ศิษย์พี่บี้ศิษย์น้องชิงท็อปโฟร์ ! ผ่า 5 ข้อก่อนเกม ลิเวอร์พูล ปะทะ เชลซี

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันเตรียมนำ ลิเวอร์พูล ทำศึกสำคัญในการรับมือ เชลซี ที่มี โธมัส ทูเคิ่ล กุมบังเหียน โดยเกมนี้หากทีมไหนชนะ พวกเขาจะได้ขึ้นไปรั้งอันดับ 4 ทันที เพราะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไม่มีโปรแกรมแข่งช่วงกลางสัปดาห์นี้

 “หงส์แดง” ได้รับข่าวดีที่รอคอยนั่นก็คือการกลับมาของ อลีสซง เบ็คเกอร์ และ ฟาบินโญ่ ขณะที่ ดีโอโก้ โชต้า น่าจะมีชื่ออยู่ในขุมกำลังที่จะพบกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” ขณะที่ผู้มาเยือนต้องบอกว่ามีนักเตะที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าบ้านหลายเท่า แถมฟอร์มกำลังร้อนแรงสุดๆ

 สามแต้มในแมตช์นี้ นอกจากจะมีความหมายต่อการขึ้นอันดับท็อปโฟร์แล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของ ทูเคิ่ล ว่าเขาจะสามารถหลุดพ้นร่มเงาของ คล็อปป์ รุ่นพี่ที่นับถือมาตลอดได้หรือไม่ หลังจากที่มักจะโดนเปรียบเทียบมาตลอดอาชีพกุนซือ !!

1. โชต้า กลับมาซ้อมพร้อมคืนสังเวียน

 ต้องบอกเลยว่านี่คือข่าวดีที่สาวก “เดอะ ค็อป” รอคอยมานานหลายเดือน เมื่อ ดีโอโก้ โชต้า กองหน้าชาวโปรตุกีส หายจากอาการบาดเจ็บ กลับมาลงฝึกซ้อมได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว และน่าจะได้ช่วยทีมในเกมปะทะกับ เชลซี ที่สนามแอนฟิลด์

 จริงๆ แล้ว โชต้า มีชื่ออยู่ในทัพ “หงส์แดง” แมตช์ที่บุกไปไล่ต้อน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่สนามบรามอลล์ เลน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่น่าเสียดาที่เจ้าตัวต้องถูกส่งกลับบ้านไปก่อนเนื่องจากมีอาการป่วย แต่ตอนนี้นักเตะกลับมาแข็งแรงเรียบร้อยแล้ว

 ล่าสุด สตาร์ลูกหนังแดนฝอยทอง มีส่วนในการร่วมฝึกซ้อมกับต้นสังกัด แม้ว่าจะเป็นการแยกซ้อมเดียวก็ตาม แต่ดูจากใบหน้า และลีลาในการซ้อมแล้ว ต้องบอกเลยว่า โชต้า เต็มไปด้วยความพร้อมในด้านร่างกายและจิตใจ 

 ส่วนโอกาสในการลงเล่นเกมสุดสำคัญกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” นั้น ต้องขึ้นอยู่กับว่า คล็อปป์ กล้าเสี่ยงที่จะใช้งานเขาหรือเปล่า แต่ถ้ามองจากการฝึกซ้อมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะได้เห็นเขาลงเล่น แต่จะตัวจริงหรือสำรองต้องลุ้นกันต่อไป 

 

2. อลีสซง หัวใจแกร่งเตรียมลงเฝ้าเสา

 ในแมตช์กับ “ดาบคู่” แฟนบอลลิเวอร์พูล เข้าใจได้ถึงเหตุผลที่ คล็อปป์ ตัดสินใจดร็อป อลีสซง เบ็คเกอร์ เพราะนายทวารชาวบราซิเลียน ยังอยู่ในช่วงทำใจจากกรณีที่คุณพ่อสุดที่รักเสียชีวิตไปแบบไม่ทันตั้งตัว และทำให้ อาเดรียน ได้ลงทำหน้าที่เฝ้าเสา

 นายด่านชาวสแปนิช ได้รับคำชมค่อนข้างเยอะมากในเกมกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เพราะเขาทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม ทั้งการตัดบอลที่เน้นความแน่นอน การเตะบอลที่แม่นยำ รวมไปถึงจังหวะโชว์เซฟสำคัญสองสามครั้งในแมตช์ดังกล่าว

 อย่างไรก็ตามตอนนี้ อลีสซง กลับสภาพจิตใจได้แล้ว และแน่นอนว่า กุนซือชาวเยอรมัน พร้อมที่จะให้เขากลับมายืนเฝ้าเสาในฐานะมือ 1 ทันที ส่วน อาเดรียน ก็ยินดีไม่มีปัญหาที่จะคืนตำแหน่งให้กับเจ้าของเดิม 

 แม้ อลีสซง จะฟอร์มหลุดไปบ้างในช่วงไม่กี่เกมที่ผ่านมา และถูกวิจารณ์อย่างหนัก แต่ คล็อปป์ และเพื่อนร่วมทีมยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของเขาอยู่เสมอ เนื่องจากเจ้าตัวมีผลงานที่ยอดเยี่ยมมากมาย และการได้เขามายืนเฝ้าเสาทำให้แผงแบ็กโฟร์รู้สึกอุ่นใจ

3. ฟาบินโญ่ กลับมาแล้ว

 การขาดเซนเตอร์แบ็กตัวหลัก และตัวขัดตาทัพอย่าง ฟาบินโญ่ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ทำให้สาวก “เดอะ ค็อป” หวาดหวั่นพอสมควร แต่ผลงานของ นาธาเนียล ฟิลลิปส์ กับ โอซาน คาบัค ในเกมล่าสุดถือว่าช่วยแก้ขัดคู่เซนเตอร์แบ็กได้ในระดับหนึ่ง

 ในแมตช์ที่ต้องรับมือ เชลซี ที่กำลังฟอร์มร้อนแรงเหลือเกินนับตั้งแต่ที่ โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามากุมบังเหียน แน่นอนว่าการใช้ ฟิลลิปส์ กับ คาบัค เล่นคู่กันค่อนข้างสุ่มเสี่ยง เพราะแนวรุกของ “สิงโตน้ำเงินคราม” โหดสลัดซัดทุกจังหวะ

 อย่างไรก็ตามปัญหาที่กังวลค่อนข้างจะคลี่คลายไปได้บ้างเมื่อ คล็อปป์ ยืนยันว่า ฟาบินโญ่ หายจากอาการบาดเจ็บ และฟิตสมบูรณ์ พร้อมที่จะกลับมาประจำตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กอีกครั้ง ส่วนคู่หูของเขาจะเป็นใคร นี่คือประเด็นที่น่าสนใจ

 สำหรับตอนนี้ตัวเลือกเบอร์ 1 ที่จะมาเล่นร่วมกับ ฟาบินโญ่ ก็คงเป็น คาบัค แต่ก็อาจจะไม่แน่เพราะตอนนี้ เบน เดวิส เพิ่งมีภาพลงฝึกซ้อมร่วมกับเพื่อนร่วมทีม แสดงให้เห็นว่าเขาฟิตเต็มร้อย และงานนี้อาจจะมีเซอร์ไพรส์จาก คล็อปป์ ก็ได้

 

4. สามประสานจะได้ลงตัวจริงอยู่ไหม

 การที่ โชต้า กลับมามีสภาพร่างกายที่ฟิตแล้ว และกลับมาลงฝึกซ้อมได้ แม้ว่าจะต้องแยกซ้อมเดี่ยวก็ตาม แต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีเยี่ยมสำหรับแนวรุกของทีม แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการส่งสัญญาณไปยัง 3 ประสานว่าต่อจากนี้ไปพวกเขาคงอยู่ไม่สุขแล้ว

 ด้วยผลงานของ ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ไม่ค่อยเฉียบคมนับตั้งแต่ช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมา จนกระทั่งปัจจุบัน ส่งผลให้ “หงส์แดง” ต้องได้รับผลการแข่งขันที่น่าผิดหวังหลายแมตช์

 ในรายของ ซาลาห์ ยังถือว่ามีบุญเก่าเพราะยิงประตูเอาไว้เยอะ และยังสามารถขู่กองหลังคู่แข่งได้เสมอ ส่วน มาเน่ ยังมีความคล่องตัวและความเร็วในการวิ่งทะลุทะลวง แต่ในรายของ ฟีร์มีโน่ ต้องบอกว่าโดนวิจารณ์หนักมาก เพราะเป็นกองหน้าที่เน้นจ่ายไม่เน้นยิง

 แม้เกมล่าสุด “บ็อบบี้” จะโชว์ฟอร์มได้ดี มีส่วนกับชัยชนะของทีมก็ตาม แต่หาก โชต้า ฟิตสมบูรณ์และสามารถลงตัวจริงได้ หวยก็คือออกที่เขา หรือในกรณีที่ โชต้า ไม่ได้ลงตัวจริง แต่เมื่อทีมต้องการเปลี่ยนแปลงเกมรุก ฟีร์มีโน่ก็คงเป็นชื่อแรกที่ คล็อปป์ คงจับเปลี่ยนออกในครึ่งหลัง

5. คล็อปป์ Vs ทูเคิ่ล วัดกึ๋นพาทีมชิงท็อปโฟร์

 “หงส์แดง” ปะทะ “สิงห์บลูส์” นอกจากจะเป็นบิ๊กแมตช์แล้ว ยังเป็นการกลับมาเจอกันอีกครั้งของสองศรีศิษย์ร่วมสำนักไมนซ์ โดยทั้ง คล็อปป์ และ ทูเคิ่ล ได้ชื่อว่าเป็นกุนซือรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีปรัชญาการคุมทีมแทบถอดแบบกันออกมา

 แน่นอนว่า ทูเคิ่ล มักจะต้องตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของรุ่นพี่มาตลอด ทั้งการเติบโตมาจาก ไมนซ์ ตามด้วยไปสร้างชื่อกระฉ่อนกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แม้จะประสบความสำเร็จตอนคุม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แต่ก็ไม่ค่อยได้รับเครดิตมากนัก เนื่องจากหลายคนมองว่าด้วยเม็ดเงินและขุมกำลังของ “เปแอสเช” กุนซือคนไหนก็ทำทีมคว้าแชมป์

 การเดินทางมาคุม เชลซี ก็เหมือนกับการเดินตามรอย คล็อปป์ ในการเข้ามาทำมาหากินในประเทศอังกฤษ แต่สิ่งที่จะทำให้ ทูเคิ่ล พ้นจากเงาของรุ่นพี่ชาวเยอรมันก็คือการพลิกฟื้น “สิงห์บลูส์” กลับมามีชีวิต และชิงตำแหน่งท็อปโฟร์มาให้ได้

 ลองคิดดูหาก ทูเคิ่ล นำทีมบุกปราม ลิเวอร์พูล คาถิ่นแอนฟิลด์ได้ แน่นอนว่าเขาจะได้รับเครดิตยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า และยังเป็นการตัดโอกาส “หงส์แดง” ในการลุ้นอันดับ 4 ของพวกเขาให้ลดลงด้วย ยิ่งถ้าเมื่อจบซีซั่นนี้ แชมป์เก่าไม่ได้โควต้าลุย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คงไม่ต้องบอกนะว่า ทูเคิ่ล จะรู้สึกยังไง !?!

    ทอมเม้ง