- เฟอร์นานโด ดูอาร์เต
- บีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส
ในช่วงที่มิลลี ลากอมบ์ เผชิญกับถ้อยคำดูถูกเหยียดเพศที่รุนแรงที่สุดจากแฟนบอลผู้ชายที่อยู่ใกล้เธอ เธอได้เลิกไปชมฟุตบอลที่สนามในบราซิล ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้น
“ฉันจำการแข่งขันนัดหนึ่งในเซาเปาลูได้ว่า ฉันเข้าไปดูกับแฟนสาว” ลากอมบ์ กล่าว
“มีผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งข้างหลังฉันหัวเสียมาก หลังจากที่ผู้เล่นพลาดทำประตูได้ เขาเตะด้างหลังที่นั่งของฉัน ตอนที่ฉันหันไปเผชิญหน้าเขา เขาบอกฉันให้เงียบ และใช้คำพูดดูถูกหญิงรักหญิง”
นักเขียน LGBTQ+ ชาวบราซิลวัย 55 ปี กล่าวว่า เธอมีประสบการณ์ที่เลวร้ายในการเข้าไปชมเกมการแข่งขันมากถึงขั้นที่คิดว่า จะชมการแข่งขันจากทางโทรทัศน์เท่านั้น แต่ลากอมบ์ก็ยังไม่ยอมล้มเลิกไปเสียทีเดียว
“ฉันไม่เคยรู้สึกปลอดภัยที่สนามเลย ไม่ว่าจะในฐานะผู้หญิงหรือหญิงรักหญิง มีอคติ มีการคุกคาม และความก้าวร้าวอยู่มาก” เธอกล่าวกับบีบีซี
“พวกเรา ผู้หญิงและกลุ่มคน LGBTQ ชื่นชอบกีฬาที่เกลียดชังเรา”
ในช่วงที่การแข่งขันฟุตบอลโลกชายรอบสุดท้ายของฟีฟ่า เข้าใกล้เข้ามา มีการวิพากษ์วิจารณ์กาตาร์ ประเทศเจ้าภาพจัดการแข่งขัน หนาหูขึ้น
การควบคุมสิทธิ์ของหญิงรักหญิง ชายรักชาย คนรักได้ทั้งสองเพศ และคนข้ามเพศ เด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ และมีความกังวลถึงความปลอดภัยของบรรดาแฟนบอลกลุ่ม LGBTQ+ ที่เข้าชมการแข่งขัน
เจ้าหน้าที่ทางการในกาตาร์ได้ระบุอย่างเปิดเผยว่า “ทุกคนจะได้รับการต้อนรับโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ภูมิหลัง ศาสนา เพศ รสนิยมทางเพศ หรือสัญชาติ” แต่ยังได้เน้นย้ำว่า “การแสดงความรักในที่สาธารณะไม่ใช่ส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของเรา” และเตือนว่า มีบรรทัดฐานหลายอย่างที่ต้องได้รับการเคารพ
อย่างไรก็ตาม การเกลียดชังการรักเพศเดียวกันในกีฬาฟุตบอล เป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อวงการฟุตบอลทั้งหมด แม้ในหลายประเทศซึ่งนักเตะและหน่วยงานด้านการกีฬาได้แสดงการสนับสนุนสิทธิ์ LGBTQ+ บางรูปแบบ
การไม่ยอมทนเพิ่มสูงขึ้นในอังกฤษและเวลส์
อังกฤษและเวลส์ ได้เผชิญกับการแจ้งเหตุที่เกี่ยวข้องกับรสนิยมทางเพศในอาชีพฟุตบอลเพิ่มมากขึ้น
ตัวเลขของกระทรวงมหาดไทยสหราชอาณาจักร ระบุว่า ตำรวจได้รับแจ้งเหตุมากกว่า 130 กรณีในฤดูกาล 2021-2022 นี่เป็นตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลนี้เมื่อ 5 ปีก่อน
“ผมเคยเข้าชมการแข่งขันพร้อมกับแฟนสาวหลายคนและจูบพวกเธอ แต่ผมรู้สึกไม่สบายใจที่จับมือกับผู้ชายในสนามฟุตบอล” ทอมมี สจ๊วต แฟนบอลทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และผู้ผลิตรายการพอดแคสต์ ซึ่งเป็นคนรักได้ทั้งสองเพศ เล่า
“ผมเป็นผู้ชายที่สูง 185 เซนติเมตร หนัก 95 กิโลกรัม” เขากล่าวเพิ่มเติม
สจ๊วต กล่าวว่า เขาไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์โดยตรงระหว่างคนที่เข้าชมการแข่งขันที่เขาเข้าชม แต่เขาเชื่อว่า ฐานแฟนฟุตบอลในอังกฤษและหลายส่วนของโลกซึ่งโดยมากเป็นผู้ชาย คนรักเพศตรงข้าม และคนที่ชอบดื่มจนเมา อาจมีรูปลักษณ์ภายนอกดูน่ากลัวสำหรับคนอื่น
“ผมมั่นใจว่า บรรยากาศจะยิ่งแย่มากขึ้นสำหรับผู้หญิงและกลุ่มคน LGBTQ+” สจ๊วต ตั้งข้อสังเกต
“อย่างวันก่อน ผมไปชมการแข่งขันของฝ่ายทีมเยือน แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แถวนั้นเริ่มร้องเพลงที่มีเนื้อหาเกลียดชังคนรักเพศเดียวกัน ผมรู้สึกอึดอัดมาก”
เจ้าหน้าที่ทางการของอังกฤษได้ใช้มาตรการหลายอย่างในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพื่อจำกัดการเหยียดเชื้อชาติและการเกลียดชังคนรักเพศเดียวกันบนอัฒจันทร์ ซึ่งรวมถึงการที่ตำรวจควบคุมแฟนบอลที่มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง แต่สจ๊วตกล่าวว่า ยังไม่มีการจัดการกับการเกลียดชังคนรักเพศเดียวกันมากถึงขั้นนั้น
เวฟที่เลวร้ายของเม็กซิโก
เม็กซิโกเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เผชิญกับปัญหานี้ เป็นที่ทราบกันดีทั่วโลกว่า เม็กซิโกซึ่งเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งต่อไป (เจ้าภาพร่วมอีกสองชาติคือ สหรัฐฯ และแคนาดา) ขึ้นชื่อด้านการเล่น “เวฟ” บนอัฒจันทร์ แต่หน่วยงานด้านการกีฬาได้พยายามมานานหลายปีแล้วให้แฟนบอลเลิกตะโกนข้อความเหยียดชายรักชายในเกมการแข่งขัน
แม้กระทั่งในนัดที่นักฟุตบอลชายทีมชาติเม็กซิโกเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ ก็มีการตะโกนข้อความเหล่านี้
ด้วยเหตุผลนี้เอง ในเดือน พ.ย. 2021 ฟีฟ่า หน่วยงานกำกับดูแลฟุตบอลได้สั่งให้เม็กซิโกลงเตะในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2 นัด โดยไม่ให้แฟนบอลเข้าชมการแข่งขัน
แม้ว่าหน่วยงานกำกับดูแลด้านการกีฬาของเม็กซิโกรับปากว่า จะห้ามผู้ที่กระทำการดังกล่าวเข้าชมการแข่งขันนาน 5 ปี แต่ก็พบว่า มีการตะโกนข้อความเหยียดในนัดที่เม็กซิโกลงเตะกับสหรัฐฯ ในบ้านของตัวเองก่อนหน้านี้ในปีนี้
“ในฐานะชาวเม็กซิโก เป็นที่ทราบกันว่า เราเป็นผู้ส่งออกข้อความนี้” อันโดนี เบโย นักเคลื่อนไหว LGBTQ+ ชาวเม็กซิโก กล่าวในการแถลงข่าวในเดือน ส.ค. โดยได้กล่าวถึงรายงานหลายแห่งที่ว่า ปัจจุบัน มีการตะโกนข้อความเหยียดหยามนี้ในการแข่งขันฟุตบอลอาชีพในบราซิลและในสหรัฐฯ ด้วย”
“เราต้องกำจัดเรื่องนี้ออกไปจากการแข่งขัน”
ผู้เล่น LGBTQ+ อยู่ที่ไหนบ้าง
ฟุตบอลชายเป็นกีฬาที่มีผู้เล่น LGBTQ+ ที่เปิดเผยตัวตนอยู่น้อยมาก จนถึงปัจจุบันนี้ มีผู้เล่นเพียงคนเดียวในลีกชั้นนำของโลกที่เปิดตัวขณะยังเล่นกีฬาอยู่ นั่นก็คือ จัสติน ฟาชานู ของอังกฤษ ในปี 1990
“ต้องมีนักฟุตบอลเกย์หลายพันคน แต่พวกเขาไม่เปิดเผยตัว เพราะคนที่ทำอย่างนั้น ได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้ายมาก” ทอมมี สจ๊วต เชื่อเช่นนั้น
“นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่า มีปัญหาในฟุตบอลชาย”
จนถึง วันที่ 11 พ.ย. มีนักฟุตบอลชายรักชายที่เปิดเผยตัวเพียงแค่คนเดียวที่จะร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในกาตาร์ นั่นก็คือ จอช คาวัลโล จากออสเตรเลีย ซึ่งเปิดเผยตัวเมื่อเดือน ต.ค. 2021
เมื่อเปรียบเทียบกับฟุตบอลหญิง หนึ่งในนักเตะที่โด่งดังที่สุดคือ เมแกน ราพีโน กองหน้าของสหรัฐฯ เป็นหญิงรักหญิงอย่างเปิดเผย และแต่งงานกับซู เบิร์ด นักบาสเกตบอล ส่วนทีมฟุตบอลหญิงของอังกฤษ ซึ่งคว้าชัยในการการแข่งขันยูโร 2022 ก็มีสมาชิกในทีมที่ “เปิดเผยตัวและภาคภูมิใจ” หลายคน
แต่เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในแอฟริกา จากการวิเคราะห์ในปี 2021 ของทีมตรวจสอบความจริงของบีบีซี มี 69 ประเทศที่มีกฎหมายที่ถือว่า การรักเพศเดียวกันเป็นความผิดทางอาญา โดยในจำนวนนี้เกือบครึ่งหนึ่งเป็นประเทศในแอฟริกา รวมถึงไนจีเรีย ซึ่งทีมฟุตบอลหญิงของไนจีเรียครองแชมป์จำนวนมากในระดับทวีป
ในปี 2016 เมื่อทีมชาติไนจีเรียไม่สามารถผ่านเข้ารอบการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในนครรีโอเดจาเนโร ของบราซิล เชยี อากินวุนมี รองประธานสหพันธ์ฟุตบอลไนจีเรีย (Nigeria Football Federation) ได้กล่าวโทษว่า “การเป็นหญิงรักหญิง” ทำให้ผลงานออกมาไม่ดี
“เรากำลังสูญเสียโอกาส”
อินโดนีเซียไม่ได้มีโทษทางอาญาสำหรับการรักเพศเดียวกัน แต่ได้มีการจำกัดสิทธิ์หลายอย่าง เช่น การแต่งงานและการรับบุตรบุญธรรม
อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่มระบุว่า มีการเลือกปฏิบัติโดยทั่วไป
ดังนั้นบางทีจึงไม่เป็นที่น่าประหลาดใจว่า ทำไม สแตน ที่ปรึกษาด้านการตลาดที่เป็นกลุ่มคน LGBTQ+ จึงไม่รู้สึกอยากจะไปดูการแข่งขันที่สนาม แม้แต่ในช่วงก่อนที่จะเกิดเหตุคนเหยียบกันเสียชีวิต 130 คนที่สนามฟุตบอลในชวาตะวันออกเมื่อเดือนที่แล้วก็ตาม
“ผมเคยไปดูเกมหนึ่งเมื่อ 4 ปีก่อน และรู้สึกตกใจมากที่ผู้คนพากันตะโกนถ้อยคำเหยียดคนรักเพศเดียวกันใส่นักเตะ และแฟนบอลคนอื่น ๆ” สแตน ซึ่งไม่เปิดเผยนามสกุลวัย 25 ปีกล่าว
“มันไม่ใช่ที่ปลอดภัยสำหรับผมและมันน่าเสียดาย แฟนบอล LGBTQ อย่างผม ซึ่งชื่นชอบฟุตบอลมากกำลังสูญเสียโอกาส”
เกมที่ยาวนาน
ข่าวดีคือ หน่วยงานกำกับดูแลด้านการกีฬาและสโมสรฟุตบอลทั่วโลก กำลังเพิ่มความพยายามในการเปิดกว้างมากขึ้นสำหรับแฟนบอล LGBTQ+ และลดพฤติกรรมเกลียดชังคนรักเพศเดียวกันลง หลายทีมมีกลุ่มแฟนบอลที่เป็น LGBTQ+ หลายกลุ่ม
แต่มิลลี ลากอมบ์ เชื่อว่า จำเป็นต้องมีการรณรงค์ด้านการศึกษามากขึ้นในทุกระดับ เพื่อเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของฟุตบอลที่ว่า “เป็นเกมของผู้ชายที่รักผู้หญิงเท่านั้น”
เธอบอกว่า “เพียงวันก่อนเท่านั้น ที่สุดท้ายแล้ว แฟนบอลผู้หญิงก็สามารถซื้อเสื้อฟุตบอลที่ทำขึ้นมาสำหรับรูปร่างของผู้หญิงโดยเฉพาะได้”
“ผู้หญิงและกลุ่มคน LGBTQ ก็อยากจะเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลเหมือนกัน แต่กีฬานี้ยังมีฐานที่มั่นสุดท้ายของศัตรูตั้งอยู่ส่วนหนึ่ง ในการต่อสู้เรื่องการเกลียดชังผู้หญิงและการเกลียดกลัวคนรักเพศเดียวกัน”