเว้ดแฮมเนี่ย

ตามปกติ พื้นที่ตรงนั้นเหมือนแดนสนธยา ไม่ค่อยมีใครเข้าชาร์จสำเร็จสักเท่าไหร่

แต่.. ไม่ใช่กับมาร์คัส แรชฟอร์ดในวันนี้ ที่ทำได้ดีไม่แพ้คาวานี่ และมาร์กซิยาล ในจังหวะได้ประตูเลย

หลายคนอาจจะมองว่า แรชฟอร์ดเข้าแท็ปอินง่ายๆในลูกนี้ แต่ไม่ใช่เลย

เป็นอีกครั้งแล้ว ต่อมาจากนัดเบรนท์ฟอร์ด ที่แรชฟอร์ดเองก็รู้จักบันยะบันยังในการวิ่ง และ “ชะลอ” รักษาตำแหน่งของตัวเองเอาไว้ทางเสาไกลด้านขวา ในยามที่เพื่อนสามคนอย่าง โด้ หมาก เอดี้ กำลังต่อเกมกันมาทางซ้ายด้วยตัวโอเวอร์แลป

เฟรเดอริคส์ ไรซ์ โดนโด้ล่อเข้าพลาดไป2 ดอว์สันเจอ2-1 ซูม่ามัวแต่ยกมือ และเครสเวลล์หลุดประกบแรชฟอร์ดที่ “ชะลอ” จนเกิดเหตุประมาทเกิดขึ้น

แรชชะลอไว้เพื่อ “ทิ้งระยะห่าง” ให้อารอน เครสเวลล์ แบ็คMoon Knight ตายใจไปเสี้ยววินาทีเดียวที่หันไปดูแต่บอลเสาแรก จนทำให้แรชเห็นแล้วว่า แบ็คซ้ายเวสต์แฮมหลุดประกบเขาห่างเป็นที่เรียบร้อย และปล่อยตัว marking หลุดว่าง แบบที่เห็นแล้วถ้าเราเป็นเดวิด มอยส์ คงต้องไปตำหนิและเคี่ยวเข็ญกันเพิ่มอีก เพราะทิ้งตัวประกบแบบตายใจเลย

เป็นการชะลอหลอกที่ได้ผลสุดๆ เพราะจังหวะที่เสียประตู เจ้าตัวยังไม่รู้เลยว่ามีคนมาด้านหลัง จังหวะที่แรชฟอร์ดโฉบเข้ามา คำพูดของเคนชิโร่ก็ลอยมาเลยว่า..

Omae wa mō shindeiru

เจ้าน่ะ ตายไปแล้ว!!!!

จุดนี้ต้องชมแรชฟอร์ดเลยว่า เป็นการทำประตูที่มีครบทุกอย่าง ไม่ต่างจากประตูยิงเบรนท์ฟอร์ด ไม่ว่าจะเป็นหลายๆทักษะ เช่น

-การอ่านเกมเพื่อนว่าจะเล่นช็อตไหนล่วงหน้า และเตรียมเป็นตัวเข้าฮอร์สเสาไกลให้ เพราะมีเขาแค่คนเดียวในพื้นที่สุดท้าย

-“สปีด” ความเร็วที่สปรินท์ด้วย Pace 3-4 อัดด้วยพลังงานสูงสุด ณ เสี้ยววินาทีนั้น ซึ่งต้องใช้ทั้งสปีดต้นที่ดี และการกะจังหวะที่แม่นยำในการวิ่งเข้าหาบอลเหมือนหมาล่าเนื้อเช่นนี้ (Fox in the Box)

-ความเยือกเย็น และการจบสกอร์ (Compusure & Finishing) ซึ่งเป็นสิ่งที่จอมถล่มประตูพึงมี และน้องแรชมีอยู่แล้วแน่นอน

-การเล่นในยามไม่มีบอล (Off the ball) นอกจากเรื่องความเร็วในการสปรินท์ภายในไม่กี่วินาที / การวิ่งชะลอหลอกจนตัวประกบหลุดมาร์ค เรื่องการเล่นให้ทีมในยามที่ไม่มีบอลกับตัว เพราะเพื่อนทำเกมกันทางซ้าย

สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีมากและควรรักษาไว้ในการเล่นของเขา เพราะทุกๆเพลย์ที่เกิดขึ้น ภาพรวมของมันคือมิติ off the ball ล้วนๆ เนื่องจากเขามาเล่นบอลแค่จังหวะเดียว คือจังหวะจบให้ทีมทำสกอร์อันเป็นประตูชัยได้

ความเป็น Match Winner ในตัวยังครบถ้วน พูดแล้วขนลุก นี่แหละ มาร์คัส แรชฟอร์ด ของแท้ที่เรารู้จักมาตั้งแต่มันลงสนามเกมเดบิวต์

อย่าหาว่าอวย เพราะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ

ขอภัย ภาพนี้ย้อนไกลไปหน่อย

การเล่นที่คิดมาก เล่นท่ายาก ยึกยัก ดึงบอลนาน คือสิ่งที่เขาถูกตำหนิก่อนหน้านี้ ซึ่งผมเขียนวิจารณ์ในคอลัมน์และบนหน้าเพจอยู่ตลอดว่า แรชฟอร์ดทำเกมให้ทีมได้แย่มาก และไม่ยอมปรับทัศนคติในการเล่นที่เมื่อได้บอลแล้ว มักจะทำให้เพื่อนเสียจังหวะแทบทกนัดที่ลงสนาม

แต่ดูเหมือนว่า ราล์ฟ รังนิค และเจ้าตัวเอง น่าจะค่อยๆมองเห็น “คู่มือการใช้งาน” แรชฟอร์ดในตำแหน่งที่ถูกต้องแล้ว

สิ่งนี้ผู้เขียนเชื่อว่าหลายๆคนคงสงสัย และมีคำถามอยู่ว่า สรุปแล้วไอ้น้องแรชควรเล่นตำแหน่งไหนดี มันเป็นคำถามที่ตอบได้ง่ายมากๆ จากการนั่งดูทีมทุกสัปดาห์ และเห็นการเล่นที่มีปัญหาของเขา และจุดแข็งของเขาในเวลาเดียวกัน

คู่มือการใช้งานแรชฟอร์ด ฉบับสามัญประจำบ้าน อธิบายแบบบ้านๆได้ดังนี้

1. อย่าถ่างแรชออกไปเล่นห่างปากประตูมากนัก

แรชเล่น Inside Forward มาตลอดก็จริง แต่เราเห็นแล้วว่าเขาไม่ได้ทำได้ดีเลย เวลาที่ได้บอลไปเลี้ยงริมเส้น แรชชี่เลี้ยงไม่ค่อยผ่านคู่แข่ง / มักจะฝืนไปเองคนเดียว ไม่มองเพื่อน ไม่เล่นทีมเวิร์คมากเท่าที่ควร สุดท้ายทำเกมรุกเสียบอลเป็นประจำ

สกิลทักษะการเลี้ยงบอลเอาชนะคู่ต่อสู้ ผมว่าแรชไปไม่สุด เพราะน้องมีแต่ความเร็วในการเล่นลักษณะของ Explosive กระชากหนี แตะหนีด้วยความเร็ว แต่ยังขาดความพริ้วความคล่อง และการคอนโทรลบอลที่ดีมากพอ

ไม่ต้องไปเทียบกับเบอร์หนึ่งอย่างซานโช่นะ เอาแค่ กรีนวู้ด เอแลงก้า หรือ อามัด เดียโล่ แรชฟอร์ดก็ยังเลี้ยงบอลไม่พริ้วเท่าสามคนนั้นเลย นี่คือปัญหาใหญ่ๆของแรช ที่เจ้าตัวและทีมโค้ชใหม่อาจจะยังมองไม่เห็น

เพราะงั้นการถ่างแรชออกไปไกลพื้นที่ปากประตู จึงไม่ใช่วิธีใช้งานที่ถูกต้องเลย กลับกัน แรชควรเข้าใกล้ประตูให้มากกว่านี้

เลิกติดภาพของ “Inside Forward” แล้วปรับการเล่นของเขาให้มีความเป็นกองหน้ามากขึ้น ด้วยการหุบแรชเข้ามาเล่นด้านในให้มากกว่าเดิม อย่าถ่างออกปีกเยอะ

จากpositionการยืนตรงจุดของ Left Winger มาร์คัส แรชฟอร์ด ควรหุบเข้ามาในลักษณะของการเป็น “Left Striker” ในแบบของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ได้แล้ว เพราะเขาทำได้ดีกว่าจริงๆ

นั่นคือประการแรก เรื่องระยะห่างจากปากประตู



2.อย่าให้แรชฟอร์ดเป็นตัวครองบอล

เนื่องจากสกิลทักษะเขาไม่ใช่เพลเมคเกอร์ ไม่มีความเป็นตัวปั้นเกมเลย กลับกัน เขามีความเป็น Striker มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่ทั้ง Winger หรือ Playmaker รวมถึง Advance Forward ในลักษณะหน้าต่ำคล้ายๆรูนีย์ ก็ยังไม่ได้อยู่ดี เพราะสกิลห่างชั้นกับสุกรโลกันตร์หลายขุม

อย่าให้ครองบอลเยอะ และไม่ต้องทำเกมด้วยตัวเองให้มาก

แล้วเราจะใช้เขายังไง?

ง่ายๆครับ เป็นกองหน้าตัวจบสกอร์ในจังหวะสุดท้าย ที่ไม่ควรให้เขาเป็นคนเล่นบอล ได้บอล

แต่เป็นตัววิ่งหาจังหวะเข้าไปจบ ซึ่งเป็นสิ่งที่แรชแสดงให้เห็นแล้วว่า นี่เป็นจุดแข็งของมันมาตลอดในการโจมตีคู่แข่งได้ดีที่สุด

ไม่ใช่การเลี้ยงบอล เปิดบอล ปั้นเกม แต่เป็นการ “วิ่งฉีกคู่แข่ง” ขึ้นไปรับบอลปั้นในพื้นที่ Final Third ไม่ว่าจะจากบรูโน่ หรือบอลยาวจากลินเดอเลิฟ ที่เห็นบ่อยๆ

แรชไม่ต้องเล่นกับลูกบอลด้วยตัวเอง แต่เขาควรเป็นตัวสุดท้ายที่รอ “ยิง” ในจังหวะจบสกอร์ไปเลย นั่นถึงจะเป็นการดึงศักยภาพออกมาเพื่อทีมได้ดีที่สุด

อ่านตรงนี้แล้ว ผู้อ่านพอจะเริ่มมองเห็นอะไรบ้างรึยังครับ

3. “Poacher”

ใช่แล้ว ต่อเนื่องจากข้อ 2. จุดที่จะทำให้แรชฟอร์ดเล่นได้ดีที่สุด มันคือบทบาทหน้าที่ใน Role ของการเป็น “Poacher” หรือกองหน้าตัวชิงจังหวะ ทำลายไลน์คู่แข่ง แล้วเข้าไปจบสกอร์ในจังหวะสุดท้าย

นึกไม่ออก นึกถึง น้ากุ้งก็ได้ หรือชิชาริโต้ก็ได้ ที่เป็นตัว Poacher ที่จะพิงไลน์กับ Defensive Line ของคู่ต่อสู้ แล้วหาจังหวะทำลายเส้นกับดักล้ำหน้า เพื่อหลุดเดี่ยวๆไปยิง

ถ้าจะให้ชัดกว่านั้น ก็คนข้างๆที่จ่ายบอลมาให้นั่นแหละแรช.. กองหน้า Complete Forward อีกคนหนึ่งบนโลกนี้ที่มีมิติของการเป็นตัว Poacher ผสมอยู่ในความครบเครื่องนั้นแบบเด่นชัด

จอมวิ่งทำลายไลน์หมายเลขหนึ่งในใจผู้เขียนขณะนี้ ไม่เคยเห็นใครเลี้ยงไลน์ได้บ้าเท่าหมอนี่มาก่อน

พ่อพรานไพรใจฉกาจ “Edinson Cavani” นั่นไง

เขาคือกองหน้าสมบูรณ์แบบที่เด่นในด้านการเล่นตัว Poacher สุดๆ นั่นแหละคือสิ่งที่แรชฟอร์ดควรจะเรียนรู้จากคาวานี่ แล้วเอาไป “ธนู” ของเขาไปใช้ต่อให้เป็นประโยชน์

อนึ่ง .. ไม่ได้แปลว่าจะให้แรชจะเล่นเหมือนคาวานี่เลยทุกอย่างแบบนั้น

เพราะคาวานี่มีความเป็นตัวเป้า (Target Man) อยู่ในตัว แถมยังทำเกมแดนหน้า ปั้นเกมให้เพื่อนได้ในลักษณะของกองหน้าตัวต่ำ Deep-lying Forward

ดังนั้น จะแตกต่างจากที่เราชี้จุดอ่อนแรชว่า ไม่ควรเป็นตัวเล่นกับบอลและทำเกมเอง ยิ่งในขณะนี้ แรชยังไม่แกร่งพอจะเล่นเป็นตัวพักบอล ที่หันหลังให้โกลคู่แข่งได้

มิติของคาวานี่ที่แรชจะเอาไปได้ ก็คือการวิ่งหาตำแหน่ง เลี้ยงไลน์ หาจังหวะเข้าฮอร์สนั่นแหละใช่เลย

คำตอบของบทความนี้คือ มองแรชฟอร์ดในมุมใหม่ จากผลงานที่เขาทำได้ในสองเกมล่าสุด สะท้อนชัดโคตรๆแล้วว่า หมอนี่คือกองหน้าตัวจบสกอร์ที่ควรจับเล่นเป็น Poacher เต็มตัว ไม่ว่าจะเล่นในลักษณะของหน้าคู่ ที่มีเพื่อนคู่หูที่เล่นกับบอลเก่งๆ ปั้นบอลได้ ลงต่ำได้ (เช่น เคน หรือ คาวานี่) หรือจะเป็น Poacher กึ่งกองหน้าตัวด้านข้าง ที่วิ่งหุบเข้ามาลึกๆ มาทำประตูเช่นนี้

อย่างที่ผมบอกไปว่า แรชควรยืน position ของ “LS” มากกว่า LF หรือ LW

เขาควรเล่นด้วยมิติของ Striker มากกว่าการใช้เป็น Inside Forward

ซึ่งแม้จะคุ้นเคยกับ Role นี้มาตั้งแต่สมัยเป็นดาวเตะอายุน้อยๆ แต่มัน “ผิดจุด” มาโดยตลอด อย่างที่เราสงสัยกันนั่นแหละว่า ทำไมแรชไปได้ไม่ถึงไหน

ผมเขียนแบบนี้ อาจจะดูเป็นการหักดิบ หรือปฏิวัติความคิดมากไปสักหน่อย ผู้อ่านใช้วิจารณญาณเองได้นะครับ แต่นี่คือคำตอบชัดมากแล้ว เพราะสองประตูล่าสุด แรชทำได้สุดยอดมากๆในการเป็นตัว Poacher เข้าไปทำประตู ด้วยการดึงศักยภาพสูงสุดของตัวเองมา

ทั้ง “สปีด” ที่เร็วกว่านรก และ “การจบสกอร์” ที่คมกริบพอๆกับคัตเตอร์หักปลายใหม่ๆ

ชัดเจนมากว่าเขาควรใช้ความสามารถในด้านไหน ไอ้แรชมันเป็น Poacher นั่นแหละ!!!!

ก็ไม่มีใครใช้คู่มือแรชได้ถูกสักคน แม้กระทั่งFCเบอร์หนึ่งอย่างโซลชา ก็ปล่อยปละให้แรชเสียคนอย่างที่เห็นช่วงก่อนหน้านี้ เพราะใจดีมากเกินไปในภาคการบริหารคน (man-management)

โอเล่ไม่ควบคุมการเล่นของแรชฟอร์ดเท่าที่ควร

ดังนั้นเมื่อสรุปภาพรวมแล้ว นอกจากประเด็นการเล่นของแรชฟอร์ด ที่ควรจะใช้ให้ถูกหน้าที่แล้วนั้น ก็ไม่ได้มีเพียงแค่เขาคนเดียวที่ควรได้เครดิตในประตูชัยนี้

เราจะย้ำอีกครั้งว่านี่ไม่ใช่บทความที่บอกว่า แรชฟอร์ดสามารถแบกทีมได้ หรือ แรชฟอร์ดสุดยอดดดด แต่อย่างใด

เพราะประตูมันไม่ได้เกิดจากคนๆเดียว มันเกิดจากการทำงานหนักของทั้งทีม

DNA ที่ไม่ยอมแพ้จนกระทั่งวินาทีสุดท้ายของนักเตะแมนยูในวันนั้นคือสุดยอดมาก ทั้งๆที่เวลาจะหมดอยู่ในไม่กี่วินาทีข้างหน้า ก็ยังบุกอย่างไม่ย่อท้อจนสามารถสร้างประตูแห่งความฝัน ในโรงละครแห่งความฝันสำเร็จเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ในชีวิตการเชียร์ฟุตบอลมา

นี่แหละ คือเสน่ห์ของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่มีมานานแล้ว ไม่ใช่การเป็นสุดยอดทีมเทพที่ไร้เทียมทาน แต่หัวใจเราต่างหากที่สู้จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย

ถ้ากรรมการไม่เป่าหมดเวลา เราไม่เคยถอดใจยอมแพ้ นี่คือทีมของเรา

รักบรูโน่ว่ะ

ประตูนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับทีมเวิร์คของแมนยูไนเต็ดที่ต่อบอลกันได้ Perfect สัสๆในจังหวะได้ประตูชัยนี้ โดยที่จะต้องมอบเครดิตให้กับทุกๆคนในทีม ไม่ว่าจะเฮดโค้ช สตาฟฟ์ นักเตะตัวจริงตัวสำรอง

และในจังหวะทำประตู เราไม่ควรลืมคนอื่นๆที่สำคัญในช็อตนี้ เช่น..

: Alex Telles เป็นคนเข้าไปรีคัฟเวอร์บอลเสียจาก “จาร็อด โบเว่น” เทพแฟนตาซีมาได้ และเล่นบอล Direct เปิดยาวขึ้นหน้ามาทันที ซึ่งเป็นแทคติกของช่วงท้ายครึ่งหลังที่ราล์ฟ รังนิค โคตรพ่อโคตรแม่สวมใจหัวสิงห์ กล้าได้กล้าเสีย ปรับระบบจาก 4-3-3 ถอดกลางออกเหลือมิดฟิลด์แค่สอง คือแม็คกับบรูโน่ แล้วปรับแผนเป็น “4-2-4 Overloaded” ใส่กองหน้ามา4ตัวรวด เอดี้ โด้ หมาก-แรช มากันครบองค์ประชุมตัวจบสกอร์แดนหน้าเลย กองหน้าล้วนๆ บ้าเลือดมาก 

(ซึ่งวิธีการโอเวอร์โหลดนักเตะขึ้นแดนหน้าเยอะๆเช่นนี้ เป็นปรัชญาของรังนิคอยู่แล้ว ที่จะแตกต่างจากบอลของเป๊ปมากในแง่ของวิธีคิด เพราะใช้เรื่องจำนวนและปริมาณ มากกว่าการใช้พื้นที่ว่างและการสร้างความเหนือกว่าในแบบpositional playอย่างบอลเป๊ป)

: Cristiano Ronaldo ที่ปักหลักในแดนหน้า และอยู่ในตำแหน่งที่ดีมากในการรับบอลพลาดซึ่งบ่อจังหวะสุดท้ายที่เป็นตัวสำรองอย่าง ไรอัน เฟรเดอริคส์ โหม่งสกัดไม่ขาด บอลมาเข้าทางเขา

ก่อนที่พี่โด้จะทำลายคำครหาของความเห็นแก่ตัว ด้วยการรีบไหลให้เพื่อนที่ตำแหน่งดีกว่าและกำลังวิ่งไปอย่าง มาร์กซิยาล ให้ได้บอลต่อในทันที ซึ่งนอกจากจะทำให้เพลย์มันลื่นไหลแล้ว โรนัลโด้ยัง “ล่อตัวประกบ” กันแบบจะจะถึงสองคน ทั้ง เฟรเดอริคส์ ที่พลาดซ้ำสอง

และไอ้น้องข้าว ปีศาจมิดฟิลด์ตัวรับ ที่ติด “กับดักแพะ” ของ CR7 ด้วยอีกคน ทำให้แนวป้องกันของเวสต์แฮม อ่อนยวบลงไปอีกดอก เพราะเจ้าตัวนั้น “ติดใบเหลืองไปแล้ว” ทำให้ไม่กล้าตัดเกมโด้จังหวะนี้

เนี่ยล่ะ จุดเปลี่ยนของโดมิโน่ที่ล้มตัวแรก ชัดเจนสุดๆ

เรื่องใบเหลืองลดทอนประสิทธิภาพไรซ์นี่สำคัญมากจริงๆ ผู้เขียนเก็งไว้และข้อสอบก็ออกตรงตามนั้น ไม่แปลกใจเลย เพราะนี่น่าจะเป็นวิธีเดียวที่จะรับมือกับกองกลางตัวรับที่อยู่ระดับท็อปไฟว์หรือท็อปทรีของยุโรปในตอนนี้แน่ๆแล้ว

: Anthony Martial กล่าวไปแล้วว่า เขาเป็นตัวจ่าย key pass ในประตูนี้ ที่ไหลให้คาวานี่ได้อย่างพอดิบพอดี และน้องหมากลงมาแล้วปั้นเกมได้มากกว่าเมสัน กรีนวู้ดอย่างเห็นได้ชัด ด้วยทักษะสกิลเหนือชั้นแบบกองหน้าฝรั่งเศสที่ยังอยู่ในตัวครบถ้วน

ลูกนี้เป็น pre-assist และเป็น possession chain ที่สำคัญมากๆ แถมยัง “ดึงจังหวะ” ที่ไม่ใช่รอคาวานี่อย่างเดียว แต่ดึงระยะตัวประกบให้เข้ามาหาตัวเองอีกสองคน ทั้งชูฟาล และซูม่า ที่ได้แต่ถอย และปล่อยประกบนักเตะคนที่สามที่โอเวอร์แลปมาทางซ้ายมือ

2 สุดยอดตัวสำรองประจำวันนี้

: Edinson Cavani แน่นอนว่าการเลี้ยงไลน์ที่ทำให้ทีมไม่โดนริบประตูคืนนั้นสำคัญยิ่งกว่าอะไร แต่ที่น่าทึ่งคือ การสปีดในจังหวะขึ้นไปเอาบอล มันพอดีเป๊ะกับการจ่ายของหมาก และเป็นการวิ่งเร็วแบบไม่ยั้งด้วย ทำให้เขาเป็นตัวเอาชนะไลน์สุดท้ายของคู่แข่งได้เป็นคนแรก ก่อนที่จะแสดงถึง Vision การเล่นที่สุดยอด ไม่หวงบอล ไม่ฝืนยิงมุมแคบเอง

ผมคิดว่าภาพนี้ภาพเดียวที่ทำมาให้ดู น่าจะเป็นคำตอบของเพลย์การเล่นช็อตนี้ได้ครบสมบูรณ์แล้วครับ

คาวานี่จ่ายบอลต่อไปยังเสาไกลได้คมกริบและเร็วสุดๆ ซึ่งเมื่อเพื่อนทำประตูได้ เอดี้ก็แสดง Passion สุดเหวี่ยงออกมาที่ได้ใจแฟนผีทั้งโลกอีกครั้ง (เขียนไปน้ำตาก็จะไหล) และผมเชื่อว่า ทุกคนจะต้องรักสิ่งที่เขาทำให้เรามาตลอด 1ซีซั่นครึ่ง ที่ผ่านมา

ไม่ว่าปีหน้าเอดี้จะอยู่ต่อหรือไม่ก็ตาม เขาคือฮีโร่ตลอดกาลอีกคนนึงสำหรับการเชียร์แมนยูของผมไปตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วเรียบร้อย



แน่นอนว่า ทุกอย่างที่เขียนมาซะยืดยาว จะเป็นจริงไม่ได้เลย ถ้าวันนั้นไม่มีแรชฟอร์ดอยู่ทางขวา และสปีดจังหวะเดียวพุ่งเข้าไปหาบอลได้แบบที่เครสเวลล์พลาดแบบหมดสภาพทั้งแผงหลังจริงๆ ไม่ใช่แค่อารอนคนเดียว เพราะตัวป้องกัน 4 คน โดน โด้-หมาก ดึงตัวประกบไปเกลี้ยง

มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้วิ่งแย่งตำแหน่งแบบ 1 on 1 กับเครสเวลล์ ซึ่งในการดวลครั้งนี้ แรชฟอร์ดเอาชนะ และกลายเป็นสามแต้มที่โคตรล้ำค่าสุดๆให้กับทีมเรา

ทุกอย่างเป็นคำตอบของมันอยู่แล้ว ว่าสิ่งนี้ส่งสัญญาณให้เห็นว่า แรชฟอร์ดยังดีมากพอที่จะเป็นตัวจริงให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้อยู่ ในฐานะกองหน้าตัวตัดสินเกม ที่ไม่ว่ายังไง เขามักจะสร้าง “Impact” ระดับสึนามิให้กับคู่แข่งได้เสมอๆ

ถามปารีสดูน่าจะรู้ซึ้งเรื่องนี้ดี โดนไปเน้นๆเลยสองนัดนั้น

อย่างที่ราล์ฟพูดเป๊ะๆ ต่อจากนี้เป็นเรื่องของแรชแล้วที่จะหาตัวเองให้เจอ ปรับทัศนคติการทำเพื่อทีมให้มากขึ้น ใช้จุดเด่นที่มีในตัวอย่างถูกที่ถุกทาง เหมือนที่แฟนผีส่วนใหญ่พูดตรงกันว่า

“ไอ้แรชมันมีของ เสียดายแค่ใช้ไม่ถูกที่ถูกทางเท่านั้นเอง”

ราล์ฟ รังนิค แม้จะชอบเอแลงก้าเพียงใด แต่เขาก็ส่งสัญญาณแล้วว่า เขาแฟร์พอ และพร้อมที่จะให้โอกาสแรชกลับมาเป็น 11 ตัวจริง ตามที่คำให้สัมภาษณ์พูดไว้เป๊ะๆ

โอกาสมาแล้ว และผมเชื่อว่าสองเกมที่ผ่านมานี่แหละ คือ “Turn Point” ครั้งสำคัญในชีวิตของดาวเตะแมนคูเนี่ยนที่พวกเราภาคภูมิใจใน “เลือดแมนยูแท้” ของเขาเช่นนี้

แค่เปิดคู่มือให้ถูกหน้า เดี๋ยวน้องพวกกูจะกลับมาเป็นฮีโร่อีกครั้งอย่างแน่นอน

Rashman Return!!!!!!

-ศาลาผี-

References

https://www.manutd.com/en/news/detail/marcus-rashford-can-become-a-regular-starter-for-man-utd-again-says-ralf-rangnick-

https://www.youtube.com/watch?v=ajQisHsQlgM

https://www.youtube.com/watch?v=9Ww4frF5ocY