โดย PPTV Online
เผยแพร่
พรีเมียร์ลีกคู่แรกของสัปดาห์นี้ เป็นการพบกันของลิเวอร์พูลทีมอันดับที่ 7 ของตารางที่เก็บชัยมา 2 นัดติด เริ่มคืนฟอร์มก่อนมาเยือน น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทีมอันดับบ๊วย ที่ชนะเพียงแค่นัดเดียวในฤดูกาลนี้อยู่อันดับที่ 20 ของตาราง
ข่าวร้ายของทีมเยือนตั้งแต่ยังไม่ลงสนาม เมื่อในรายชื่อตัวจริงและตัวสำรองไม่มีชื่อของ ดาร์วิน นูนเญซ และ ติอาโก้ อัลคันทาร่า สองกำลังหลักของทีม นี่ยังไม่รวมนักเตะที่เจ็บอยู่แล้วก่อนหน้านี้อย่าง หลุยส์ ดิอาซ , อิบราฮิม โคนาเต้, อาร์ตูร์ , ดิโอโก้ โจต้า , โจเอล มาติป , นาบี เกอิต้า กว่าจะไล่ชื่อจนจบก็เหนื่อยใจแทนแฟนหงส์แดง
เกมนี้ลูกทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ มาในระบบที่แตกต่างไปจากปีก่อน พยายามปรับแก้เกมรุกที่ค่อนข้างฝืดในฤดูกาลนี้
ผลบอลสด !! พรีเมียร์ลีก ฟอเรสต์ พบ ลิเวอร์พูล 22 ต.ค. 65
2 โธมัส ปัดคุม แอสตัน วิลล่า แทน เจอร์ราร์ด
โดยการเอาซาลาห์ไปยืนตรงกลางมากกว่าที่จะปักหลักริมเส้นเหมือนปกติ โดยใช้ “บ็อบบี้” ฟีร์มีโน่ เล่นเป็นตัวฟรีคอยสร้างสรรค์เกมร่วมกับ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ซึ่งรายหลังเล่นแทบไม่ออกจนต้องโดนเปลี่ยนตัวออกไป
ถ้าใครดูเกมอยู่คงเห็นเหมือนกันว่าซาลาห์นั้นแทบจะทำอะไรไม่ถนัด เพราะการยืนอยู่กลางดงกองหลังของเจ้าป่า แทบจะไม่มีพื้นที่ให้ลากเลื้อยตามที่เจ้าตัวถนัด แต่จะทำไงได้เมื่อตัวจบสกอร์ของทีมเจ็บกันไปหมด ซาลาห์ก็ต้องรับหน้าที่เฉพาะกิจครั้งนี้ไป แลกมากับเกมริมเส้นที่เคยเป็นอาวุธอันตรายของหงส์แดงมาตลอดก็หายไปด้วย
เกมเกือบจะเข้าทางของหงส์แดงแล้ว ในช่วงนาทีที่ 37 เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค หลุดเข้าไปมีโอกาสโหม่งทำประตูจ่อ ๆ แต่เจ้าตัวเลือกจะโหม่งชงให้ฟีร์มีโน่ แต่บอลแรงหลุดออกหลังไปแบบน่าเสียดาย แทบจะเป็นโอกาสเหน่ง ๆ ที่สุดของทีมเยือนในครึ่งแรกแล้ว
ส่วนเจ้าบ้านก็ช่วยกันเล่นเกมรับอย่างมีวินัย และอาศัยโอกาสในการสวนกลับเล่นงานกองหลังอย่าง โจ โกเมสที่ฟอร์มผีเข้าผีออก สุดท้ายมาได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 55 โดย “ไตโว อโวนิยี่” อดีตนักเตะเก่าของลิเวอร์พูลเอง สิ่งที่น่าสนใจคือเขาอยู่กับหงส์แดงนานถึง 6 ปี แต่ไม่เคยลงสนามให้กับทีมแม้แต่นาทีเดียว ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเป็น”ตัวยืม” ก่อนที่ปีที่แล้วเขาจะโชว์ฟอร์มดีกับอูนิโอน เบอร์ลิน ล่อให้ฟอเรสควักกระเป๋าเป็นเงินก้อนโตคว้าตัวกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีก
นี่เป็นนัดที่ 7 จาก 11 นัดในฤดูกาลนี้เข้าไปแล้ว ที่ลูกทีมของคล็อปป์โดนขึ้นนำไปก่อน นี่คือประเด็นหลักเลยที่ทำให้ทีมของพวกเขาเจองานลำบากในการคัมแบ็คกลับมาจากสกอร์ที่ตามหลัง เพราะเกมรุกตอนนี้ ไม่ได้ทรงประสิทธิภาพเหมือนซีซั่นที่ผ่าน ๆ มาอีกต่อไป เป็นการบ้านที่คล็อปป์เองต้องเก็บกลับไปแก้ไขต่อไป
หลังประตูขึ้นนำ ใช่ว่าหงส์แดงจะไม่มีโอกาสทำประตูเลย แต่ก็เป็นการยิงทิ้งขว้างไม่คมกันไปเอง โดยเฉพาะฟาน ไดจ์ค ที่เกมนี้มีโอกาสน่าเป็นประตูถึง 3 ครั้ง น่าจะมากกว่าทุกคนในสนาม แต่ก็ยิงนกตกปลาไปซะหมด ด้านเจ้าป่าก็มีโอกาสสวนเพื่อปิดเกมหลายรอบ แต่ก็ได้อลีสซง เบ็คเกอร์ ช่วยเซฟไว้ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง
จบเกมกลายเป็นฟอเรสต์ที่หาชัยชนะไม่เจอมา 9 นัด เก็บสามแต้มขยับหนีบ๊วยขึ้นมาก่อนที่เลสเตอร์ซิตี้จะลงสนาม ส่วนเดอะ ค็อปก็เซ็งไปตาม ๆ กัน ถ้าก่อนเกมมีคนบอกว่าหงส์แดงจะแพ้ในนัดนี้คงไม่มีใครเชื่อมากนัก แม้ว่าหงส์แดงจะฟอร์มไม่ค่อยดีตอนนี้ แต่ก็คงไม่มีใครเชื่อว่าจะมาแพ้ทีมบ๊วยที่ไม่ชนะใครมาตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม แต่ถ้ามองเฉพาะฟอร์มฤดูกาลนี้พวกเขาเก็บได้เพียง 2 คะแนน จากการเล่มเกมเยือน และแพ้ไปแล้ว 4 เกมจาก 16 เกมในฤดูกาลนี้ ต่างจากฤดูกาลที่แล้วที่แพ้เพียง 4 นัดหลังลงเล่นไป 63 เกม เรียกได้ว่าอาการหนักพอสมควร
สิ่งที่ทำให้หงส์แดงตอนนี้ไม่ใช่ทีมเดิมคงเป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่เล่นงานอย่างหนัก ตัวที่เจ็บไปก็เป็นตัวหลักของทีมทั้งนั้น ทำให้ขนาดทีมเล็กลงไปอีก ตัวเปลี่ยนเกมที่จะลุกมาจากซุ้มม้านั่งสำรองก็แทบไม่มีใครที่พึ่งพาได้ จะหมุนเวียนนักเตะลงสนามตามโปรแกรมที่เตะทุก ๆ 3 วันก็ทำไม่ได้ จะขยับไปทางไหนก็ติดปัญหาอาการบาดเจ็บทั้งหมด ตอนนี้เหล่าสาวก “เดอะ ค็อป” คงได้แต่ภาวนาให้ตัวเจ็บหายกลับมาเร็วที่สุด และไม่มีใครเจ็บเพิ่ม ไม่งั้นเราอาจจะได้เห็นอาถรรพ์ปีที่ 7 ของคล็อปป์ทำงานอีกครั้งก็เป็นได้
ลัทธิฟุตบอล
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline