การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบ 16 ทีมสุดท้าย จบลงแล้ว ได้ 8ทีมที่ผ่านเข้ารอบต่อไป โมร็อกโก ทีมตัวแทนจากทวีปแอฟริกา สร้างผลงานน่าประทับใจด้วยการเขี่ยหนึ่งในทีมเต็งอย่าง สเปน กระเด็นตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ขณะที่การแข่งขันอีกคู่หนึ่ง ทีมโปรตุเกส ซึ่งจับนักเตะซูเปอร์สตาร์ประจำทีมอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ นั่งเป็นตัวสำรองที่ข้างสนาม โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม ถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ ทีมจากโซนยุโรปด้วยกันไปขาดลอย 6-1
หนึ่งในประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ คือฟอร์มการเล่นของทีมชาติโมร็อกโก ซึ่งยังคงไม่แพ้ใครแม้แต่นัดเดียวในศึกฟุตบอลโลกหนนี้ที่กาตาร์
ทีมชาติโมร็อกโก ภายใต้การคุมทีมของโค้ช วาลิด เรกรากุย ซึ่งเข้ารอบมาในฐานะทีมแชมป์ของกลุ่ม F ลงสนามรอบ 16 ทีมสุดท้ายเจอกับสเปน ทีมแชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อปี 2010 โดยที่สื่อกีฬาแทบทุกสำนักทั่วโลก ต่างมองว่า โมร็อกโก เป็นรองสเปนในทุกด้าน
“สเปน” บอดโทษพ่าย “โมร็อกโก” ร่วงฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีม
สรุป 8 ทีมเข้ารอบฟุตบอลโลก 2022 พร้อมทีมเต็งแชมป์ โปรแกรมถ่ายทอดสด
แต่เมื่อถึงเวลาลงสนาม นักเตะโมร็อกโกกลับเป็นฝ่ายต้านทานการบุกของสเปนได้จนเสมอกันไป 0-0 ใน 120 นาทีหลังการต่อเวลาพิเศษ ก่อนที่โมร็อกโกจะเอาชนะสเปนได้ 3-0 ในการดวลจุดโทษ โดยนักเตะสเปนทั้งสามคนที่ถูกเลือกมายิงจุดโทษ ยิงไม่เข้าทั้งหมด
ก่อนฟุตบอลโลกครั้งนี้ ทีมชาติโมร็อกโกได้ผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแล้วทั้งหมด 5 ครั้ง และพวกเขาพลาดท่าตกรอบแรกถึง 4 ครั้ง ผลงานดีที่สุด คือ การได้ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกฟุตบอลโลก 1986 ที่เม็กซิโก
แต่สำหรับศึกฟุตบอลโลกที่กาตาร์ ซึ่งเป็นฟุตบอลโลกครั้งที่ 6 ของทีมโมร็อกโกนั้น พวกเขาได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ชัยชนะเหนือสเปนเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้ทีมชาติโมร็อกโกได้ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรก
นอกจากนั้น โมร็อกโกยังกลายเป็น “ประเทศมุสลิมประเทศแรก” ที่ได้ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึกฟุตบอลโลก
อย่างไรก็ดี เส้นทางของทีมโมร็อกโก ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบมาตั้งแต่ต้น แต่พวกเขาก็ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนกระทั่งผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้อย่างน่าทึ่ง
มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้โมร็อกโก ชาติอาหรับจากแอฟริกาตอนเหนือ ประสบความสำเร็จในศึกฟุตบอลโลกหนนี้
ปัจจัยแรก คือ การตัดสินใจจ้าง “วาลิด เรกรากุย” โค้ชท้องถิ่นวัย 47 ปี เข้ามารับงานคุมทีมชาติโมร็อกโก เมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา แทนการจ้างโค้ชชาวต่างชาติ นี่ถูกระบุว่า เป็นปัจจัยแรกที่ทำให้ทีมโมร็อกโกทำผลงานได้ดี
แม้จะมีเวลาเตรียมทีมเพียงแค่ 2 เดือนก่อน World Cup ที่กาตาร์จะเปิดฉากขึ้น แต่โค้ชวาลิดกลับรู้จักคุ้นเคยกับนักเตะทีมชาติชุดนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากเขาทำงานให้กับสมาคมฟุตบอลโมร็อกโกมายาวนานตั้งแต่เมื่อปี 2012 และใช้เวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมาในการทำงานคลุกคลีกับทีมชุดนี้ในตำแหน่งต่างๆ ซึ่งนั่นทำให้โค้ชวาลิดและนักเตะไม่ต้องเสียเวลาปรับตัวเข้าหากัน
ปัจจัยที่ 2 คือ ความล้มเหลวอย่างต่อเนื่องของทีมชาติโมร็อกโกในอดีตหลังจบฟุตบอลโลกปี 1986 ที่เม็กซิโก ทำให้สมาคมฟุตบอลโมร็อกโกหันมาปฏิรูปโครงสร้างฟุตบอลของประเทศอย่างจริงจัง นำไปสู่การพัฒนานักเตะเยาวชนสายเลือดใหม่อย่างเป็นระบบ
และนักเตะทีมชาติชุดปัจจุบันของโมร็อกโก มากกว่าครึ่งทีม ก็มาจากโครงการพัฒนานักเตะสายเลือดใหม่ดังกล่าว และทำให้ทีมชาติโมร็อกโกชุดนี้ กลับมาเป็นความหวังของประชาชนได้อีกครั้ง
การที่ทีมโมร็อกโก ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สร้างความยินดีปรีดาและความสุขแก่ชาวโมร็อกโกมากกว่า 36 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งเป็นแรงงานในภาคเกษตร และกำลังลำบากมากขึ้นจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
โมร็อกโกตั้งอยู่ในภูมิภาคแอฟริกาเหนือ มีขนาดประมาณประเทศไทย อยู่ติดชายฝั่งตั้งแต่มหาสมุทรแอตแลนติกไปจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศเป็นส่วนหนึ่งของทะเลทรายซาฮารา
ที่นี่มีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โมร็อกโกเผชิญกับความแห้งแล้งอย่างหนักจากปริมาณฝนที่ลดลงต่อเนื่อง
กระทรวงเกษตรของโมร็อกโกคาดว่า ในปี 2050 ปริมาณน้ำฝนจะหายไปถึง 1 ใน 4 ของที่เคยตก
ประชาชนต้องอยู่อย่างลำบากโดยเฉพาะในเขตชนบท ผู้คนต้องพึ่งพิงน้ำใต้ดินด้วยการขุดบ่อ และบ่อจำนวนมากไม่ได้มาตรฐานและเป็นอันตราย
เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์เศร้าเมื่อ รายัน ออรัม เด็กชายวัย 5 ขวบ พลัดตกลงไปในบ่อน้ำที่มีความลึกเท่าตึก 3 ชั้น
เจ้าหน้าที่กู้ภัยระดมกำลังให้ความช่วยเหลือทันที โดยในวันแรก ภาพจากกล้องที่หย่อนลงไปในบ่อพร้อมกับน้ำและอาหารเผยให้เห็นว่ารายันยังมีลมหายใจ 4 วันต่อมา เจ้าหน้าที่ก็สามารถนำตัวหนูน้อยออกมาได้ท่ามกลางความดีใจของคนทั้งประเทศ แต่พวกเขาต้องหัวใจสลายไม่กี่นาทีหลังจากนั้นเมื่อแพทย์ประกาศว่าเด็กชายเสียชีวิต
ความตายของหนูน้อยรายันฉายให้เห็นถึงปัญหาที่ชาวโมร็อกโกส่วนใหญ่กำลังเผชิญ และการขาดแคลนน้ำไม่ส่งผลเฉพาะภาคเกษตรเท่านั้น แต่ยังกระทบกับภาคอุตสาหกรรมด้วย โดยเฉพาะอุตสากรรมการผลิตปุ๋ย
ความยากลำบากส่งผลให้ผู้คนนับล้านอพยพไปหางานทำในต่างประเทศ ที่มากที่สุดคือในยุโรป โดยเฉพาะในฝรั่งเศส สเปน เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม ซึ่งแรงงานเหล่านี้จำนวนมากต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
จึงไม่น่าแปลกใจที่ผลงานอันยอดเยี่ยมของทีมชาติโมร็อกโกใน World Cup ที่กาตาร์ จึงช่วยสร้างรอยยิ้มและสร้างความสุขแก่ชาวโมร็อกโกทั่วโลก
ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานว่า เกิดเหตุจลาจลตามท้องถนนหลายสายที่กรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของเบลเยียม หลังจากที่กลุ่มผู้อพยพและแรงงานเชื้อสายโมร็อกโก พากันออกมาฉลองชัยชนะของทีมชาติโมร็อกโกกันแบบเลยเถิด
โดยพบแฟนฟุตบอลบางส่วนจุดพลุเข้าใส่รถยนต์ตามท้องถนน และมีการทุบกระจกของร้านค้าโดยไม่สนใจคำเตือนของตำรวจปราบจลาจล ส่งผลให้ต้องมีการยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าใส่ ทำให้มีแฟนฟุตบอลโมร็อกโก ได้รับบาดเจ็บและถูกทางการเบลเยียมจับกุมตัวไปหลายคน
ส่วนฝั่งของทีมเต็งที่พบความพ่ายแพ้ สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า แฟนฟุตบอลของทีมสเปนจำนวนมากพากันผิดหวังกับผลงานของทีม และหลายคนถึงกับร้องไห้ หลังจากที่สเปน ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ทั้งที่ทีมสเปนได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นหนึ่งในทีมเต็งของฟุตบอลโลกครั้งนี้
ส่วนผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย คู่สุดท้าย เมื่อคืนที่ผ่านมา ปรากฏว่า ทีมชาติโปรตุเกส เอาชนะ ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ คู่แข่งจากโซนยุโรปด้วยกันไปขาดลอย 6-1 ทั้งๆที่ซูเปอร์สตาร์ประจำทีมอย่างคริสเตีย โรนัลโด้ ไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง
แม้จะไม่มีโรนัลโด้ แต่โปรตุเกสกลับโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เปิดเกมบุกถล่มสวิตเซอร์แลนด์อยู่ฝ่ายเดียวเกือบตลอดทั้งเกม
กอนซาโล รามอส ศูนย์หน้าดาวรุ่ง ที่ลงเล่นแทนคริสเตียโน โรนัลโด้ ทำแฮ็ตทริค เหมายิงคนเดียว 3 ประตูในนัดนี้ ส่วนอีก 3 ประตูของโปรตุเกสได้จาก เปเป้ , ราฟาเอล เกร์เรโร และราฟาเอล เลเอา จบเกม โปรตุเกสชนะสวิตเซอร์แลนด์ไป 6-1 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบกับโมร็อกโก
และนี่เป็นชัยชนะในฟุตบอลโลกรอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรกของโปรตุเกสนับตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 2006 เป็นต้นมา และทำให้แฟนฟุตบอลของโปรตุเกส พากันเฉลิมฉลองในผลงานที่ยอดเยี่ยมของทีม
ฟุตบอลโลกรอบ 8 ทีมสุดท้าย จะลงสนามแข่งขันกันคืนวันที่ 9 และ 10 ธันวาคม เนเธอร์แลนด์ พบ อาร์เจนตินา , โครเอเชีย พบ บราซิล , อังกฤษ พบ ฝรั่งเศส ,โมร็อกโก พบ โปรตุเกส