SEASON PREVIEW หงส์แดงผู้อหังการ 2021/22 – สยามกีฬา


SEASON PREVIEW หงส์แดงผู้อหังการ 2021/22

หลังผมทำการกะซวกถึง แมนฯ ยูไนเต็ด ประจำฤดูกาล 2021-22 ในรูปแบบของ “ซีซั่น พรีวิว” แบบหมดไส้หมดพุงตามสไตล์ของตัวเองไปแล้ว

    วันนี้มาถึงคิวของทีมรักทีมโปรดอีกทีมอย่าง ลิเวอร์พูล ประจำฤดูกาลนี้บ้าง 

    ขุมกำลัง

    อันที่จริงขุมกำลังของ ลิเวอร์พูล และฤดูกาลนี้ถือว่าจัดอยู่ในประเภท “ผมไม่เล็กนะครับ”  

    เพียงแต่เมื่อวัดขนาดกับคู่แข่งระดับพญายักษ์ด้วยกันอย่าง แมนฯ ซิตี้, เชลซี และแมนฯ ยูไนเต็ด แล้วคุณจะพบว่าขนาดของพวกเขา (ขนาดทีมนะ) มีขนาดเล็กกว่า

    เมื่อหรรม เอ๊ย! ขนาดของคุณเล็กกว่าคู่แข่ง ปัญหามันจะบังเกิดเมื่อผู้เล่นตัวหลักมีอาการบาดเจ็บหรือถูกลักพาตัวไปเป็นเวลานานๆ เหมือนฤดูกาลที่แล้ว เพราะตัวสำรองจะทดแทนตัวจริงได้ไม่แนบสนิทนัก ศักยพลานุภาพของทีมก็จะลดน้อยลงไป

ว่าแล้วขอยกตัวอย่างแบ็คจอมบุกทั้ง 2 ข้างอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ กับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน หากขาดใครไปสักคน มันก็คงมีตัวแทนนั่นแหละ 

    ทว่าด้วยรูปแบบการเล่นที่อาศัยฟูลแบ็ค 2 ข้างเติมขึ้นไปโจมตีทางริมเส้นแบบสุดซอยไม่ต่างจากปีก ไม่มีทางที่แบ็คอย่าง โจ โกเมซ หรือ คอสตาส ซิมิกาส จะเล่นเกมรุกได้อย่างเมามันเหมือน 2 คนนั้น

SEASON PREVIEW หงส์แดงผู้อหังการ 2021/22

    ทีนี้มาดูขุมกำลังของหงส์แดงประจำฤดูกาล 2021-22 ลิเวอร์พูล สูญเสียผู้เล่นตัวหลักไปเพียงแค่คนเดียวคือ จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม แต่ดันเป็นผู้เล่นสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อทีม เพราะกองกลางตัวหลักที่เหลืออีก 2 คนอย่าง นาบี 

เกอิต้า กับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ฟอร์มการเล่นเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่ค่อยมีความสม่ำเสมอสักเท่าไหร่ ขณะที่ เจมส์ มิลเนอร์ อายุมากขึ้นเรื่อยๆ 

    สำหรับผู้เล่นใหม่ที่ซื้อมาเสริมทัพในซีซั่นนี้คือเซ็นเตอร์แบ็ค อย่าง อิบราฮิม โกนาเต้ หลังจากได้รับบทเรียนจากเมื่อฤดูกาลที่แล้วที่ปล่อย เดยัน ลอฟเรน แล้วไม่ได้ซื้อตัวใหม่เข้ามาทดแทนจนเกิดปัญหา

    อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้นักเตะที่หายบาดเจ็บกลับ เฉพาะอย่างยิ่งกองหลังอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, โจ โกเมซ และโฌแอล มาติ๊ป ที่น่าจะช่วยให้เกมรับของ ลิเวอร์พูล มีความเหนียวแน่นและแข็งแกร่งเหมือนเดิมอีกครั้ง

    ขณะที่ผู้เล่นในหน่วยล่าสังหารระดับ 4 พระกาฬอย่าง โม ซาล่าห์, ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และดิโอโก้ โชต้า ยังอยู่กันครบ

    นอกจากนี้ ลิเวอร์พูล เหมือนมีอาวุธร้ายในการชำเราคู่แข่งเพิ่มขึ้น หนึ่งคือ ทาคูมิ มินามิโนะ ที่น่าจะปรับตัวให้เข้ากับความฮาร์ดคอร์ของพรีเมียร์ลีกมากยิ่งขึ้น หลังได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่องกับทีมชุดบีของพวกเขาอย่าง เซาธ์แฮมป์ตัน 

SEASON PREVIEW หงส์แดงผู้อหังการ 2021/22

    อีกหนึ่งคือดาวรุ่งพุ่งกระฉูดวัย 17 อย่าง ฮาวี่ย์ เอลเลียตต์ ที่เล่นได้ทั้งในตำแหน่ง “หน้าขวา” และ “มิดฟิลด์ตัวรุก” หลังถูกดึงกลับมาจากการส่งตัวไปลับฝีเท้าพลางสะสมประสบการณ์กับทีมที่เล่นในสไตล์เดียวกันอย่าง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เมื่อ

ซีซั่นที่แล้ว

    หากไม่ปล่อยให้ทีมอื่นยืมไปใช้งานอีก ผู้เล่นทั้ง 2 น่าจะเป็นตัวสอดแทรกพลางช่วยให้เกมรุกของหงส์แดงมีความสดใหม่มากยิ่งขึ้น 

    ระบบการเล่น: 4-3-3

    เจอร์เก้น คล็อปป์ ยึดสูตร 4-3-3 เป็นหลักมาตลอด โดยเป็น 4-3-3 แบบเฉพาะตัวที่ไม่มีใครสวมบท “เพลย์เมคเกอร์” 

    (เหมือนที่ แมนฯ ซิตี้ มี เควิน เดอ บรอยน์) แถมใช้กองหน้าตัวเป้าในรูปแบบของ “False9” เสมอหนึ่ง “หน้าต่ำ” คอยสร้างสรรค์เกมรุก เพื่อให้กองหน้ากึ่งปีกอย่าง โม ซาล่าห์ กับ ซาดิโอ มาเน่ สลับเข้าไปเป็นตัวทำลายตาข่ายให้สิ้นซาก 

    บางเกม กุนซือชาวเยอรมันอาจปรับระบบการเล่นเป็น 4-2-3-1 ในกรณีที่ต้องการส่งกองหน้าระดับ 4 จตุรเทพลงเล่นพร้อมกันทั้งหมด โดยจะถอย โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ลงมาเป็นหน้าต่ำ แล้วขยับ โม ซาล่าห์ เข้าไปเล่นเป็นหน้าเป้า โยก ซาดิโอ มาเน่ มาทางขวา แล้วส่ง ดิโอโก้ โชต้า ลงไปเป็นหน้าซ้าย

    แต่ไม่บ่อยนักที่ “มิสเตอร์เจเค” จะติดตั้งสูตรนี้ให้ลูกทีม เรียกว่าปรับไปตามสถานการณ์แบบนานๆ ครั้งซะมากกว่า

SEASON PREVIEW หงส์แดงผู้อหังการ 2021/22

    รูปแบบการเล่น

    สไตล์การเล่นของ ลิเวอร์พูล จากการทำงานของ เจอร์เก้น คล็อปป์ นั้นพากย์ภาษาอังกฤษว่า… “เฮฟวี่ เมทั่ล ฟุตบอล” อันเร็วแรงแบบทะลุนรก ซึ่งมีขั้นตอนสำคัญอยู่ 3 ประการ

1. บีบสูง 

2. เพรสซิ่ง

และ 3. คือการจู่โจมแบบลอบฆ่า

    พวกเขาจะบีบและดันขึ้นสูงถึงในหน้ากรอบเขตโทษคู่แข่ง ก่อนจะพุ่งเข้ารุมคู่แข่งเพื่อแย่งบอลแบบเป็นหมู่คณะจากรอบทิศทาง ต่อเมื่อตัดบอลได้จะทำการโจมตีอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาดและหนักหน่วงปานภูผาถล่มทลายด้วยการต่อบอลน้อยให้ครั้งแล้วหาจังหวะจบโดยพลัน

    เวลาขึ้นเกมรุกก็จะค่อยๆ เซ็ตบอลจากในแดนตัวเองก่อน พลันที่เห็นช่องว่าง เซ็นเตอร์แบ็คหรือกองกลางก็จะวางบอลยาวจากแดนหลังให้ผู้เล่นในแผนกเกมรุกที่มีความจัดจ้านอยู่แล้วอย่างบัดดล

    กระนั้น “เฮฟวี่ เมทั่ล ฟุตบอล” ของ ลิเวอร์พูล ใช้พลังงานค่อนข้างสูงมากจึงสังเกตเห็นได้ว่าเวลาเจอคู่ต่อสู้ที่ต่ำศักดินาหรือมีอัตราความอู๊ดดี้สูง พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องพุ่งเข้าชนและวิ่งเข้าใส่แบบ “เพรสซิ่ง” อะไรมาก เพื่อเก็บพลังงานเอาไว้ใช้ในเกมที่สำคัญกว่า 

    ดรีมทีม: ผู้เล่น 11 ตัวจริงที่ดีที่สุด

    เจอร์เก้น คล็อปป์ มีทีมที่เหมาะสมและลงตัวที่สุดอยู่ในใจมาตั้งนานแล้วนะครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะได้รับอนุญาตจากใครบางคนบนฟ้าหรือในนรกให้จัดทีมที่ดีที่สุดของตัวเองหรือเปล่าเท่านั้นเอง

    อลิสซง เบ็คเกอร์ ยืนหนึ่งในตำแหน่งผู้รักษาประตู

SEASON PREVIEW หงส์แดงผู้อหังการ 2021/22

    แผงแบ็คโฟร์ประกอบด้วยตัวหลัก 3 คน คือ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ขณะที่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟอีก 1 คน ต้องเลือกเอาจาก อิบราฮิม โกนาเต้, โจ โกเมซ และโฌแอล มาติ๊ป โดยขึ้นอยู่กับฟอร์มการเล่น ห้องเครื่องตรงกลาง 3 คน ฟาบินโญ่ ปักหลักเป็นตัวรับ โดยมีผู้เล่นตำแหน่งหมายเลข 8 จำนวน 2 คนอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ติอาโก้ อัล คันตาร่า คอยเชื่อมเกมพลางกำหนดจังหวะ โดยมี นาบี เกอิต้า, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เจมส์ มิลเนอร์ และอาจรวมถึง ฮาวี่ย์ เอลเลียตต์ เป็นอะไหล่

    ส่วน 3 ประสานในแดนหน้าประกอบด้วย โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, โม ซาล่าห์ และซาดิโอ มาเน่ ขณะที่ ดิโอโก้ โชต้า พร้อมเสียบทันทีที่ใครบาดเจ็บหรือฟอร์มตก

    ระบบ 4-3-3: อลิสซง เบ็คเกอร์; เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิม โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน; จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, ติอาโก้ อัล คันตาร่า; โม ซาล่าห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่

SEASON PREVIEW หงส์แดงผู้อหังการ 2021/22

    ผู้จัดการทีม

    เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นผู้จัดการทีมที่อุดมด้วยความหื่นกระหายดีนักแล

    จุดเด่นอยู่ที่การปลุกระดมลูกทีมให้ฮึกหาญพลางกระสันอยากจะเอาเลื่อยไฟฟ้ายัดเข้าไปในรูตูดคู่แข่งแบบระห่ำโคตรโหดไร้ปรานี

    ส่วนความสามารถในการวางแผน และแก้เกม ผมให้ 7 เต็ม 10 คะแนน แถมยังมีผลงานที่เหนือกว่าเวลาเจอกับคู่แข่งในพิกัดเดียวกันอย่าง เป็ป กวาร์ดิโอล่า กับ โธมัส ทูเคิ่ล แถมยังชอบจับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มากินแบบดิบๆ เรียนตามตรงว่ามี “จ่าฝูง” แบบนี้แล้วก็อุ่นใจ

SEASON PREVIEW หงส์แดงผู้อหังการ 2021/22

    จุดแข็ง

    ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นทีมที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูงมาก 

    ขนาดฤดูกาลที่แล้วผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บถูกลักพาตัวหายไปพร้อมกันเป็นเวลานานยังอุตส่าห์ตะเกียกตะขายเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 3 ได้สำเร็จ 

    นี่แหละที่บ่งว่าระบบการเล่นสำคัญกว่าความสามารถส่วนบุคคล 

    เกมรุกของ ลิเวอร์พูล มีความหลากหลายทั้งโจมตีด้านข้างและเจาะข้างใน โดยใช้ทีมเวิร์ค ลูกตั้งเตะทุกประเภทที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการใช้ความสามรถเฉพาะตัวของผู้เล่นในแผนกเกมรุกพลิกแพลง จึงเอาตัวรอดเก่ง เช่นเดียวกับที่มักหาทางยัดเยียดความปราชัยให้คู่แข่งของตัวเองได้เสมอ

    ที่สำคัญคือทีมชุดนี้รวมตัวกันมานานจนเข้าขาและรู้ใจกันหมดแล้ว 

    จุดอ่อน

    ก่อนอื่นขอบอกว่าฤดูกาลที่แล้ว คู่แข่งรู้วิธีกำราบความอหังการของหงส์แดงได้แล้วนะครับ 

    อย่างน้อยพวกเขาก็รู้ว่าจะต้องเล่นอย่างไรเวลาเจอ ลิเวอร์พูล โดยสิ่งที่ท่านผู้ชมทางบ้านอย่างผมสังเกตเห็นจากเกมที่หงส์แดงแพ้พ่ายในซีซั่นที่แล้วมีอยู่ 2 อย่างในเกมเดียว 

    อันดับแรกเป็นการหนามยอกเอาหนามบ่งด้วยการบีบสูงแล้วจี้เข้าหาบอลเร็วในแดนกลาง ไม่อนุญาตให้ ลิเวอร์พูล เซ็ตเกมรุกได้ถนัด หากแกะออกมา คู่แข่งของพวกเขาก็จะรีบถอยกันลงไปตั้งรับลึกพลางบีบพื้นที่หน้าประตูให้หนาแน่นที่สุด

    เมื่อ ลิเวอร์พูล เล่นเกมเร็วไม่ได้ก็จะพบกับความอึดอัด และเมื่อดันสูงขึ้นมาบีบในแดนบนก็จะเกิดที่ว่างมหาศาลในแดนหลัง เฮฟวี่ เมทั่ล ฟุตบอล และบางทีจึงไม่ต่างจากดาบ 2 คม

SEASON PREVIEW หงส์แดงผู้อหังการ 2021/22

    นอกจากนี้ พวกเขาไม่มีกองหน้าตัวเป้าในความหมายของผู้เล่นเบอร์ 9 ของจริงที่ผลิตประตูแบบเป็นกอบเป็นกำ เช่นเดียวกับที่ไม่มีกองกลางที่จัดอยู่ในประเภทเพลย์เมคเกอร์คอยเปิดป้อนและทำทาง รวมถึงตะบันจากนอกกรอบเขตโทษ

    เหนือสิ่งอื่นใดมาตรฐานของหงส์แดงอาจสูงมากก็จริง แต่ต้องไม่ลืมว่าทีมชุดนี้คือตัวเดิมๆ ที่อยู่ด้วยกันนาน และเหมือนจะนานจนพ้นช่วงน้ำกระฉูดแตกที่สุดของแต่ละคนไปแล้วจึงแสดงเริ่มความเอื่อยเฉื่อยออกมาให้เห็นเมื่อฤดูกาลก่อน

    แต่ทว่าเบื้องบนของสโมสรกลับแสดงความทะเยอทะยานออกมาน้อยไปหน่อย ประหนึ่งว่าภารกิจคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกของตัวเองมันสำเร็จเสร็จสิ้นไปแล้ว ขณะเดียวกับที่ แมนฯ ซิตี้, เชลซี และแมนฯ ยูไนเต็ด ต่างพยายามยกตูดตัวเองให้สูงขึ้น

    ความน่าจะเป็น

    ด้วยศักยภาพของผู้เล่น ด้วยรูปแบบการเล่นอันน่าสยดสยอง ด้วยความสามารถของผู้จัดการทีม และด้วยมาตรฐานอันสูงส่ง 

    ลิเวอร์พูล น่าจะออกตัวอย่างเร็วและแรงในช่วงแรกๆ พลางเกาะกลุ่มลุ้นแชมป์ไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงโค้งสุดท้าย แต่ด้วยขนาดของทีมที่เล็กกว่าคู่ขับเคี่ยวอย่าง แมนฯ ซิตี้ และ เชลซี 

    ถ้าของัดมีดสปาตาร์ออกมาฟันธงว่าไม่ถึงแชมป์ เด็กหงส์อย่าโกรธผมนะครับ

บอ.บู๋

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร

Add friend ที่ @Siamsport

เพิ่มเพื่อน