เทียบฟอร์มก่อนลงสนามเกมนี้ ต้องยอมรับว่า “ราชันชุดขาว” เป็นต่อถึงขั้นบริษัทพนันที่อังกฤษบอกว่า ถ้า “หงส์แดง” พลิกจ่ายสิบต่อ
ความจริงก็คือผลงานช่วงที่ผ่านมาเรอัล มาดริด ขาขึ้น ชนะรวด 6 นัดในลา ลีกา ไม่แพ้ใครมา 13 นัด แพ้ยาก ชนะง่าย แถมยังเชือด บาร์เซโลนาใน “เอล กลาสิโก” เท่ากับพวกเขามีลุ้นแชมป์สองรายการใหญ่ในสองเดือนสุดท้าย
ตรงข้ามกับเจ้าบ้านที่นอกจากจะเล่นในบ้านไม่ดีแล้ว ตัวผู้เล่นยังเล่นด้วยความมั่นใจไม่มากนัก ตั้งแต่หลังจนถึงข้างหน้าเลย
แถมสกอร์นัดแรกโดนไปก่อน 3-1 พร้อมบทเรียนบทใหม่ราชันดูโรยๆ แต่เก๋าเกมระดับทวีป นี่คือ “คลาส” ฟุตบอลที่สะสมมา
กระดูกบอล คือสิ่งที่พิสูจน์นักเตะและเกมที่พวกเขาเล่น
นัดแรก ซีดาน วางแผงเล่นงานจนเด็กหงส์ไปไม่เป็นในครึ่งแรก ไม่เท่านั้นยังมีลูกผิดพลาดเป็นโบนัสให้ทีมเก๋าเกมอย่างราชันอีก
มาเกมนี้…น่าสนใจในประเด็นที่ว่า…
ซีดาน จะเล่นอย่างไร คลอปป์ จะลุยเลยมั้ย แต่ดูจากแทกติกที่วางคงต้องลุยครับ
แทกติก
ระบบไม่เปลี่ยน ปรับแค่ตัวนักเตะ คลอปป์ ยังคงรูปแบบ 4-3-3 ให้ โชต้า สำรอง มิลเนอร์ เล่นตัวจริง (นัดก่อนเกอิตา) นอกนั้นไม่มีอะไรปรับมาก
เบคเกอร์ ; เทร้นต์, คาบัค, แนต, รอบโบ้ ; จีนี, มิลเนอร์, ฟาบินโญ ; ฟมน, ซาลาห์, มาเน
ส่วนซีดาน ก็ระบบเดียวกับนัดแรก 4-3-3 ขาดลูคัส บาสเกส ใช้ บัลเบรเด ยืนแทน
กูร์กตัวส์ ; บัลเบรเด, นาโช, มิลิตาว, เมนดี ; โครส, กาเซมิโร, โมดริช; เบนเซมา, วินิซิอุส, อเซนซิโอ
วิธีการเล่นหรือ “เกม แพลน” นี่แหละน่าสนใจ
ด้วยเพราะ ซีดาน ให้สัมภาษณ์หลังชนะ เอล กลาสิโก ว่า..
“ทีมของเราเล่นจนล้าไปหมดละตอนนี้” ไม่รู้ล่อลวงหรือว่าเป็นแบบนั้นจริง
ครึ่งแรก….หงส์คุมเกม
1 ตามสถานะการณ์เด็กหงส์ ลุยแหลกตั้งแต่ต้น
เพื่อไม่ให้เรอัล มาดริด ได้ครองบอล…มีโอกาสยิงด้วยแต่ไม่คม
เกมนี้เหมือน ซีดาน เน้นเกมรับมากกว่า ไล่ข้างบนบ้าง
ส่วนใหญ่ถอยมาไล่แดนสอง แล้วก็ถอยรับลึกเลย
จากนั้นรอหงส์แดงจ่ายพลาด แล้วส่วนกลับ…
ตรงนี้มีบ้างสองสามจังหวะ แต่เด็กหงส์ มุ่งมั่นทุกคน ก็เบรกเกมสวนได้อยู่
2 จีนิ vs โครส
เจเค สั่ง จีนี ตามขึ้นไปไล่บลอคการเล่นเกมของ โครส
หากมิดฟิลด์ตัวกลั่นถอนต่ำไปวางบอลจากแดนหลัง จีนี ถึงทันที
เกมแรกไม่มีใครไล่ ปล่อยให้เปิดสบาย
เกมนี โครส ทำเกมไม่ได้ จนต้องวิ่งขึ้นมาข้างบน
3 เปลืองอีกแล้ว
ต้องบอกว่า สาม big chances ที่ต้องได้
บอลระดับยุโรป คุณมีโอกาสไม่มาก ถ้ามีต้องจบให้ได้
น.2 คาบัค วางยาวให้ มาเน แปะ ต่อให้ ซาล่าห์ โล่งๆคนเดียว
ยิงไปติดเท้า กูร์กตัวร์ส !!
จากนั้น ซาลาห์ ได้ยิงในเขตโทษ ผ่านครึ่งชั่วโมงไปแล้ว อาจจับบอลแรกติดเท้า
เลยรีบยิงให้มันแรงเข้าไว้ ลูกข้ามคาน คงไม่ได้ดูกรอบประตูไว้ก่อน
ห้านาทีสุดท้าย จีนี ได้ยิงระยะ 10 หลา จากการจ่ายของ เทร้นต์
อ้อ..จังหวะ มิลเนอร์ แปนอกเขตได้เสียวอยู่ กูร์กตัวส์ปัดออก
มียิงนอกเขตครั้งเดียว
4 ทุ่มเทแต่….
ทุกคนมั่งมั่นทุ่มเท เล่นได้ดีเพื่อไม่ให้เรอัล มาดริด ได้เล่นเกม
มาเน มีประโยชน์ในแนวรุก ฟีร์มีโน ดูหายไปแต่ช่วยไล่บอล
แดนกลางช่วยกันวิ่ง…เอาบอลกลับมาเล่นหลายครั้ง
เพียงแต่….คุณภาพในการเล่น หลายจังหวะ “เร่ง” เกิน
การครอสบอลแดนสุดท้ายไม่แม่นเลย โยนไม่ขาดก็เกิน
นี่ยังเป็นปัญหาเรื่องคุณภาพแดนสุดท้าย
มีจังหวะเดียวที่เกือบโดนยิงคือ แนต เสียบอล โดน เบนเซมา ฉกไปได้
ก่อนจะได้หลุดมายิงชนเสา…
จบครึ่งแรกที่ 0-0 แบบน่าเสียดายที่ “ไม่คบ” ในการจบสกอร์
ครึ่งหลัง…
เกมยังเหมือนเดิม..ลิเวอร์พูลเล่นด้วยความมุ่งมั่น
แต่..จังหวะเข้าแดนสามยากอยู่ เพราะทีมซีดาน รับลึก
แถมมีโอกาสตอบโต้ เกือบได้ลุ้นจากการหลุดเดี่ยวของ วินิซิอุส
ส่วนการแก้เกมของ คลอปป์ ส่ง โชต้า และ ติอาโก ลงมา
มิลเนอร์ กับ คาบัค ต้องออก โดย ฟาบินโย ไปยืนเซนเตอร์
ข้างหน้า โชต้า, ซาล่าห์ และ มาเน โดย ฟีร์มีโน หน้าต่ำ
เกมบุกเหมือนเดิม แต่ก็เข้าทำยากมากขึ้นเพราะชุดขาวรับลึกและแน่นมาก
บางจังหวะนี่ เสื้อขาว 8 คน ยืนกองกันไปหมด
นัดนี้ นาโช เด่นมากในการคุมเกมรับ
20 นาทีสุดท้าย ซีดาน เปลี่ยน โครส ออก เอา โอดริโอโซลา ลง
แบ๊กขวาอาชีพลงมา แล้วขยับ บัลเบรเด ไปเล่นกลาง
โรดริโก แทน วินิซิอุส ตัวทำด้านข้าง เอาพวกสดลงมา
เรอัล มาดริด มีโอกาส จาก เบนเซมา โหม่งโล่งๆคนเดียวตกพื้นข้ามคาน
10 นาทีสุดท้าย ชาคิรี, อ๊อกส์เลด ลง มาเนและ ฟีร์มีโน ออก
บทสรุปเกมนี้…ตามหน้าเสื่อคือเรอัล มาดริด ชนะเกมแรก 3-1
เกมนี้เล่นแบบรอจังหวะให้หงส์คุมเกมแล้วรอสวน
จะว่าไป…พวกเขาก็พลาดให้ลิเวอร์พูลในครึ่งแรกถึงสามครั้ง
เพียงแต่…นักเตะลิเวอร์พูลที่เล่นด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทในเกมนี้
กลับไม่สามารถจบสกอร์ได้
เล่นบอลระดับยุโรป
คุณภาพการเล่น ทั้งรับส่งบอล, ป้องกัน, ครอสบอล
หรือการเล่นเกมรุกแดนสาม จังหวะจบอะไรแบบนี้
มันต้องมีคุณภาพ “มาก”
ลิเวอร์พูลเกมสองเกมนี้ มีไม่มาก
เกมนี้ครึ่งแรกมี big chances 3 ครั้งโอกาสไม่ได้เลย
จะว่าไปนักเตะเรอัล มาดริด ชุดนี้ถูกวิจารณ์โดยสื่อสเปนว่า..
“เลวร้าย” ที่สุดทีมหนึ่งในประวัติศาสตร์
กระนั้นพวกเขาเข้ารอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีกได้
ส่วนลิเวอร์พูล ยังคงเป็นทีมจากอังกฤษที่ชนะทีมสเปนในรอบนี้ไม่ได้
ที่สำคัญ…เกมนี้ พวกเขาไม่ชนะเพราะ “ยิงไม่คม”
จากโอกาสที่สร้างขึ้นมา
สิ่งที่ต้องยอมรับทั้งสองเกม…คือ “คุณภาพ” ยังขาด
เกมแรก “เกมรับ”
เกมสอง “ตัวรุก” ยิงไม่คมทั้งที่มีโอกาสให้แล้ว
ก็ยังไม่ดีพอที่จะเข้ารอบเหมือน เจอร์เก้น คลอปป์ ว่าเอาไว้
ต้องตกรอบครับ
Add friend ที่ @Siamsport