‘แมนยูฯ-TeamViewer’ ตัวอย่างสัญญาฟุตบอลยุคโควิด

วันอาทิตย์ ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2564, 07.00 น.

TeamViewer บริษัทซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ระดับโลกสัญชาติเยอรมนี กระโดดเข้าสู่ตลาดกีฬาเป็นครั้งแรก และสร้างความตื่นเต้นด้วยการเซ็นสัญญาเป็นสปอนเซอร์คาดหน้าอกเสื้อของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งเกาะอังกฤษ

สัญญาครั้งนี้อยู่ที่มูลค่าองค์รวม 5 ปี 235 ล้านปอนด์ เฉลี่ยออกมาคือ 47 ล้านปอนด์

การเข้ามาครั้งนี้คือการแทนที่ เชฟโรเลต(Chevrolet) ที่อยู่กับทีมมานานนับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา ยุติสัญญา 7 ปีเต็ม หลังจากระหองระแหงกันอยู่พักใหญ่ ก่อนจะยุติการดีลซึ่งกันและกัน

ริชาร์ด อาร์โนลด์ กรรมการผู้จัดการของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกล่าวว่า เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้สร้างความร่วมมือกับ บริษัท ซอฟต์แวร์ระดับโลกที่น่าตื่นเต้นและไม่หยุดนิ่งที่สุดแห่งหนึ่ง

“ความสามารถในการเชื่อมต่อและทำงานร่วมกันแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กำลังจะเริ่มต้นขึ้น กับผู้ติดตามของเรากว่า 1.1 พันล้านคน”

ดีลจะเริ่มอย่างเป็นทางการในซีซั่นหน้า…..2021-22

l ปิดสัญญาการค้าพันธมิตรค่ายรถ

เมื่อ 1 มิถุนายน ปี 2012 เจเนรัล มอเตอร์ ภายใต้แบรนด์ “เชฟโรเลต” ค่ายรถยนต์ชื่อดังสัญชาติอเมริกา ประกาศเป็นพันธมิตรทางการค้าร่วมกับ แมนยูฯ กระทั่งมีการ “คาดหน้าอก”อย่างเป็นทางการ ในปี 2014 โดยเซ็นกันยาว 7 ปี จนถึงปีค.ศ. 2021

มาถึงช่วงกลางเดือนตุลาคม 2019 มีข่าวลือหนาหูว่าเชฟโรเลต ไม่ต้องการต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไป ทำให้สโมสรต้องหาสปอนเซอร์รายใหม่ต่อไป

สื่อดังกล่าว ยังแย้มด้วยว่า ขณะนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เริ่มมองหาสปอนเซอร์รายใหม่แล้ว และมีแบรนด์ดังชั้นนำระดับโลกให้ความสนใจมากมาย แต่ยังไม่สามารถตกลงกับเจ้าไหนได้ กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์สำคัญของโลกก็คือ การระบาดของโควิด-19

แมนยูฯ พยายามออกมายืนยันความสัมพันธ์อันดีมาโดยตลอด โดยให้เหตุผลว่า ยังไงก็จะทำงานกันต่อไป เพื่อจะร่วมกันสร้าง


ผลประโยชน์ให้ดีที่สุดทั้งสองฝั่ง กระทั่งสุดท้ายก็ไม่มีการต่อสัญญาฉบับใหม่ จนถึงการเปลี่ยนแปลงในที่สุด

l TeamViewer คืออะไร???

สปอนเซอร์ใหม่ที่เข้ามาร่วมครอบครัวยูไนเต็ด และกำลังเป็นที่สนใจไปทั่วโลก คือใครกันแน่

พวกเขาคือบริษัทสัญชาติเยอรมนี เป็นโปรแกรมที่ช่วยให้เราเข้าไปควบคุมคอมพิวเตอร์อีกเครื่องได้เสมือนเราไปนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น โดยอาศัยการเชื่อมต่อผ่านระบบอินเตอร์เนต

โซลูชั่นเพื่อสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยและเชื่อมต่อกัน

ระบบให้การเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่รวดเร็วและปลอดภัยสำหรับทุกคน ด้วยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและเครือข่ายระดับโลกที่รวดเร็วและปลอดภัยอย่างไม่น่าเชื่อ

พวกเขาระบุเอาไว้ชัดเจนว่า โลกกลายเป็นสถานที่ที่มีขนาดเล็กลง ซึ่งปูทางสู่พื้นที่ทำงานร่วมกันทั่วโลกอย่างแท้จริง

TeamViewer เป็นเทคโนโลยีสนับสนุนระยะไกลรายแรกของโลกที่อนุญาตการแชร์หน้าจอบนอุปกรณ์ iOS จากเดสก์ท็อปหรืออุปกรณ์มือถือ นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ Android ที่คล้ายกันได้ทั้งหมดได้ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับการสนับสนุนพนักงานในองค์กรที่ให้พนักงานนำอุปกรณ์มาเอง หรือองค์กรขนาดใหญ่ที่มีอุปกรณ์พนักงานทุกประเภท

โซลูชันระบบความเป็นจริงเสริมของ TeamViewer หรือที่เรียกว่า TeamViewer Pilot จะช่วยให้แก้ปัญหา แม้อยู่ไกลจากหน้าจอได้

This image is not belong to us

l 6พันธมิตรในตำนานของ‘ปีศาจแดง’

นับตั้งแต่ฟุตบอลอังกฤษ เป็นต้นแบบในการเซ็นสัญญาคาดหน้าอก เพราะฟุตบอลได้รับความนิยมไปทั่วโลกทั้งผ่านการถ่ายทอดสด และบันทึกเทปการแข่งขันในยุค 80 หนึ่งในทีมได้รับการสนับสนุนทีมแรกๆ ก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ลิเวอร์พูล เอฟซี คู่ปรับสำคัญของ แมนยูฯ คือเจ้าแรกที่ได้รับการ “คาดหน้าอก” จากบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าดังอย่าง “ฮิตาชิ (HITACHI)” และในช่วงนั้นหลายทีมเริ่มได้รับการสนับสนุนจนกลายเป็น “กระแส” เครื่องใช้ไฟฟ้า กับ ฟุตบอลอังกฤษ อาทิ ลิเวอร์พูล กับ ฮิตาชิ และแคนดี้ (Candy), เอฟเวอร์ตัน กับเอ็นอีซี (NEC) หรือ อาร์เซนอล กับ เจวีซี (JVC)

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เซ็นสัญญาครั้งแรกเมื่อปี 1982 กับ ชาร์ป (SHARP) เมื่อปี 1982

“ภาพจำ” ของผมซึ่งเป็นเด็กๆ ในยุคนั้นก็จะเป็น ชาร์ป ที่คู่กับแมนยูฯ มาโดยตลอดจนกระทั่งเปลี่ยนมาเป็น โวดาโฟน (Vodafone)ในปี 2000 โดยราคาจบที่ 7.5 ล้านปอนด์

จากนั้นในปี 2006 ยูไนเต็ด มีพันธมิตรใหม่คาดหน้าอกคือ เอไอจี(AIG) บริษัทประกันภัยชื่อดัง ด้วยสัญญา 14 ล้านปอนด์ต่อปี เป็นลำดับที่ 3 ของสโมสร

“Aon” สถาบันที่ให้คำปรึกษาในเรื่องของการเงินและความเสี่ยงอันดับต้นๆ ของโลก เข้ามาเป็นสปอนเซอร์คาดหน้าอกลำดับที่ 4 ราคา 21 ล้านปอนด์

เชฟโรเลต คืออันดับที่ 5 ที่เข้ามาทำงานกับ แมนยูฯ เมื่อเข้ามาเซ็นสัญญามหาศาลถึงสูงสุดถึง 64 ล้านปอนด์ต่อปี

ท้ายที่สุดแล้ว ซีซั่นหน้า ยูไนเต็ด จะคาดหน้าอกด้วยพันธมิตรใหม่เป็นลำดับที่ 6 ของสโมสร TeamViewer

เมื่อเทียบแล้วราคาได้ลดลงกว่าเดิมถึง 17 ล้านปอนด์เลยทีเดียว…………

l ทำไมถึงลด-ทำไมถึงต้องเซ็น

สถานการณ์โควิด-19 ยังไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่หลายคนคิด แม้ว่าจะมีวัคซีนแล้วก็ตามที การระบาดยังคงดำเนินต่อไป และเมืองใหญ่ๆ หลายเมืองในยุโรปยังต้องกลับไปล็อกดาวน์กันอีกครั้ง

ผลกระทบหากใครได้ติดตามอ่านเรื่องราวของกีฬาที่นี่แล้ว จะทราบดีว่า “ฟุตบอลกีฬาที่ว่า “ไม่มีวันตาย” บางทีถ้าสถานการณ์ยังคงเลวร้ายต่อเนื่องแบบนี้

อาจจะไม่รอดได้เหมือนกัน

เงินในโลกใบนี้อยู่ที่ทวีปเอเชีย 70 เปอร์เซ็นต์ เมื่อมันไม่ได้หมุนเวียนไปที่ต่างๆ ความฝืดเคืองย่อมจะเกิดขึ้น และที่สำคัญก็คือหนึ่งการกระทบกระเทือนครั้งสำคัญก็คือ ธุรกิจฟุตบอล

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดกับ “รายได้ที่หายไป” นับจนถึงวันนี้นานครบปีพอดี ที่เงินหายไปกับตา

1.แมทช์เดย์ ไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทต่อนัด

2.สเตเดี้ยมทัวร์ ไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาทต่อวัน

ผมยกตัวอย่างจากประสบการณ์ที่ประสบพบมากับตัวเอง และตัวเลขข้อมูลรายได้ในแมทช์การแข่งขัน อันนี้ตีค่าแบบ “ต่ำสุด”

นำเลข 365 คูณเข้าไปในข้อที่ 2 ส่วนข้อแรกนั้นง่ายที่สุดคือ นำเลข 19 คูณรอเอาไว้นับจากจำนวนแมทช์ในพรีเมียร์ลีก

ฐานการเงินจากเมื่อ 2 ซีซั่นก่อน พวกเขาได้รับเงินถึงนัดละกว่า 160 ล้านบาท แน่นอนว่า ทุกอย่างเติบโตขึ้น แต่กลับไม่ได้อะไรกลับมาเลย…….

This image is not belong to us

การสูญเงินรายได้ทั้ง 2 จุด ที่สำคัญนี้ พร้อมกับการตกลงสัญญามันตกท้องช้างพอดี สถานการณ์มันไม่ดีกันทั้งโลก อีกทั้ง เชฟโรเลต ทำท่าจะไม่ต่อสัญญามาตั้งแต่ 2 ปีก่อน โดยอ้างเรื่องผลงานในสนาม แต่หลายคนก็แอบคิดเรื่องผลงานในท้องตลาดของแบรนด์เช่นกัน

ประเด็นสำคัญก็คือ เรื่องเหล่านี้ บอร์ดบริหารของแมนยูฯ ได้ตั้งท่ารอกันไว้หรือไม่อย่างไร

สุดท้ายการเซ็นสัญญาอาจจะมีมูลค่ามหาศาลก็จริง แต่เม็ดเงินองค์รวมนั้นหายไปถึง 17 ล้านปอนด์ต่อปี ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แน่นอน

อีกทั้ง “ตัวแบรนด์” ที่เข้ามาโฆษณานั้น เป็นสิ่งที่เข้ากับโลกในปัจจุบันที่อยู่ในยุคของดิจิทัล ผลกระทบอาจจะน้อยที่สุดไม่เหมือนกับสินค้าต่างๆ ที่ตอนนี้ “เหนื่อยกันค่อนโลก”

นี่เป็นดีลที่น่าสนใจ และน่าจะส่งผลไปให้กับทั้่งโลกได้จับตามอง กับการเซ็นสัญญาใหม่ในอนาคตข้างหน้า กับเรื่องฟุตบอลที่ปกติจะมีแต่บวก มีแต่ขึ้นอย่างเดียว

แต่ครั้งนี้ทำให้ ยูไนเต็ด ถอยลงมาเป็นอันดับ 2 ของโลกเท่ากับ บาร์เซโลน่า และกลายเป็น เรอัล มาดริด ที่อยู่เฉยๆ ก็แซงขึ้นเบอร์ 1 ไปที่ 60 ล้านปอนด์ต่อไป

ดีลต่อไปจะเกิดขึ้นกับใคร เมื่อมองมุมนี้ เรอัล มาดริด จะได้แบบเดิมหรือไม่ เพราะการบินทั่วโลกยังแทบจะพิการ อย่าลืมว่าเอมิเรตส์ (Emirates) สายการบินประจำชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็โดนหางเลขไปไม่น้อยเช่นเดียวกัน

ธุรกิจฟุตบอลที่เฟื่อง และเติบโต ก็เกิดเรื่องแบบนี้ได้เหมือนกัน

โควิด-19 นี่มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ

บี แหลมสิงห์