มาทำความรู้จักประวัติของ สโมสร ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สโมสรฟุตบอลที่มีความสำเร็จมายาวนาน โดยผลิตนักเตะคุณภาพอย่างมากมายจากที่นี่
ประวัติสโมสรฟุตบอล ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์
- ชื่อเต็ม : Tottenham Hotspur Football Club
- ฉายา : ดอกลิลลี่สีขาว / ไก่เดือยทอง (ในไทย)
- ก่อตั้ง : ค.ศ. 1882
- สนาม : ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม (ความจุ : 62,850 ที่นั่ง)
- เจ้าของ : ENIC International Ltd.
- ประธาน : แดเนี่ยล เลวี่
- ผู้จัดการทีม : อันโตนิโอ คอนเต้
สโมสรฟุตบอลท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ตั้งอยู่ในย่านท็อตแนมในกรุงลอนดอน ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1882 โดยกลุ่มเด็กนักเรียนมัธยม 11 คนซึ่งเป็นสมาชิกชมรมคริกเกต นำโดย บ็อบบี บัคเคิล โดยใช้ชื่อ ฮอตสเปอร์ เอฟซี โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้นักเรียนได้ออกกำลังกายในช่วงปิดภาคเรียน หนึ่งปีต่อมา กลุ่มนักเรียนได้ร้องขอให้ จอห์น ริพเชอร์ คุณครูสอนคัมภีร์ไบเบิลในโบสถ์ประจำโรงเรียนเป็นประธานสโมสรคนแรก โดยริพเชอร์ได้ช่วยเหลือทีมทั้งในเรื่องค่าใช้จ่ายและการฝึกซ้อม ใน ค.ศ. 1884 สโมสรได้เปลี่ยนชื่อเป็น ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เอฟซี เพื่อให้ไม่เกิดความสับสนกับสโมสรอื่น ๆ ในกรุงลอนดอนที่ใช้ชื่อว่าฮอตสเปอร์ และมีการตั้งชื่อเล่นสโมสรว่า “สเปอร์ส” และมีฉายาว่า “ดอกลิลลี่สีขาว (The Lily Whites)”
ในช่วงแรกทีมยังไม่ลงแข่งขันระดับทางการโดยมีเพียงเตะอุ่นเครื่องกับสโมสรท้องถิ่นเท่านั้น โดยการแข่งขันอาชีพนัดแรกของสเปอร์สคือการพบกับทีมท้องถิ่นชื่อว่า Radicals ซึ่งพวกเขาแพ้ไป 0-2 ต่อมา สเปอร์ส ได้ร่วมแข่งขันฟุตบอลถ้วยทางการครั้งแรกในถ้วยการกุศลของกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 1885 เอาชนะทีม เซนต์ อัลบาน 5-2 ก่อนที่สเปอร์สจดทะเบียนเป็นสโมสรอาชีพในวันที่ 20 ธันวาคม 1895 และได้ร่วมแข่งขันลีกเป็นครั้งแรกในเซาเทิร์นฟุตบอลลีก
สเปอร์สใช้ ท็อตแนม มาร์เชส เป็นสนามเหย้าแห่งแรก แต่ในปี 1897 ถูกระงับการใช้งานอย่างถาวรเนื่องจากเกิดสงคราม ทำให้ต้องไปเช่าบริเวณย่านนอร์ทัมเบอร์แลนด์ และขอเช่าสนามนอร์ทัมเบอร์แลนด์ พาร์คเป็นเวลา 8 ปี ก่อนที่จะย้ายไปยังไวท์ ฮาร์ทเลน ในปี 1898 และแต่งตั้ง แฟรงค์ เบรดเทลล์ เป็นผู้จัดการทีมคนแรก โดยนักเตะคนแรกที่เบรดเทลล์ซื้อมาร่วมทีมคือ จอห์น คาเมรอน จากสโมสรควีนส์พาร์ค และในปีนั้นได้จดทะเบียนเป็นบริษัทอย่างเป็นทางการ แต่หลังจากคุมทีมได้ฤดูกาลเดียว เบรดเทลล์ ย้ายไปคุมพอร์ทสมัธ โดยตั้ง จอห์น คาเมรอน เป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีมโดยเจ้าตัวยังลงเล่นให้กับสโมสรในตำแหน่งกองหน้าเหมือนเดิม
คาเมรอนนำสเปอร์สคว้าแชมป์เซาเทิร์นฟุตบอลลีกได้ในปี 1900 ตามด้วยแชมป์เอฟเอ คัพสมัยแรกในปี 1901 ด้วยการชนะเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในนัดแข่งใหม่ 3-1 หลังจากเสมอกันในนัดแรก 2-2 ทำให้สเปอร์สเป็นสโมสรจากลีกสมัครเล่นเพียงทีมเดียวจนถึงทุกวันนี้ที่ได้แชมป์เอฟเอ คัพ นับตั้งแต่เริ่มมีการนำระบบลีกอาชีพมาใช้ในปี 1888 จากนั้น คาเมรอน ยังพาสเปอร์สได้รองแชมป์ลีกอีก 2 ครั้งในปี 1902 และ 1904 ก่อนลาออก ในปี 1908 และเป็น เฟรด เคิร์กแฮม เข้ามาคุมทีมต่อ โดยนปีนั้นสเปอร์สเลื่อนชั้นไปเล่นดิวิชั่นสองและได้รองแชมป์
ช่วงปี 1912-27 ซึ่งเป็นยุค ปีเตอร์ แม็ควิลเลียม เป็นผู้จัดการทีม พวกเขาจบอันดับสุดท้ายในดิวิชั่นหนึ่งฤดูกาล 1914-15 ก่อนที่ฟุตบอลลีกจะหยุดไป 5 ปีเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ต่อมา ฟุตบอลอังกฤษได้กลับมาแข่งขันในฤดูกาล 1919-20 สมาคมฟุตบอลอังกฤษมีมติเพิ่มจำนวนทีมในลีกสูงสุดจากเดิม 20 ทีม เป็น 22 ทีม โดยให้สิทธิ์ทีมอันดับ 1 และ 2 ในดิวิชันสองเลื่อนชั้นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ซึ่งได้แก่ ดาร์บี้ เคาน์ตี และ เปรสตัน นอร์ท เอนด์ ขณะที่โควตาทีมสุดท้ายนั้น สมาคมได้โหวตเลือกอาร์เซน่อลซึ่งอยู่ในดิวิชัน 2 เลื่อนชั้นขึ้นมาในลีกสูงสุด ทำให้สเปอร์สซึ่งได้อันดับ 20 ในดิวิชันหนึ่งฤดูกาลล่าสุดต้องตกชั้นไปเล่นดิวิชั่น 2 แทน แม้สเปอร์สจะยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลแต่ก็ไม่เป็นผล แต่สเปอร์สก็เลื่อนชั้นกลับขึ้นมาลีกสูงสุดได้ในเวลาเพียงแค่หนึ่งฤดูกาล
ปี 1921 สเปอร์คว้าแชมป์เอฟเอคัพได้ โดยเอาชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 ตามด้วยรองแชมป์ลีกในปี 1922 แต่หลังจากนั้นพวกเขาเริ่มเข้าสู่ยุคตกต่ำโดยเป็นทีมกลางตารางในอีก 5 ฤดูกาลถัดมา และตกชั้นอีกครั้งในฤดูกาล 1927-28 และแม็ควิลเลียมลาออก
ช่วงทศวรรษ 1930-40 สเปอร์สเล่นอยู่ในดิวิชั่นสองเป็นส่วนมาก ก่อนที่ อาเทอร์ โรเวย์ จะพาทีมเลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้งในปี 1950 และคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 1950-51 ก่อนจะลาออกในปี 1955 เนื่องจากปัญหาสุขภาพ
ปี 1958 บิล นิโคลสัน ตำนานนักเตะของทีมได้มาคุมทีมและถือเป็นยุคทองของสโมสรที่มีนักเตะอย่างเดฟ มักเคย์, จอห์น ไวท์, รวมถึง จิมมี กรีฟส์ ที่กลายเป็นเจ้าของสถิติทำประตูสูงสุดตลอดกาลในลีกสูงสุดฟุตบอลอังกฤษเป็นแกนหลัก ซึ่งนิโคลสันยังถือเป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จกับสโมสรมากที่สุดมาถึงปัจจุบัน เริ่มจากพาทีมคว้าดับเบิลแชมป์ (ดิวิชั่น1และเอฟเอคัพ) ในฤดูกาล 1960-61 ส่งผลให้เป็นสโมสรแรกของอังกฤษในศตวรรษที่ 20 ที่คว้าดับเบิลแชมป์ได้ และเป็นทีมแรกที่ทำได้นับตั้งแต่ ค.ศ. 1897 ก่อนจะป้องกันแชมป์เอฟเอคัพได้อีกครั้งในฤดูกาลต่อมาด้วยการชนะเบิร์นลีย์ 3-1
15 พฤษภาคม 1963 สเปอร์สเป็นสโมสรแรกของอังกฤษที่ชนะการแข่งขันฟุตบอลยุโรป หลังคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ คัพ ด้วยการเอาชนะ แอตเลติโก มาดริด ในรอบชิงชนะเลิศ 5-1 และยังทำสถิติเป็นสโมสรแรกของอังกฤษที่ชนะการแข่งขันฟุตบอลยุโรปสองรายการแตกต่างกัน หลังคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ ในฤดูกาล 1971-72 ด้วยการเอาชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน ด้วยผลประตูรวมสองนัด 3-2 นอกจากนี้นิโคลสันยังพาทีมคว้าแชมป์เอฟ เอคัพ ในปี 1967 รวมทั้งแชมป์ลีกคัพอีกสองสมัย ในปี 1971 และ 1973, รองแชมป์ดิวิชันหนึ่งฤดูกาล 1962-63 และรองแชมป์ยู ฟ่าคัพฤดูกาล 1973-74 โดยนิโคลสันคว้าถ้วยรางวัลรวม 8 รายการตลอดระยะเวลา 16 ปีที่คุมทีม
ฤดูกาล 1974-75 นิโคลสันตัดสินใจอำลาทีมหลังจากทำผลงานย่ำแย่ตั้งแต่ต้นฤดูกาล หลังจากนั้นทีมก็ตกต่ำถึงขั้นตกชั้นอีกครั้งในฤดูกาล 1976-77 ในยุค คีธ เบอร์คินชอว์ แต่เขาก็พาทีมกลับสู่ลีกสูงสุดได้ และสร้างทีมใหม่ด้วยนักเตะอย่าง เกล็น ฮ็อดเดิล รวมถึงสองนักเตะอาร์เจนตินาอย่าง ออสวัลโด้ อาร์ดิเลส และ ริการ์โด วิลล่า ซึ่งพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ สองสมัยติดต่อกันในปี 1981 และ 1982 ตามด้วยแชมป์ยูฟ่า คัพ ในปี 1984 โดยในช่วงทศวรรษ 1980 ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงของสเปอร์สอย่างแท้จริง
นอกจากผลงานในสนามแล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงของฝ่ายบริหาร โดย เออร์วิง โชลา เข้ามาซื้อกิจการสโมสรและดำรงตำแหน่งประธาน และเป็นผู้นาการตลาดรูปแบบใหม่เข้ามาใช้ในการบริหารทีม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจของสโมสรอังกฤษในยุคนั้น ก่อนที่เบอร์คินชอว์จะลาทีมในปี 1984 จากนั้น ปีเตอร์ ชรีฟส์, เดวิด พลีท และ ดัก ลิเวอร์มอร์ เข้ามาคุมทีม แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
เดือนมิถุนายน 1991 สเปอร์ส มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเมื่อ เทอร์รี่ เวนาเบิลส์ ร่วมมือกับ อลัน ชูการ์ เข้ามาบริหารงานแทนโดย เวนาเบิลส์ ที่เป็นผู้จัดการทีมมาตั้งแต่ปี 1987 ได้เซ็นสัญญากับผู้เล่นอย่าง พอล แกสคอยน์ และ แกรี่ ลินิเกอร์ มาร่วมทีมพร้อมพาสเปอร์สคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในฤดูกาล 1990-91 ทำให้พวกเขาเป็นสโมสรแรกที่คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ 8 สมัย
ช่วงปี 1993-2000 สเปอร์สคว้าแชมป์เพิ่มได้รายการเดียวคือลีก คัพในฤดูกาล 1998-99 ภายใต้การคุมทีมของจอร์จ เกรแฮม ที่เอาชนะเลสเตอร์ ซิตี้ 1-0 ซึ่งมีผู้เล่นชื่อดังอย่าง เท็ดดี้ เชอริงแฮม, เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์, คริส อาร์มสตรอง และ ดาวิด ชิโนล่า แต่ผลงานในลีกไม่ดีเท่าไหร่กลายเป็นเพียงทีมกลางตาราง
ในทศวรรษถัดมา ทีมยังคงมีผลงานไม่สม่ำเสมอ และเปลี่ยนผู้จัดการทีมหลายคน เช่น เกล็น ฮ็อดเดิ้ล, เดวิด พลีท, ฌักส์ ซองตินี่ และ มาร์ติน โยล ก่อนที่ฆวนเด้ รามอส จะเข้ามาคุมทีม และพาทีมได้แชมป์ลีกคัพ ปี 2008 ด้วยการชนะเชลซี 2-1 แต่ก็ถูกปลดในปีต่อมา โดยเป็นแฮร์รี่ เร้ดแนปป์ เข้ามาคุมทีมต่อในฤดูกาล 2008-09 และพาทีมเข้าชิงลีกคัพ แต่แพ้จุดโทษ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อมาในฤดูกาล 2009-10 สเปอร์สซึ่งมีผู้เล่นตัวหลักอย่าง แกเร็ธ เบล และ ลูก้า โมดริช จบอันดับ 4 ในลีกได้สิทธิ์แข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1961-62
ฤดูกาล 2010-11 สเปอร์สผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกก่อนจะแพ้เรอัล มาดริด จากนั้นเร้ดแนปป์ได้ลาทีมในปีต่อมาเนื่องจากเจรจาสัญญาฉบับใหม่ไม่ลงตัว โดยเป็น อันเดร วิลลาช-โบอาช เข้ามาคุมทีมช่วงซัมเมอร์ ปี 2012 ซึ่งในฤดูกาลแรกเขาพาทีมได้อันดับ 5 ในลีก พร้อมกับไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศของ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก แต่ซีซั่นต่อมาผลงานของ สเปอร์ส ไม่ดีเท่าไหร่นักจนสุดท้าย วิลลาช-โบอาช โดนปลดในช่วงไม่นานหลังจากที่เขาพาทีมแพ้ ลิเวอร์พูล 0-5 คารัง ไวท์ ฮาร์ท เลน โดยเป็น ทิม เชอร์วูด เข้ามาคุมทีมต่อในปี 2013 และพาทีมจบอันดับ 6
เดือนกุมภาพันธ์ 2001 ชูการ์ ก้าวลงจากตำแหน่งประธานสโมสรหลังขายหุ้นของเขาให้กับ ENIC Sports plc ซึ่งบริหารงานโดย โจ ลูอิส และ แดเนียล เลวี่ ก่อนที่ทั้งคู่จะเป็นเจ้าของสโมสร 85% โดยเลวี่มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารสโมสร
เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือชาวอาร์เจนติน่าก้าวมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมระหว่างปี 2014 – 2019 เขาพาทีมจบอันดับสองในฤดูกาล 2016-17 ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 1962-63 และผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในปี 2019 ซึ่งเป็นนัดชิงชนะเลิศถ้วยใหญ่ยุโรปเป็นครั้งแรกของสโมสร แต่พ่าย ลิเวอร์พูล 0-2 ก่อนที่โปเช็ตติโน่ ถูกปลดพ้นตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน 2019
หลังจากออกสตาร์ทฤดูกาล 2019-20 ได้ไม่ดี และ เป็น โชเซ่ มูรินโญ่ ยอดกุนซือโปรตุกีสเข้ามาคุมทีมแทนแต่เขาได้ทำงานเพียง 17 เดือนเท่านั้นก็ถูกไล่ออกในเดือนเมษายน 2020 ทั้งที่พาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศลีก คัพ โดย ไรอัน เมสัน อดีตนักเตะของทีมเข้ามาคุมทีมในช่วงที่เหลือของฤดูกาล 2020-21 และพาทีมแพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในรอบชิงชนะเลิศลีกคัพ 0-1
นูโน่ เอสปิริโต ซานโต กุนซือชาวโปรตุเกสเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในฤดูกาล 2021-22 เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2021แต่ถูกไล่ออกหลังจากคุมทีมได้เพียง 4 เดือนเท่านั้น โดยเป็น อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือชาวอิตาลีเขามาคุมทีมแทนและพาทีมจบอันดับ 4 ในลีกคว้าสิทธิ์ลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกครั้ง
เกียรติประวัติ
แชมป์ลีกสูงสุด (ดิวิชันหนึ่ง) (2 สมัย) : 1950-51, 1960-61
แชมป์ดิวิชั่นสอง (2 สมัย) : 1919-20, 1949-50
แชมป์เอฟเอ คัพ (8 สมัย) : 1900-01, 1920-21, 1960-61, 1961-62, 1966-67. 1980-81, 1981-82, 1990-91
แชมป์ลีก คัพ (4 สมัย) : 1970-71, 1972-73, 1998-99, 2007-08
แชมป์ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ (1 สมัย) : 1962-63
แชมป์ยูฟ่า ยูโรปาลีก (2 สมัย) : 1971-72, 1983-84
ชนะเลิศคอมมูนิตีชีลด์ (7 สมัย) : 1920-21, 1950-51, 1960-61, 1961-62, 1966-67, 1980-81, 1990-91
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดประวัติ.! สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมที่มีแฟนบอลมากที่สุดในโลก
- เปิดประวัติ.! สโมสร ลิเวอร์พูล ทีมเก่าแก่ที่มีแฟนบอลมากมายทั่วโลก
- ประวัติ.! กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ดาวรุ่งไฟแรงของ อาร์เซน่อล และ บราซิล
- ประวัติ.! ดาร์วิน นูนเญซ ดาวยิงความหวังค่าตัวแพงระยับของ ลิเวอร์พูล
- ประวัติ.! กาเบรียล เชซุส กองหน้าตัวความหวังของทัพ ปืนใหญ่
- เปิดประวัติ.! มิเกล อัลมิรอน พ่อมดจากปารากวัยของ นิวคาสเซิ่ล
- เปิดประวัติ.! กาเซมีโร่ หนึ่งในยอดมิดฟิลด์ ตัวรับแห่งยุค
- เปิดประวัติ.! ชูเอา คันเซโล่ ฟูลแบ็กจอมบุกของ แมนฯ ซิตี้ และ โปรตุเกส
- โปรแกรมพรีเมียร์ลีก 2022/23 ตารางบอลพรีเมียร์ลีก พร้อมลิ้งก์ดูบอลสด
- ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 2022/23 / แอสซิสต์ / คลีนชีท ศึกพรีเมียร์ลีก
- ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก 2022/23 อัปเดตล่าสุด
————————————————-
วิธีการดูบอลพรีเมียร์ลีก 2022/23 ที่ TrueID : แพ็กเกจชมครบทุกคู่ – ซิมทรูชมทีมโปรดฟรี!
รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ << คลิกที่นี่
อัพเดทข่าว ผลบอล พรีเมียร์ลีก แบบทันใจ พร้อมวิเคราะห์คู่เด่นในรอบสัปดาห์ ส่งถึงมือคุณ
คลิกเลย!! หรือ กด *301*32# โทรออก
หรือ อัพเดทข่าวบอลไทยลีก กด *301*36# โทรออก