ระอุเดือดปิดซีซั่น! ‘หงส์-จิ้งจอก-สิงห์’ชิงตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีก – หนังสือพิมพ์แนวหน้า

วันอาทิตย์ ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2564, 06.00 น.

ลิเวอร์พูล ต้องลุ้นตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกจนหยดสุดท้ายกับ เชลซี และเลสเตอร์ ซิตี้

การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดสุดท้ายของฤดูกาล จะแข่งขันพร้อมกันทั้ง 10 คู่ ในเวลา 22.00 น. โดยปีนี้ “เรือใบสีฟ้า”แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ครองแชมป์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะได้ฉลองแชมป์ในบ้านตัวเอง ด้วยการเจอกับ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตันส่วนทีมตกชั้นได้ครบแล้วตั้งแต่ก่อนปิดซีซั่น 3 เกม นั่นคือ ฟูแล่ม,เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน และเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

โดยที่ พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 จะทำการถ่ายทอดสดเกมรับแชมป์ ระหว่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ขณะเดียวกันในระบบสมาชิกของ “ทรูวิชั่นส์”ถ่ายทอดสดทั้ง 10 สนาม

โปรแกรมทั้งหมด ประกอบด้วย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ vs เอฟเวอร์ตัน, วูล์ฟแฮมป์ตัน vs แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แอสตัน วิลล่า vs เชลซี, ลิเวอร์พูล vs คริสตัล พาเลซ, เลสเตอร์ vsท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์, อาร์เซนอล vs ไบรท์ตัน, เวสต์แฮม vs เซาแธมป์ตัน, ลีดส์ ยูไนเต็ด vs เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน, ฟูแล่มvs นิวคาสเซิล, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด vs เบิร์นลี่ย์

ชิงตั๋วฟุตบอลยุโรประอุลุ้น 3 รายการ

ความสำคัญอยู่ที่การชิงพื้นที่ยุโรป โดยเฉพาะการไปเล่นยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ที่มีโควตาอีก 2 ที่ แต่มีลุ้นกันอยู่ 3 ทีม นั่นคือ เชลซี ที่มี 67 คะแนน, ลิเวอร์พูล 66 คะแนน ประตูบวก 24 และเลสเตอร์ ซิตี้ 66 คะแนน ประตูบวก 20

ขณะเดียวกันโควตาฟุตบอลยุโรปที่เหลือนั่นก็คือ การชิงอันดับที่ 6 ทั้งหมด 3 ทีมนั่นก็คือ เวสต์แฮม 62 คะแนน ประตูบวก 12, สเปอร์ส 59 คะแนน ประตูบวก 21, เอฟเวอร์ตัน59 คะแนน ประตูบวก 4 และอาร์เซนอล 58 คะแนน ประตูบวก 14โดยทีมที่จบอันดับ 5 กับ 6 จะไปเล่นยูโรป้า ลีก และทีมที่จบอันดับ 7จะไปเล่นยูโรป้า คอนเฟเรนซ์ ลีก รอบเพลย์ออฟ ดังนั้นทุกทีมจะใส่เต็มข้อแน่นอน

แชมป์เก่าหวังคว้าที่ 4 ปลอบใจแฟน

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี แชมป์เก่า ที่ต้องกลับมาลุ้นอันดับ 4 อีกครั้ง หลังจากเล่นได้ท็อปมา 2 ปีติดๆ ต้องการชัยชนะอย่างเดียว เพื่อการการันตีการคว้าอันดับ 4 เพราะลูกได้เสียดีกว่า เลสเตอร์ ซิตี้ ถึง 4 ประตู เจอร์เก้น คล็อปป์ มีข่าวดีตรงที่ไม่มีรายงานว่าใครเจ็บเพิ่มหรือติดโทษแบน คาดว่าน่ราจะใช้ชุดถลุง เบิร์นลี่ย์ ลงสนาม และยังแอบลุ้น ดีโอโก้ โชต้า ลงสนามอีกคนด้วย

ผู้มาเยือนจากลอนดอน คริสตัล พาเลซ ไม่มีลุ้นอะไรแล้ว นัดนี้จะเป็นเกมสุดท้ายในการคุมทีมของ รอย ฮอดจ์สัน แต่ไม่มี เอเบเรซี่ เอเซ่ แนวรุกดาวรุ่งที่โชคร้ายเจ็บเอ็นร้อยหวายระหว่างการซ้อมอาจจะพักยาว 6-8 เดือนเลยทีเดียว ส่วน มามาดู ซาโก้ และเจมส์ แม็คอาร์เธอร์ มีอาการบาดเจ็บ แต่จะได้ ลูก้า มิลิโวเยวิช กลับมาคุมแดนกลางอีกครั้ง นอกนั้นนำโดยแนวรุกอย่าง อันดรอส ทาวน์เซ่นด์, คริสติยง เบนเตเก้ และวีลฟรีด ซาฮา

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ๊คเกอร์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แนต ฟิลลิปส์, รีห์ส วิลเลี่ยมส์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ธีอาโก้ อัลคันทาร่า, ฟาบินโญ่,จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และซาดิโอ มาเน่

พาเลซ (4-3-3) : บิเซนเต้ กวยต้า, โจเอล วอร์ด, เจมส์ ทอมกิ้นส์, แกรี่ เคฮิลล์, ไทริค มิทเชลล์, ชีค คูยาเต้, เจมส์ แม็คคาร์ธีย์, เจฟฟรีย์ ชลุปป์, อันดรอส ทาวน์เซ่นด์, คริสติยง เบนเตเก้และวีลฟรีด ซาฮา

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม ลิเวอร์พูล เหนือกว่าเยอะเอาชนะ พาเลซ ได้ทั้งหมดในการเจอกัน 7 ครั้งหลังสุด แถมเกมล่าสุดเพิ่งบุกไปถล่มยับ 7-0 ด้วย

ชนะไว้ก่อน!‘จิ้งจอก’ชนไก่ที่ยังลุ้น

“จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ นัดล่าสุดพ่ายให้กับเชลซี 1-2 ทำให้สถานการณ์หนักสุดในทีมที่ต้องลุ้นไปถ้วยใหญ่ เพราะนอกจากจะชนะแล้ว ต้องชนะให้เยอะไว้ก่อน และต้องให้ ลิเวอร์พูล กับ เชลซี สะดุดด้วย

เบรแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือนักวิชาการ ยังไม่มี ฮาร์วีย์บาร์นส์, เจมส์ จัสติน, เซนกิซ อุนแดร์ และจอนนี่ อีแวนส์ แต่ยังคงจะใช้แผนเดิม 3-4-2-1 แต่ปรับที่แนวรุกส่ง เคเลซี่ อีเฮียนาโช่ ที่เป็นสำรองนัดที่ผ่านมาลงตัวจริงประสานงานกับ เจมี่ วาร์ดี้ โดยมีเจมส์ แมดดิสัน เป็นเพลย์เมกเกอร์ คอยปั้นเกม

ทางฝั่ง สเปอร์ส เพิ่งแพ้คาบ้านให้กับ แอสตัน วิลล่า โดนเวสต์แฮม แซงไปแล้ว ทำให้รั้งอันดับ 7 พวกเขาต้องชนะเพื่อโควตายูโรป้า ลีก เกมนี้ไม่มี เบน เดวีส์ และจาเฟ็ต ทานกานก้า สองฟูลแบ๊กที่บาดเจ็บ นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ น่าจะได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริงในแดนกลางคุมเกมร่วมกับ ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ค ส่วนแนวรุกเลือก สตีเว่น เบิร์กไวจน์ ลงประสานงานกับ เดเล่ อัลลี่ และซน ฮึง มีน โดยแฮร์รี่ เคน ยืนหน้าเป้า

11 นักตะที่คาดว่าจะลงสนาม เลสเตอร์ ซิตี้ (3-4-2-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, ธีโมที กาสตาญ, เวสลีย์ โฟฟาน่า, คักลาร์โซยุนคู, ริคาร์โด้ เปเรยร่า, ยูรี ตีเลมานส์, วีลฟรีด เอ็นดิดี้, ลุค โธมัส, เจมส์ แมดดิสัน, เคเลซี่ อีเฮียนาโช่ และเจมี่ วาร์ดี้

สเปอร์ส (4-2-3-1): อูโก้ ญอริส, แมตต์ โดเฮอร์ตี้, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, เอริค ดายเออร์, เซร์คิโอ้ เรกีลอน, ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่, ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ค, สตีเว่น เบิร์กไวจน์, เดเล่ อัลลี่,ซน ฮึง มิน และแฮร์รี่ เคน

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุดไม่เคยจบลงด้วยผลเสมอ สเปอร์ส เอาชนะได้ 3 ส่วนเลสเตอร์ ซิตี้ ชนะ 2

‘สิงห์บลูส์’ต้องเฮก่อนกันพลาดตั๋ว

“สิงห์บลูส์” เชลซี ทีมอันดับ 3 ยังไม่การันตีการไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก หากแพ้หรือเสมอเกมนี้ มีโอกาสจะหลุดโค้งได้เหมือนกัน ทำให้ โธมัส ทูเคิ่ล เน้นเต็มกำลังแน่นอน รอเช็คความฟิตของ ไค ฮาแวร์ต และเอ็นโกโล่ ก็องเต้ ทำให้มีแววจะใช้ทีมชุดเดิมจากเกมที่อัด เลสเตอร์ ซิตี้ มา 2-1 เล่นในระบบ 3-4-2-1 มัตเตโอโควาซิซ คุมแดนกลางร่วมกับ จอร์จินโญ่ แผงเกมรุกเลือก คริสเตียน พูลิซิซ เล่นกับ เมสัน เม้าท์ และติโม แวร์เนอร์

เจ้าบ้าน “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า ที่ไม่มีลุ้นอะไรแล้ว แต่ฟอร์มดีบุกไปเอาชนะ สเปอร์ส มาได้ 2-1 เกมนี้ยังไม่มี แมตตี้แคช และมาห์มู้ด ฮาสซาน เทรเซเกต์ สองแกนหลักที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ รวมไปถึงหมดสิทธิ์ใช้งาน รอสส์ บาร์คลีย์ ที่เจอกันต้นสังกัดแม่ลงไม่ได้ แนวรุกใช้ แบร์กตรองด์ ตราโอเร่, แจ็ค กรีลิช, อันวาร์ เอล กลาซี่ และโอลลี่ วัตกิ้นส์

11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม แอสตัน วิลล่า (4-2-3-1) :เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ, เอซรี่ คอนซ่า, คอร์ตนีย์ เฮ้าส์, ไทโรน มิงค์ส, แมทธิว ทาร์เก็ตต์, ดั๊กลาส ลุยซ์, จอห์น แม็คกินน์, แบร์กตรองด์ตราโอเร่, แจ็ค กรีลิช, อันวาร์ เอล กลาซี่ และโอลลี่ วัตกิ้นส์

เชลซี (3-4-2-1) : เอดูอาร์ เมนดี้, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า,ติอาโก้ ซิลวา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, รีซ เจมส์, มัตเตโอ โควาซิซ, จอร์จินโญ่, เบน ชิลเวลล์, คริสเตียน พูลิซิซ, เมสัน เม้าท์ และติโม แวร์เนอร์

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด เชลซี เหนือกว่าเยอะไม่แพ้เลย เอาชนะได้ 4 และเสมอ 1