หลังจากต้องเลื่อนการแข่งขันมา ในที่สุดบทสรุปของศึกแดงเดือดภาค 3 ประจำซีซั่นนี้ก็ออกมาแล้ว โดยที่ ลิเวอร์พูล สามารถบุกมาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ถึง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 4-2 จนทำให้ยังมีโอกาสดีที่จะติดท็อปโฟร์เพื่อให้ได้สิทธิ์เล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า
ผลการแข่งขันที่ออกมาทำให้มันเกิดสถิติหลายอย่างตามที่มีการนำเสนอกันไป อย่างเช่นการที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ สามารถบุกมาชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในฐานะกุนซือ ลิเวอร์พูล ได้เป็นครั้งแรก เป็นต้น แต่มันก็ยังมีสถิติแบบอื่นๆ ที่น่าสนใจเช่นกัน
– บรูโน่ เอาชนะ แลมพาร์ด
แฟร้งค์ แลมพาร์ด ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองกลางที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของศึก พรีเมียร์ลีก เพราะนอกจากจะช่วยปั้นเกมได้แล้วนั้นเขายังสามารถทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำด้วย ซึ่งฤดูกาล 2009-10 เป็นซีซั่นที่ แลมพาร์ด จบสกอร์ได้เฉียบคมอย่างมากด้วยการทำประตูไป 27 ลูกจากการลงเล่นในทุกรายการ และนั่นทำให้เขากลายเป็นกองกลางจากทีมในศึก พรีเมียร์ลีก ที่ทำประตูต่อ 1 ซีซั่นในการลงเล่นทุกรายการได้มากที่สุดด้วย
หลายคนเคยคิดว่าสถิติของ แลมพาร์ด น่าจะไม่มีใครทำลายได้ หรือถ้าจะมีก็อาจจะต้องรออีกสัก 20 ปี เพราะผลงาน 27 ลูกมันเทียบเท่ากับกองหน้าเลยด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม บรูโน่ ก็สามารถล้มสถิตินั้นได้แล้ว เพราะประตูในเกมแดงเดือดนัดล่าสุดทำให้เขายิงในทุกรายการของซีซั่นนี้ไปแล้ว 28 ประตูด้วยกัน
ถ้าหากคนจะพาดพิงว่า บรูโน่ ล้มสถิติของ แลมพาร์ด ได้เพราะลูกจุดโทษแล้วล่ะก็ มันก็ต้องบอกก่อนว่าข้ออ้างนั้นฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่ เพราะ 28 ประตูที่ บรูโน่ ทำได้ในซีซั่นนี้นั้นมาจากลูกจุดโทษ 8 ลูก ขณะที่ในฤดูกาล 2009-10 แลมพาร์ด ทำประตูจากลูกจุดโทษไป 9 หนด้วยกัน
– ในบ้านอย่างรั่ว
ตามที่หลายนคงได้อ่านกันไปแล้วว่าตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ถือเป็นทีมที่เสียประตูกับเกมในบ้านของศึก พรีเมียร์ลีก มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ด้วยจำนวน 27 ลูก โดยมีเพียง เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน กับ นิวคาสเซิ่ล ที่โดนยิงในบ้านมากกว่าพวกเขา
อย่างไรก็ตาม นอกจากเรื่องนั้นแล้วนี่ยังเป็นฤดูกาลที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เสียประตูใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด กับการเล่นเกมลีกมากที่สุดภายในฤดูกาลเดียว นับตั้งแต่ซีซั่น 1971-72 ด้วย จากการที่ตอนนั้น “ปีศาจแดง” เสียประตูในบ้านไป 26 ลูก
– นำก่อนไม่รุ่ง
นี่นับเป็นครั้งที่ 2 ในฤดูกาลนี้แล้วที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อนกับการเล่นเกมลีกที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่พอเข้าสู่ช่วงพักครึ่งแล้วต้องเป็นฝ่ายตามหลัง โดยหนแรกเกิดขึ้นในเกมที่แพ้ สเปอร์ส 1-6 เมื่อช่วงเดือนตุลาคม ปีก่อน
ที่จริงแล้วตลอดการลงเล่น พรีเมียร์ลีก 28 ซีซั่นก่อนหน้านี้นั้น มันเคยมีเพียงครั้งเดียวที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปก่อนกับการเล่นเกมลีกในบ้าน แต่กลับต้องเป็นฝ่ายตามหลังเมื่อเข้าสู่ช่วงพักครึ่ง โดยเกมที่ว่าเกิดขึ้นเมื่อปี 2009 และบังเอิญเหลือเกินที่คู่แข่งในวันนั้นก็คือ ลิเวอร์พูล เช่นกัน โดยวันนั้น ลิเวอร์พูล ชนะไปแบบขาดลอย 4-1
– ฟีร์มีโน่ เด่นกับลูกกลางอากาศ
แม้ว่าผลงานการทำประตูโดยรวมของ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ จะไม่โดดเด่นเท่ากับ 2 สหายในแนวรุกอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หรือ ซาดิโอ มาเน่ แต่เขาก็ถือเป็นคนที่ ลิเวอร์พูล มักจะพึ่งพาได้เสมอกับการเล่นลูกกลางอากาศ โดยผลงานในเกมแดงเดือดนัดล่าสุดทำให้ตอนนี้เขาโหม่งทำประตูในเกม พรีเมียร์ลีก ให้กับ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว 17 หนด้วยกัน
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่ลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีเปลี่ยนมาใช้ชื่อ พรีเมียร์ลีก นั้น มันมีนักเตะ ลิเวอร์พูล แค่คนเดียวที่ทำประตูจากลูกโขกได้มากกว่า ฟีร์มีโน่ และคนๆ นั้นก็มีดีกรีระดับพระเจ้า เพราะเขาคือ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ที่ทำไป 21 ลูก
– ซาลาห์ กับคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์
ผลงานในนัดล่าสุดทำให้ ซาลาห์ สามารถทำประตูในการเยือน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้ทั้ง 2 หนในซีซั่นนี้ หลังจากก่อนหน้านี้เขาก็เคยทำไป 2 ประตูในเกม เอฟเอ คัพ รอบ 4 นัดที่ ลิเวอร์พูล ออกมาแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-3 เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ก่อนจะมาถึง ซาลาห์ นั้น มันเคยมีนักเตะ ลิเวอร์พูล แค่คนเดียวที่ทำประตูในการเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างน้อย 2 หนภายในซีซั่นเดียวกันในกรณีที่ลงเล่นคนละรายการ (หมายถึงทำประตูได้ในลีกกับเกมบอลถ้วย) โดยคนๆ นั้นคือ แฮร์รี่ แชมเบอร์ส ที่ทำเอาไว้เมื่อฤดูกาล 1920-21 นั่นเอง
– เด็กเกร็ดบอล –
Add friend ที่ @Siamsport